นาทีนี้จะทำอะไรดูเหมือนจะยากไปทุกอย่าง แม้กระทั่งการปรับ ครม.ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มี “พ่อ” เป็นผู้มีบารมีระดับแนวหน้าก็หาใช่ว่าจะทำอะไรให้ได้อย่างใจไม่ได้พูดง่ายๆว่าไม่มีใครกลัวใครแล้ว ยุ่งยากนักก็พร้อมจะออกไปเป็นฝ่ายค้านแล้วไปสู้กันในสนามเลือกตั้งที่เคยเอ่ยในลักษณะว่าจะปรับใหญ่ก็ได้แค่พูดเท่านั้น แม้แต่ปรับเล็กก็ยังไม่สามารถทำได้ง่าย แค่จะเปลี่ยนรัฐมนตรีมหาดไทย“อนุทิน ชาญวีรกูล” ก็ท้าเลยถ้าจะเอามหาดไทย “ภูมิใจไทย” ก็พร้อมจะเป็นฝ่ายค้านนี่การเมืองมันเป็นอย่างนี้เสียแล้ว!คนมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ก็ต้องคิดหนักเหมือนกัน เพราะ “ภูมิใจไทย” ก็ต้องการกระทรวงเนื่องจากมีผลต่อการเลือกตั้ง เป้าหมายจึงไม่ต่างกันบริหารกระทรวงนี้ แต่งตั้งข้าราชการระดับต่างๆด้วยมือของตัวเอง จู่ๆจะมา “หักดิบ” ยึดไปง่ายๆ ใครจะไปยอมนายกรัฐมนตรีคงเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะด้านหนึ่งก็เพื่ออนาคตข้างหน้า หมายถึงต้องชนะเลือกตั้ง แต่อีกด้านหนึ่งก็ไม่ต้องการแตกหักที่สำคัญ “เสี่ยหนู” ก็ทำงานเข้าขากันด้วย สามารถสนองความต้องการของนายกรัฐมนตรีได้เป็นอย่างดีที่สำคัญเวลานายกรัฐมนตรีต้องเจอปมการเมืองหนักๆอย่างการถูกเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “อนุทิน” ก็แสดงตัวปกป้องอย่างเต็มที่ยิ่งกว่าคนของ “เพื่อไทย” เสียอีก!ก็ต้องรอดูว่าจะพูดคุยแลกเปลี่ยนกระทรวงกันได้หรือไม่ เห็นมีข่าวว่าได้นัดหมายกันแล้วโดยไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นร่วมด้วยคือเจรจากันระหว่าง 2 พรรคเท่านั้นอยู่ที่ว่าหัวหน้าพรรค “เพื่อไทย” จะใช้ศิลปะในการกล่อมให้ “อนุทิน” คล้อยตามได้มากน้อยแค่ไหน เพราะไม่ใช่เฉพาะแค่ตำแหน่งเท่านั้นแต่ยังหมายถึงพรรค กลุ่มผู้สนับสนุน มวลชนที่ให้ความเชื่อถือในจุดยืนของหัวหน้าพรรคจะรู้สึกอย่างไรหากผู้นำ “หงอ” ให้กับพรรคคู่แข่งแล้วจะไปเป็นผู้นำประเทศได้อย่างไร?ในความเคลื่อนไหวต่างๆที่เกิดขึ้น “ภูมิใจไทย” ก็แสดงถึงความไม่ธรรมดาด้วยการดึง สส.จากค่ายอื่นให้มาร่วมก๊วนเดียวกันอย่างพลังประชารัฐและไทยสร้างไทยที่ค่อยๆเปิดตัวต่อสังคม อันแสดงให้เห็นว่าพรรคนี้ก็ไม่ธรรมดาที่นักการเมืองต้องการเข้าสังกัดมากขึ้นเรื่อยๆเป็นการเติบใหญ่อย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน และพร้อมที่จะท้าชิงกับ “เพื่อไทย” อย่างเต็มที่ดูจากรูปการณ์ทางการเมืองแล้ว หากมีการปรับ ครม.จริงคงเป็นการปรับเล็กมากกว่าปรับใหญ่หรือจะไม่มีการปรับเลย ถ้า “ภูมิใจไทย” ไม่ยอมให้มหาดไทยส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติที่เกิดปัญหาขัดแย้งกันภายในก็คงให้แก้ไขกันเองก่อนจนกว่าจะมีทางออกที่ดีจึงจะเข้าไปยุ่งเพราะวันนี้รัฐบาลต้องเจอปัญหาหลายเรื่องที่ทับซ้อนกันอยู่ หากเข้าไปยุ่งทุกเรื่องก็ยิ่งป่วนหนักเข้าไปอีกพูดง่ายๆว่าต้องเอาตัวรอดเพื่อฝ่าวิกฤติต่างๆที่เกิดขึ้นไปให้ได้ เนื่องจากยังไม่พร้อมที่จะยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ลำพังแค่ “พ่อนายกฯ” คนเดียวก็ยังไม่รู้ว่าจะออกหมู่หรือจ่า!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม