กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุไว้ว่า “คำแนะนำการเดินทาง” (Travel Advisory) ถือเป็นรายงานความเสี่ยงและคำแนะนำสำหรับพลเมืองชาวอเมริกันในการเดินทางไปยังต่างแดนเพราะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยและความมั่นคงของประชาชนชาวอเมริกัน ข้อมูลดังกล่าวนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า สถานการณ์ในประเทศนั้นๆประเมินแล้วว่าเป็นเช่นไร เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่จะเกิดผลกระทบระหว่างการเดินทางคำแนะนำการเดินทางของสหรัฐฯ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ไล่ตั้งแต่เบาไปหาหนัก ระดับที่ 1 คือใช้ความระมัดระวังระหว่างการสัญจร ซึ่งถือเป็นระดับเบาบางที่สุด ตามด้วยระดับ 2 เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง ที่ทางกระทรวงจะเจาะจงให้ทราบว่า มีรายละเอียดเช่นไรจากนั้นจึงเพิ่มเป็นระดับ 3 ขอแนะนำให้ประชาชนคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วนหากมีความประสงค์ที่จะเดินทาง ปิดท้ายด้วยระดับ 4 การประกาศห้ามเดินทางโดยเด็ดขาด ซึ่งถือเป็นคำเตือนขั้นสูงสุด และบ่งชี้ได้ด้วยเช่นกันว่า รัฐบาลสหรัฐฯจะสามารถช่วยเหลือได้อย่างจำกัด หรือไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้เลย คำแนะนำระดับนี้ยังหมายถึงว่า ขอให้ชาวอเมริกันออกจากประเทศนั้นๆในทันทีหากสามารถทำได้อย่างปลอดภัยคำแนะนำการเดินทางของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พิจารณาจากความเสี่ยงปัจจัยต่างๆ ไล่ตั้งแต่ความเสี่ยงที่พลเมืองจะตกเป็นเหยื่อของการก่อ “อาชญากรรม” ความเสี่ยงที่จะตกเป็นเป้าการ “ก่อการร้าย” ความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจาก “ความวุ่นวาย” ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงทางการเมือง การชุมนุมประท้วง การก่อจลาจล หรือความขัดแย้งทางทหารที่ถึงขั้นสุ่มเสี่ยงจะเกิดการใช้กำลังปัจจัยประเมินความเสี่ยงยังรวมไปถึง สถานการณ์ทางสาธารณสุข ภัยธรรมชาติ การจัดงานกิจกรรมขนาดใหญ่ ความเสี่ยงที่จะถูกลักพาตัว หรือจับเป็น “ตัวประกัน” รวมถึงความเสี่ยงที่จะถูก “คุมขังอย่างมิชอบด้วยกฎหมาย” ซึ่งข้อหลังสุดเป็นหน้าที่การพิจารณาของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯด้วยเหตุนี้จึงเป็นคำถามที่น่าสนใจว่า สถานการณ์ตึงเครียดกับเพื่อนบ้านกัมพูชาที่กำลังดำเนินไปอย่างคุกรุ่นและมีความไม่แน่ไม่นอนสูง ได้มีการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของพลเมืองชาวไทยไว้มากน้อยเพียงใด เพราะสุดท้ายแล้วคำว่า “กันไว้ดีกว่าแก้” มันย่อมดีกว่าคำว่า “วัวหายล้อมคอก” แบบที่เราได้ยินกันมาทุกยุคทุกสมัย.ตุ๊ ปากเกร็ดคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม