ก่อนวันประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) เสาร์ที่ 14 มิ.ย. ที่กรุงพนมเปญ สองพ่อลูก ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ผู้นำกัมพูชา ร่วมมือกันแสดงความแข็งกร้าวใส่ไทย โพสต์กระหนํ่าในโซเชียลมีเดีย ตั้งแต่การปิดชายแดนไปจนถึงการห้ามฉายหนังไทยในโทรทัศน์และโรงหนังกัมพูชา ประกาศตัดอินเตอร์เน็ต และยุติการซื้อไฟฟ้าจากไทย แต่นายกฯละอ่อนของไทย คุณแพทองธาร ชินวัตร ยังอาโนเนะ ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า เรื่องตัดเน็ตตัดไฟยังไม่ผ่านสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นกระบวนการที่เตรียมไว้ล่วงหน้า ไม่รู้ข้อมูลหลุดไปอย่างไร ทำให้เกิดความเข้าใจผิด จะให้กระทรวงการต่างประเทศไปชี้แจงกัมพูชา ทั้งที่สถานการณ์วันนี้ไปไกลลิบแล้วไม่รู้มีใครในรัฐบาลนำโพสต์ของสองพ่อลูกผู้นำกัมพูชาไปให้ นายกฯอิ๊งค์ อ่านหรือเปล่าวันนี้กัมพูชาพูดจริงทำจริง กระทรวงข้อมูลข่าวสารกัมพูชา มีหนังสือแจ้ง สถานีโทรทัศน์ ทุกแห่ง ให้งดการถ่ายทอดละครหรือภาพยนตร์ไทยทั้งหมด ตั้งแต่คืนวันที่ 12 มิ.ย. กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลปะกัมพูชา ประกาศ ระงับการนำเข้าภาพยนตร์ไทย ไปฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมกัมพูชา ประกาศให้ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมในกัมพูชายุติการใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตจากไทย และ ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ยืนยันว่า ได้ยุติการซื้อไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตจากไทยตั้งแต่คืนวันที่ 12 มิ.ย. กัมพูชามีศักยภาพเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงตัวเองไทยแค่เตรียมแผน แต่ยังไม่ทันประกาศตัดเน็ตตัดไฟ ฝ่ายกัมพูชาชิงตัดเน็ตตัดไฟจากไทยเสียก่อน เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ แต่ผมเชื่อว่าชาวกัมพูชาไม่เห็นด้วยแน่นอนฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ยังประกาศก่อนวันประชุม JBC 14 มิ.ย. ด้วยว่า วันที่ 15 มิ.ย. กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาจะยื่นคำร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือ ศาลโลก เพื่อร้องเรียน เกี่ยวกับพื้นที่ชายแดนพิพาท 4 จุด คือ ช่องบก (สามเหลี่ยมมรกต) ที่ จ.อุบลฯ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย แม้ฝ่ายไทยจะปฏิเสธหรือไม่แสดงท่าทีใดๆ กัมพูชาก็จะดำเนินการโดยฝ่ายเดียวผมเขียนบทความนี้บ่ายวันเสาร์ ยังไม่รู้ผลการประชุม JBC ซึ่งเริ่มประชุมเวลา 11.40 น.คณะกรรมการ JBC ฝ่ายไทยมีอดีตทูตไทยประจำกัมพูชา คุณประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เป็นประธาน ฝ่ายกัมพูชามี ศ.ลัม เจีย ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ รัฐมนตรีกิจการชายแดนกัมพูชา เป็นประธาน ข้อมูลจาก สำนักข่าวบีบีซีไทย ระบุว่า ศ.ลัม เจีย จบวิชากฎหมายจากมหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ สามารถพูดภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศสได้คล่องแคล่ว ผลงานที่โดดเด่นคือสามารถเจรจาเรื่องเขตแดนระหว่างกัมพูชา–เวียดนาม และกัมพูชา–ลาว ได้สำเร็จมาแล้ว หลังจากที่ รับไม้ต่อจาก วาร์ กิมฮง อดีตรัฐมนตรีกิจการชายแดน ซึ่งเป็นผู้ลงนาม MOU 2543 กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีต่างประเทศไทยในขณะนั้น ศ.ลัม เจีย ได้รวบรวมเอกสารประวัติศาสตร์จากฝรั่งเศสไว้เป็นจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ก็ไปพบ ประธานาธิบดีมาครง แห่งฝรั่งเศส เพื่อขอเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่น่าเป็นห่วงคือ คนไทยยังไม่รู้ฝ่ายไทยได้เตรียมการอะไรไว้บ้าง เพื่อสู้กับกัมพูชาผศ.อัครพงษ์ คํ่าคูณ ผู้เชี่ยวชาญด้านเขตแดนไทย–กัมพูชา วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์ ให้คำแนะนำว่า ไทยต้องทำให้ศาลโลกเข้าใจว่าตัวศาลเองไม่มีเขตอำนาจในการพิจารณาคดี และคดีนี้ไม่มีมูล เนื่องจากกัมพูชาเป็นฝ่ายสร้างสถานการณ์ ไทยต้องทำให้ทั่วโลกเห็นว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายรุกรานเข้ามา เป็นผู้สร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง และรุกลํ้า MOU 2543 เราต้องแสดงให้เห็นว่า เราใช้ Good Office (การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างประเทศ) ทั้งสองฝ่ายได้ทำข้อตกลงไว้แล้ว และข้อตกลงนั้นยังมีอยู่คำถามของคนไทยวันนี้ก็คือ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ได้เตรียมข้อมูลเหล่านี้หรือยัง หรือมัวแต่เกรงใจสองพ่อลูกกันส่วนตัวอยู่.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม