ในที่สุดร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ รายจ่ายปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้าน ล้านบาท ก็ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรวาระแรกอย่างสะดวกโยธินมี สส.ร่วมลงมติ 482 คน จากจำนวน สส.ทั้งสภาฯ 495 คนเท่ากับมี สส.ขาดประชุมไป 13 คน“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่า สส.พรรค ร่วมรัฐบาลโหวตเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 มากถึง 322 คนไม่มี สส.แตกแถวโหวตสวนมติวิปรัฐบาลแม้แต่คนเดียวถือว่ารัฐบาลคุมเสียง สส.ในสภาฯ ได้แน่นปึ้กพอสมควรส่วน สส.พรรคร่วมฝ่ายค้านโหวตไม่เห็นชอบ 158 คน จากจำนวน สส.ฝ่ายค้านที่มีอยู่ 171 คนแถมมี สส.ฝ่ายค้านหลอยไปโหวตให้รัฐบาล ทำให้เสียง สส.พรรค ร่วมฝ่ายค้านขาดบัญชีไป 13 คน“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่าการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2569 ของรัฐบาลสส.พรรคประชาชนทำการบ้านล่วงหน้ามาอย่างดี สามารถหยิบ “จุดอ่อน” ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปีหน้ามาชำแหละกลางสภาฯได้ชัดเจนส่วน สส.ฝ่ายรัฐบาลก็หยิบ “จุดแข็ง” ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณมาเชียร์กลางสภาฯได้ชัดเจนเช่นกันถ้าจะเลือกจิ้มชื่อ สส.ฝ่ายค้าน ที่อภิปรายดีที่สุดคงหนีไม่พ้น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล แม่ทัพหญิงเบอร์หนึ่งของพรรคประชาชนส่วน สส.รัฐบาลที่อภิปรายไหลลื่นที่สุดก็ต้องเป็นนายสุทิน คลังแสง มือวางอันดับหนึ่งของพรรคเพื่อไทย“แม่ลูกจันทร์” ขอชม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ผลัดกันอภิปรายตอบโต้ สส.ฝ่ายค้าน ได้อย่างแคล่วคล่องว่องไวตรงประเด็นคะแนนเต็ม 10 จัดไป 7 คะแนนส่วนนายกฯแพทองธาร ชินวัตร และรัฐมนตรีคนอื่นๆคะแนนเต็ม 10 ให้แค่ 3.5 คะแนน“แม่ลูกจันทร์” มองว่า หลังร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ผ่านความเห็นชอบวาระแรกจากสภาผู้แทนราษฎรการเมืองไทยน่าจะถึงจุดเปลี่ยน สำคัญคือการปรับ ครม.!!ถึงเวลาต้องเขย่าขวดครั้งใหญ่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในเวลาที่เหลืออีก 2 ปีถึงเวลาต้องรื้อโควตากระทรวง กันใหม่ เพื่อแก้ปัญหาขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลถ้าการปรับ ครม.ชุดใหญ่ไฟกะพริบ อาจทำให้พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคต้องถอนตัวออกจากรัฐบาลก็ดีกว่าต้องทนทู่ซี้อยู่กันแบบนี้อีก 2 ปี!!“แม่ลูกจันทร์” มองว่า ถ้าตกลงแบ่งโควตารัฐมนตรีไม่ลงตัวก็ถึงเวลาต้องยุบสภาฯ คืนอำนาจให้ประชาชน!!ให้ประชาชนตัดสินใจจะเลือกพรรคใดเป็นรัฐบาล??ล้างกระดานการเมืองใหม่ดีกว่าปล่อยให้ความขัดแย้งคารา คาซัง ซึ่งเกิดผลเสียต่อรัฐบาลเอง และผลเสียต่อประชาชนรีบแตกหักกันซะตอนนี้ดีกว่ายืดเยื้อนะโยม.แม่ลูกจันทร์คลิกอ่านคอลัมน์ “สำนักข่าวหัวเขียว” เพิ่มเติม