คงไม่ต้องสงสัยหรือตีความเป็นไปอย่างอื่นๆเพราะศาลปกครอง สูงสุดได้แจ้งชัดเจนแล้วว่าเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะต้องไปดำเนินการทวงเงินจาก “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เองศาลเพียงแต่มีคำสั่งให้ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้นคือต้องชดใช้เงินจำนวน 10,028 ล้านบาท คดีจำนำข้าวไม่ต่างไปจากการที่ศาลมีคำสั่งให้กรมราชทัณฑ์ไปจัดการกรณี “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ถูกสั่งจำคุก 1 ปีคือศาลมีหน้าที่สั่งอย่างเดียวแต่ไม่มีหน้าที่ไปดำเนินการก็คงตีความอย่างที่ทนาย "ปู" พยายามจะบอกว่าศาลไม่ได้สั่งให้ต้องจ่ายเงินแต่เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิด ต้องไปดำเนินการทวงถามและจัดการให้ชดใช้ในที่นี้ผู้ที่รับผิดชอบก็ต้องเริ่มที่1.“แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ซึ่งรับผิดชอบฝ่ายบริหารทั้งหมด2.“พิชัย ชุณหวชิร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังอีก 2 คน หากได้รับ มอบหมาย นี่ว่ากันตามสายการบังคับบัญชาและความรับผิดชอบแต่ที่แน่ๆคือนายกรัฐมนตรีคือผู้รับผิดชอบสูงสุดหากไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งศาลก็จะมีความผิดคือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่!อย่างกรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจนั้นก็ไม่ต่างกัน แต่เนื่องจากมีการกระทำเกินหน้าที่คือไม่ควบคุมให้ผู้ต้องหาต้องติดคุกในเรือนจำตามกำหนดแต่มีการซิกแซ็กช่วยเหลือผู้ต้องหาไม่ต้องติดคุกจริงด้วยการใช้วิธีการทางการแพทย์อ้างว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤติต้องนำไปรักษาตัวนอกเรือนจำกระทั่งพ้นโทษโดยไม่ต้อง ติดคุกแม้แต่วันเดียว จนกระทั่งมีการสอบสวนแล้วพบว่ามีพฤติกรรมเช่นนั้นจริงก็เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตที่อาจจะต้องติดคุกและรัฐบาลอยู่ต่อไปไม่ได้นี่เป็นอุทาหรณ์สดๆร้อนๆที่เทียบเคียงให้เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์“แพทองธาร” แม้จะรอดจากเรื่องอื่นๆแต่เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบโดยตรงก็พึงสังวรเอาไว้ด้วยว่าหากไม่ดำเนินการให้ถูกต้องก็มีสิทธิจะต้องรับโทษเช่นกัน!ไปอังกฤษเที่ยวนี้จึงไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย นอกจากจะต้องถูกนินทาว่าร้ายแล้วยังต้องมารับผิดชอบเรื่องของคนในตระกูล “ชินวัตร” อีกแน่นอนว่าเงินจำนวน 10,028 ล้านบาทนั้น อาจจะไม่มากสำหรับเศรษฐีอย่าง “แพทองธาร” แต่อย่าง “อาปู” นั้นถือว่ามากจนเจ้าตัวโอดครวญว่าแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาใช้เพราะจำนวนมากเช่นนี้นี่หรือความยุติธรรมก็นั่นแหละความจริงมันเป็นอย่างนี้!อีกด้านหนึ่งก็ต้องคิดเช่นกันเพราะการปล่อยปละละเลยจนทำให้เกิดการทุจริตจำนำข้าวที่รัฐต้องนำเงินจากภาษีของประชาชนไปจ่ายมูลค่าถึง 6 แสนกว่าล้านบาทนั้นมันควรจะเกิดขึ้นหรือไม่?จากรัฐบาล “คุณอา” ส่งผลสะเทือนมาถึงรัฐบาล “คุณหลาน” นี่เป็นเรื่องที่เป็นข้อคิดว่าการบริหารประเทศชาตินั้นต้องมีความรับผิดชอบคือจะต้องทำอะไรที่ถูกต้องโปร่งใสมิฉะนั้นมันจะตามมาเป็น “งูกินหาง” อย่างนี้แหละ...!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม