สวมหมวกเป็นผู้บริหารและนักกฎหมาย สุเมธ ออศิริวิกรณ์ ที่ตกผลึกแนวคิดการทำงานที่มีระบบและพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เขากลายเป็นมือกฎหมายแถวหน้าของวงการสุเมธ ออศิริวิกรณ์ หนุ่มนิติฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่อยู่ในวงการกฎหมายของไทยมานานกว่า 20 ปี ปัจจุบันเป็นกรรมการ และทนายความหุ้นส่วน บริษัทเบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด มีความตั้งใจทำงานในวงการกฎหมาย เพราะชื่นชอบและเป็นวิชาชีพที่ยังได้เรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ที่อยู่รอบตัว โดยเล่าถึงความท้าทายในงานว่า เราต้องรู้ก่อนว่าจะทําอะไร มีข้อจํากัดทางกฎหมายยังไงบ้าง การทํางานจริงๆ กับเนื้อหาที่เรียนมา บางทีมันอาจจะไม่ได้เหมือนกันสักทีเดียว สิ่งที่มันสนุกกับการทํางานในวงการกฎหมายคือ การที่เราได้รู้จักธุรกิจลูกความเยอะขึ้นเรื่อยๆ และหลากหลายไป เพราะว่าลูกความที่มาหาเราก็จะทําธุรกิจแตกต่างกัน บางคนเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ บางคนทําธุรกิจพลังงาน บางคนทําประกัน ทำให้เราได้เรียนรู้อุตสาหกรรมใหม่ๆ ไปกับลูกความด้วย“ในการทำงานไม่ใช่ว่าเราตื่นมาแล้วเราจะทํางานรูทีนแบบซํ้าๆ ตลอดเวลา อันนี้เราตื่นมาด้วยความรู้สึกที่ว่า เอ๊ย เราจะได้เจออะไรใหม่ๆ ตลอดเวลาครับ แต่ในงานก็มีความเครียด เพราะเป็นเรื่องปัญหาของลูกความที่เขาเข้ามาขอความช่วยเหลือ บางทีเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เราต้องรีบจัดการ ซึ่งประสบการณ์ในการทํางานที่ผ่านมาทําให้เราเป็นคนที่มีระบบการจัดการระบบความคิดที่ดี จัดการเวลาตัวเองได้ดีขึ้น รู้ว่าเราควรทําอะไร ให้ความสําคัญในชีวิตก่อนหลังได้ดีครับ” คุณสุเมธเล่าถึงงานที่ตัวเองรักแม้งานจะเครียดจะยุ่งแค่ไหน แต่ผู้บริหารหนุ่มคนนี้ไม่มีการหมดไฟในการทำงาน! “ในการทำงานผมจะพยายามโฟกัสไปที่งาน จะแข่งกับตัวเองเสมอ หมายความว่า เราจะไม่ไปเปรียบเทียบกับเพื่อนๆ เพื่อนที่ทํางาน หรือคนรอบข้าง เราพยายามจะดูว่า วันนี้เราทําอะไรได้สําเร็จแล้ว หรือมีอะไรที่ต้องปรับปรุงต่อไปให้เราทําอะไรที่ดีขึ้น แล้วก็จะดูเรื่องของ improvement ของตัวเองเป็นหลักไปเรื่อยๆ และก็เป็นหลักการที่ผมพยายามบอกน้องๆ ในทีมต่างๆ ว่าเราอย่าไปโฟกัสกับการแข่งกับคนรอบข้าง พยายามดูตัวเองเป็นหลัก ผมคิดว่าทุกคนมีการแข่งขันสูงเหมือนกัน ทุกคนก็อยากเจริญเติบโตก้าวหน้า เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเรามัวแต่คอยเทียบดูนู่นนี่นั่น ก็จะทําให้บางทีมันอาจจะฟุ้งซ่าน ฉะนั้นก็จะต้องพยายาม ต้องโฟกัส แล้วก็จัด priority ตัวเองและทํายังไงไม่ให้ burn out หาเวลาให้ตัวเองมีความสุขคลายเครียดอะไรต่างๆครับ”นอกจากจะเข้าใจชีวิต เข้าใจตัวเองแล้ว ผู้บริหารเก่งคนนี้ยังมองความสำเร็จในชีวิตในแบบเรียบง่ายๆ โดยบอกว่า “ความสําเร็จที่ผมมอง คือการที่เราสามารถสร้างเนื้อสร้างตัว มีบ้าน มีปัจจัย 4 มีงานที่มั่นคง แล้วก็สามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ที่เกษียณแล้วได้ โดยไม่ได้ต้องพึ่งพาเขา แต่เป็นคนเลี้ยงดูเขาตลอด คิดว่านี่คือสิ่งที่เราประสบความสําเร็จแล้วครับ”....แนวความคิดที่เรียบง่ายของผู้บริหารเก่งคนนี้.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่