นายกฯแถลงผลประชุม ครม.เน้นย้ำเรื่องของความรักชาติ การรวมกันเป็นหนึ่งและปลุกสามัคคีรักษาอธิปไตย ยันพร้อมรับมือหากมีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ส่วนที่โซเชียลโจมตีนายกฯและโยงไปถึงคนในตระกูลว่าสนิทสมเด็จฮุน เซน นายกฯแจงไม่เถียงว่าเป็นมิตรกันและไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะมีเพื่อน แต่เพื่อนขอบ้านกันไม่ได้ ขณะกำลังแถลงข่าวบรรยากาศเกิดตึงเครียด เมื่อนายกฯปะทะคารมเล็กน้อยกับนักข่าวที่จี้ถามประเด็นกัมพูชารุกล้ำชายแดน แล้วเดินมาตามหาในกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ยืนอยู่ ถามนักข่าวเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมเหวี่ยงจัง ด้าน “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลฯ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเหตุปะทะ พร้อมเตรียมเจรจา JBC 14 มิ.ย. กรมการปกครองแจ้ง ผวจ.7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชากำชับแนวทางปฏิบัติงานในสถานการณ์ล่อแหลมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ยังคงตึงเครียดเขม็งเกลียว แม้ทางกอง ทัพได้ร้องขอให้รัฐบาลประกาศปิดชายแดนเพื่อความปลอดภัย หลังกัมพูชารุกคืบหนักและเคลื่อนกำลังเข้ามาประชิด แต่ยังไม่ได้รับการสนองตอบ โดยให้รอการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ (JBC) ไทย-กัมพูชา ที่จะมีขึ้นกลางเดือน มิ.ย. เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวเมื่อเช้าวันที่ 4 มิ.ย. เฟซบุ๊ก “ไทยคู่ฟ้า” ได้เผยแพร่แถลงการณ์รัฐบาล กรณีสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา ระบุว่า รัฐบาลขอยืนยันว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยและคุ้มครองบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างเต็มที่ ยึดหลักในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารืออย่างใกล้ชิดในทุกระดับรวมถึงนายกรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศได้พูดคุยกัน ด้วยความห่วงใยในสถานการณ์และผลจากการพูดคุยรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายเห็นตรงกันว่า จะร่วมมือกันทำให้สถานการณ์กลับสู่ปกติ ไม่ลุกลามบานปลายและเห็นพ้องที่จะใช้กลไกทวิภาคีต่างๆที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หนึ่งในกลไกนั้นคือกลไก JBC ตามที่ผู้บัญชาการทหารบกของทั้ง 2 ฝ่ายหารือกันไว้ เมื่อวันที่ 29 พ.ค.68ในแถลงการณ์ยังยืนยันว่า ปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มีความสงบเรียบร้อย ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเต็มที่ตามขั้นตอนการปกป้องอธิปไตยของไทยและรักษาสิทธิทางกฎหมายของไทยอย่างครบถ้วน เชื่อว่าไทย-กัมพูชาจะสามารถแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชนชายแดน รวมถึงความเป็นครอบครัวของสมาชิก “อาเซียน” ด้วยกันต่อมาที่ทำเนียบรัฐบาลเวลา 11.25 น. วันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าที่ประชุม ครม.ได้หารือและเน้นย้ำเรื่องการรวมกันเป็นหนึ่ง คนไทยทุกคนต้องรักษาสามัคคี ต้องรวมกันให้ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นการเมืองไทยในประเทศ ที่ต้องมาแบ่งฝ่ายว่ารัฐบาลทำงานไม่ได้ ทหารทำงานดีไม่ดี เราต้องช่วยกัน ต้องขอความช่วยเหลือจากทุกๆสื่อด้วย ต้องสื่อสารว่า เมื่อมีปัญหาระหว่างประเทศ คนไทยต้องสามัคคี ถึงจะมีแรงในการพูดคุยเจรจาหรือต่อสู้ก็ตาม ต้องใช้ความเป็นหนึ่ง ความรักกันของคนในชาติ เพื่อสนับสนุนกัน ขอความร่วมมือจากทุกคน การแสดงความคิดเห็น การปล่อยข่าวเฟกนิวส์ เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น รัฐบาลทำเรื่องนี้เต็มที่ เราต้องรักษาอธิปไตยของเราไว้ ในส่วนรัฐบาลและทหารคุยกันตลอดว่าจะไปทางไหนอย่างไร เพลงชาติก็บอกอยู่แล้วไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด เราเตรียมพร้อมที่จะรักษาความปลอดภัยของคนไทยทุกคนอย่างแน่นอนน.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม จะลงพื้นที่ไปดูหน้างานและจะนัดคุยคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) วันที่ 14 มิ.ย. จะพูดกันในรายละเอียดแต่ไม่สามารถเปิดเผยทั้งหมดได้ เมื่อถามว่ามองหรือไม่ว่าขณะนี้มีขบวนการสมคบคิดไทยกับกัมพูชา ในการจุดไฟชายแดน เพื่อหวังผลทางการเมือง นายกฯถามกลับว่า “ขบวนการสมคบคิดกับใคร คนไทยกับกัมพูชาหรือ ตนไม่คิดอย่างนั้นคิดว่าไม่มีแบบนั้น”เมื่อถามว่าอยากชี้แจงกรณีโซเชียลโจมตีนายกฯถึงท่าทีที่ผ่านมา มีการโยงไปถึงคนในตระกูลนายกฯ ดองกับคนสนิทของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ความสัมพันธ์ของผู้นำไม่เถียงว่าเป็นมิตรกัน ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่เราจะมีเพื่อน แต่ถามว่าถ้าวันหนึ่งเพื่อนทะเลาะกัน เราปรับความเข้าใจกัน ถูกใช่หรือไม่ ถ้าเป็นเรื่องนู้นเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องการค้าเรายกหูกันได้ นั่นคือสิ่งที่ทำตลอดไม่ใช่เฉพาะกับกัมพูชา แต่ถามว่า ถ้าเรามีปัญหาจริงๆฉันขอบ้านเธอได้หรือไม่ ไม่มีเพื่อนคนไหนบอกว่าได้ ให้บ้านกัน ไม่ใช่อย่างนั้น เราต้องบอกว่าเพื่อนก็คือเพื่อน ความสัมพันธ์อันดีมีจริงๆ ตอนที่เกิดเรื่องความไม่สงบ ตนกับนายกฯกัมพูชาก็คุยกันว่า เราจะถอยความรุนแรงไม่ปะทะกัน ท่านก็ให้ความร่วมมือ ณ วันนั้นพอมีเรื่องเกิดขึ้นในระดับหน้างานเขาก็จัดการกัน ต้องทำความเข้าใจตรงนี้ด้วย เมื่อถามว่า ท่าทีของสมเด็จฮุน เซน และ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ที่ดูไม่สอดคล้องกับสิ่งที่นายกฯพูด นายกฯกล่าวว่า นั่นคือสิ่งที่เราต้องยืนยันถ้าเขาออกมารุนแรง แล้วเรารุนแรงกลับ ถามว่าสันติวิธีจะเกิดหรือไม่ แต่ถามว่าเราเตรียมรับมือหรือไม่ เราเตรียมแน่นอน แต่ถ้าเราเลือกได้ เราเลือกสันติวิธี วันนี้เรายังเลือกได้เมื่อถามว่า กัมพูชาล้ำเข้ามาในพื้นที่แล้ว 200 เมตร น.ส.แพทองธารย้อนถามว่า ได้ไปดูหน้างานแล้วหรือยัง เมื่อถามย้ำว่า แม่ทัพภาค 2 พูดชัดเจนว่ามีการรุกล้ำ นายกฯชี้นิ้วพร้อมกล่าวว่า ใช่ค่ะ ก่อนกล่าวว่า นายภูมิธรรมจะลงพื้นที่ไปดูหน้างาน พร้อมกับบอกสื่อมวลชนว่า ไปดูด้วยกันเลยก็ได้ ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่า นายภูมิธรรมไม่พาไป นายกฯ ตอบกลับว่า “อ๋อ” เขาไม่พาไป พร้อมกับหัวเราะและปลอบสื่อมวลชนว่า ไม่เป็นอะไรนะคะ สื่อก็ตอบกลับว่า ไม่เสียใจ มาถามกับนายกฯได้ นายกฯจึงกล่าวว่า นึกว่าเสียใจ จะบอกว่าไม่เป็นอะไรนะคะ พร้อมกับหัวเราะ ก่อนจะถามสื่อมวลชนว่าเป็นอะไรหรือเปล่า นักข่าววันนี้ดุจังเลย ซึ่งกลุ่มนักข่าวได้ตอบกลับว่า “ไม่ได้ดุค่ะ”ภายหลังการให้สัมภาษณ์ น.ส.แพทองธารเดินมาหาผู้สื่อข่าวที่สอบถามประเด็นชายแดนและกล่าวว่า “จะมาถามว่ามีอะไรหรือเปล่า หายไปไหนแล้ว เขาโกรธอะไรหรือวันนี้ หน้าเขาดูเหวี่ยงมากเลยจึงเดินมาดูว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะพี่อ้วนไม่ชวนลงพื้นที่หรือ งง เพราะเขากระฟัดกระเฟียด” ทำให้สื่อมวลชนที่ยืนอยู่บริเวณดังกล่าวชี้แจงว่า ไม่ใช่ เสียงเขาเป็นเช่นนั้นไม่มีใครโกรธนายกฯ ที่ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวออกไปก่อนแล้ว เพราะต้องไปทำแถลงข่าวอีกที่หนึ่ง ทั้งนี้ ภายหลังให้สัมภาษณ์เสร็จ น.ส.แพทองธารได้เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที โดยไม่ได้ขึ้นไปรับประทานอาหารบนตึกบัญชาการเหมือนทุกสัปดาห์ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรัฐบาลออกแถลงการณ์การแก้ไขปัญหาชายแดนกัมพูชาว่า แถลงการณ์ดังกล่าวเป็นจุดยืนของรัฐบาล รัฐบาลดำเนินการไปตามขั้นตอนภายใต้การปกป้องอธิปไตย ไม่ได้ทำตามอารมณ์ หรือความต้องการของใคร เราพยายามจำกัดวง พูดถึงเฉพาะจุดปะทะ ยึดเอ็มโอยู 43 เพราะเขาพยายามขยายวงไปถึงศาลโลก อย่าไปเล่นเกมตามเขา หากผลประชุมเจบีซีวันที่ 14 มิ.ย. หาข้อยุติไม่ได้ ต้องดูว่ามีกลไกอะไรอีก ยืนยันรัฐบาลเตรียมการทั้งหมดในแง่ต่อสู้ทางกฎหมาย ไม่อยากพูดไปว่าดำเนินในขั้นตอนไหนบ้าง การเปิดเผยมากเกินไปสร้างความยุ่งยากต่อการเจรจา หากมีความจำเป็นทหารเตรียมการในแนวหน้าไว้หมดแล้ว ไม่อยากให้ปลุกปั่นหรือตำหนิกันเมื่อถามว่ากระแสประชาชนไม่พอใจท่าทีของนายกฯ และ รมว.กลาโหม นายภูมิธรรมตอบว่า เราอยากลดความขัดแย้ง ไม่อยากยกระดับไปสู่ปัญหาระดับโลก เขากำลังร้อนเราก็เอาน้ำเย็นลูบ แต่ในทางปฏิบัติได้เตรียมไว้หมดแล้ว รวมถึงการไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกด้วย ในทุกเรื่องที่เป็นไปตามมติ ครม.12 มี.ค.67 รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ยืนยันมีความเข้าใจอันดีกับกองทัพ รวมถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้คุยกันตลอด ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหา แต่มีการปลุกปั่นประชาชนให้เกิดความระแวงแทงใจ เรื่องนี้สำคัญจะกระทบกับอธิปไตยถ้าเราเดินไม่ดี หากอนาคตนำไปสู่ความรุนแรง บรรทัดสุดท้ายเราก็มีความพร้อมหมดช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายภูมิธรรมเดินทางไปยัง อบต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ รวมถึงการปฏิบัติงานที่สำคัญของกองกำลังสุรนารี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชายแดน ที่เกิดเหตุปะทะกันช่วงเช้าวันที่ 4 มิ.ย. นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ยืนยันว่ารัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้น มีการออกแถลงการณ์เพื่อยืนยันความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลและกองทัพทั้ง 2 ประเทศ นายภูมิธรรมยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะเดินหน้าเข้าสู่เวทีเจรจาคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) วันที่ 14 มิ.ย. เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนอย่างสันติและยั่งยืนอีกด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีหนังสือด่วนที่สุด เรื่อง กำชับแนวทางการปฏิบัติงานในสถานการณ์ตามแนวขายแดนไทย-กัมพูชา ถึง ผวจ.ชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด ประกอบด้วย ตราด จันทบุรี สระแก้ว อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ หลังมีเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี และพื้นที่อื่น ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันและระมัดระวังเหตุลุกลามมาก ยิ่งขึ้นนั้น กรมการปกครองมีภารกิจเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงภายในประเทศและการอาสารักษาดินแดน เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคง ปลอดภัย ให้เกิดความสงบสุขในสังคมอย่างยั่งยืน จึงขอเน้นย้ำกลไก มท.ถึงแนวทางปฏิบัติเพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในทุกมิติขณะเดียวกัน ชาวบ้านในจังหวัดอุบลราชธานีได้รวมพลังใจครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการระดมรวบรวม “ยางรถยนต์เก่า” จำนวนมาก เดินทางนำมามอบให้เหล่าทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดน ต.ช่องบก อ.น้ำยืน นำไปใช้สร้าง “บังเกอร์” เสริมความแข็งแกร่งเป็นแนวเสริมสร้างความปลอดภัยและช่วยป้องกันประเทศ แสดงให้เห็นถึงพลังความสามัคคี การเสียสละของประชาชน ที่พร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยง การสนับสนุนจากพี่น้องชาวอุบลฯ ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความมั่นคงทางกายภาพ แต่ยังเป็นขวัญและกำลังใจอันประเมินค่าไม่ได้ให้กับเหล่าทหารหาญที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ท่ามกลางเสียงชื่นชมในน้ำใจและความสามัคคีของพี่น้องชาวอุบลราชธานี ที่ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการพิทักษ์ผืนแผ่นดินไทยอย่างไม่ย่อท้ออ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่