อนุฯ สืบสวนคดีฮั้ว สว. เรียกลอตแรก 22 สว.รับทราบ-ชี้แจงข้อกล่าวหา “มงคล-บิ๊กเกรียง” นำทีม รอง ปธ.วุฒิฯบอกโล่งใจได้ชี้แจง “อลงกต” ตัวจี๊ดงัดมุกจ้อ ฝรั่งเศส ตอบนักข่าว “สบายดีมาก” จ่อเรียกลอต 2 อีก 10 ราย สายภูมิใจไทย “ครูแก้ว-นภินทร” ติดบ่วงพ่วงด้วย สส.-สว.สายใต้ “อนุทิน” บอกเรียกมาคงต้องไป ยันสีแดง-น้ำเงินไม่มีตึงเครียด คดีชั้น 14 “ทักษิณ” ไม่สะเทือนรัฐบาล งบปี 69 ผ่านชัวร์แถมอยู่ครบเทอม “นภินทร” พร้อมแจงความบริสุทธิ์ “ครูแก้ว” โอดแค่คนธรรมดาไร้บารมี นายกฯเปิดทำเนียบรับผู้นำอินโดฯ ชื่นมื่นยกระดับสัมพันธ์ วางคิวลุยยุโรปต่อ ถกทบทวนเงินหมื่นดิจิทัล “พิชัย” เสียงอ่อยชะลอออกไปก่อนคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ที่สำนักงาน กกต.แต่งตั้งขึ้นมาสอบสวนคดีฮั้วเลือก สว. เรียก สว.ลอตแรก 22 คน เข้ารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหา นำโดยนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานฯ จ่อเรียกลอต 2 เพิ่มอีก 10 คน ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้สังกัดพรรคภูมิใจไทยเรียกลอตแรก 22 สว.รับข้อหาฮั้วเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 19 พ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งวัฒนะ กลุ่ม สว.ลอตแรกทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหากรณีมีเหตุอันควรสงสัย หรือความปรากฏว่าได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.มาตรา 70 ประกอบมาตรา 36 มาตรา 77 (1) และมาตรา 62 (คดีฮั้วเลือก สว.) ตามที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ของสำนักงาน กกต. ที่มี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. ออกหมายเรียก สว.จำนวน 55 คน มารับทราบข้อกล่าวหาระหว่างวันที่ 19 -21 พ.ค. บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีสื่อมวลชนมารอทำข่าวจำนวนมาก วันนี้จะมี สว.ลอตแรก 22 คนเข้าชี้แจง“บิ๊กเกรียง” คิวแรกเข้าชี้แจงอนุฯสำหรับผู้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคิวแรก คือ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา เดินทางเข้ามาโดยใช้ลิฟต์ฝั่งตรงข้ามสำนักงานฯ ขึ้นไปยังห้องสอบสวนที่ชั้น 3 สำนักงาน กกต. ต่อมานายนิพนธ์ เอกวานิช สว. เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า ไม่มีอะไรมาชี้แจง แต่เตรียมข้อมูลมาพร้อมคือข้อกฎหมายต่างๆ เมื่อถามว่ามีแนวทางต่อสู้คดีอย่างไร นายนิพนธ์ตอบว่า มาขอดูหลักฐานเพิ่มเติม เพราะข้อกล่าวหาเป็นการกล่าวอ้างลอยๆไม่ชัดเจน จะขอตอบเป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนหน้านี้นายนิพนธ์พยายามหาทางเลี่ยงผู้สื่อข่าวที่ปักหลักอยู่หน้าสำนักงาน กกต. แต่เจ้าหน้าที่หน้าห้องสอบสวนเห็น จึงตะโกนถามว่า “สว.ใช่หรือไม่” นายนิพนธ์จึงตอบว่า “ใช่” ก่อนจะย้อนถามกลับว่า “มีผู้สื่อข่าวหรือไม่” ทำให้ผู้สื่อข่าวที่อยู่บริเวณนั้นได้ยิน จึงบันทึกภาพและสัมภาษณ์ขณะที่นายนิพนธ์เดินเข้าห้องสอบสวนบอกโล่งใจได้แจงทั้งวาจา-เอกสารพล.อ.เกรียงไกรให้สัมภาษณ์หลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาว่า ไม่มีอะไรแค่มารับทราบข้อกล่าวหา เป็นการชี้แจงทั้งด้วยวาจาและเอกสาร เมื่อถามว่าก่อนเข้าชี้แจงมีการพูดคุยกับ สว.คนอื่นที่ถูกเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาด้วยหรือไม่ พล.อ.เกรียงไกรตอบว่า ต่างคนต่างชี้แจง ต่างคนต่างคุยกัน คุยกันอยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไร วันนี้โล่งใจที่ได้มาชี้แจง เมื่อถามย้ำว่ามีถูกร้องเรื่องอื่นเกี่ยวกับการเลือก สว.หรือไม่ พล.อ.เกรียงไกรตอบว่า ไม่มี เมื่อถามถึงกรณี น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ล่าชื่อ สว.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญขอให้สั่ง สว. 200 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกองค์กรอิสระ พล.อ.เกรียงไกรตอบว่า ไม่มีความเห็น พร้อมถามกลับว่า “ทำได้หรือเปล่า”“อลงกต” งัดมุกจ้อฝรั่งเศสใส่นักข่าวต่อมาช่วงบ่าย นายอลงกต วรกี สว. เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามความคืบหน้า แต่นายอลงกตเม้มปาก พร้อมส่ายหัว ไม่ตอบคำถาม นักข่าวพยายามถามซ้ำหลายรอบจนนายอลงกตตอบเป็นภาษาฝรั่งเศส มีนักข่าวคนหนึ่งที่พอพูดภาษาฝรั่งเศสได้แปลเป็นภาษาไทยว่า “ผมพูดไม่ได้ ทำไมถึงอยากจะรู้ มันเป็นเรื่องส่วนตัว” พร้อมยิงคำถามเป็นภาษาฝรั่งเศสอีกหลายคำถาม เช่น ข้อกล่าวหา กกต.ฟังขึ้นหรือไม่ รวมถึงเรื่องที่ กกต.แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมเกือบ 10 รายชื่อ และอยากได้ยินภาษาไทยเป็น สว.ไทยทำไมไม่ตอบเป็นภาษาไทย นายอลงกตยังคงตอบเป็นภาษาฝรั่งเศส แปลความหมายได้ว่า “ผมไม่รู้ พูดไม่ได้ ไม่อยากพูด ผมสบายดีมาก ขอบคุณมากๆ ลาก่อนนะ ผมจะพูดแต่ภาษาฝรั่งเศสเท่านั้น ผมไม่อยากพูดภาษาอังกฤษ” มีช่วงหนึ่งนายอลงกตเผลอหลุดพูดเป็นภาษาไทยว่า “ตอนนี้กำลังเรียนภาษาจีนอยู่”เปิดรายชื่อ “มงคล” เป็นคนนำทีมทั้งนี้ รายชื่อ สว.ลอตแรก 22 คน ที่ถูกเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ได้แก่ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา และ สว. ประกอบด้วย นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี นายอลงกต วรกี นายเศก จุลเกษร พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล นายนิพนธ์ เอกวานิช นายณัฐกิตติ์ หนูรอด นายสมศักดิ์ จันทร์แก้ว นายชีวะภาพ ชีวะธรรม นายเตชสิทธิ์ ชูแก้ว นายสิทธิกร คงยศ นายภาณุพงษ์ เต็งวงษ์วัฒนะ น.ส.อัจฉรพรรณ หอมรส นายสากล ภูลศิริกุล นายสรชาติ วิชยสุวรรณพรหม นายวิเชียร ชัยสถาพร นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล นายพิบูลย์อัฑฆ์ หฤหรรษ์ปราการ พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา นายสมหมาย ศรีจันทร์ลอต 2 อีก 10 “ครูแก้ว-นภินทร” โดนมีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการสืบสวนฯได้ออกหมายเรียกเพิ่มเติมอีก 10 ราย กรณีถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการฮั้วเลือก สว. ส่วนใหญ่มีตำแหน่งทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ดังนี้ 1.น.ส.วาริน ชิณวงศ์ นายก อบจ.นครศรี ธรรมราช สมาชิกพรรค ภท. 2.นายสุบิน ศักดา ผู้นำชุมชน หัวคะแนน นายพิชัย ชมภูพล สส.สุราษฎร์ธานี 3.นายสมเกียรติ เลียงประสิทธิ์ บิดา นายวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ สส.สตูล 4.นายสมเจตน์ ลิมปะพันธ์ อดีต สส.สุโขทัย 5.นายวงศกร ชนะกิจ อดีตผู้สมัคร สส.ภูเก็ต 6.นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีต สส.นครพนม อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร 7.นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ 8.นายเตชสิทธิ์ ชูแก้ว สว. จากนครศรีธรรมราช 9.นายสมศักดิ์ จันทร์แก้ว สว. จากนครศรีธรรมราช 10.นายณัฐกิตต์ หนูรอด สว. จากพัทลุง แต่ 3 รายชื่อหลัง คือนายเตชสิทธิ์ นายสมศักดิ์ และนายณัฐกิตต์ พบว่ามีชื่อซ้ำกับลอตแรกดีเอสไอรอสอบผู้เชี่ยวชาญ AI มัดสำหรับความคืบหน้าการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายในวันที่ 23 พ.ค. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้เชิญประชุมคณะพนักงานสอบสวน เพื่อติดตามรายงานความคืบหน้าการรวบรวมพยานหลักฐาน เช่น การสอบสวนปากคำพยานบุคคล การตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายร้อยคน ปรากฏจากคำให้การของพยานปากสำคัญว่ามีจำนวนเงินที่ใช้ในการจัดฮั้วครั้งนี้ และมีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน หากเส้นทางการเงินหรือนิติกรรมทางการเงินเชื่อมโยงระหว่างใครถึงใคร อาจมีการพิจารณากำหนดกลุ่มและช่วงเวลาบุคคลกลุ่มแรกให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาตามฐานความผิด ให้มีโอกาสชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ส่วนการใช้ AI วิเคราะห์และเชื่อมโยงหลักฐาน เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดี ส่วนหนึ่งพบการกาบัตรมีลักษณะสอดคล้องกับโพยที่เชื่อว่ามีการนัดแนะกันมาก่อน ต้องสอบสวนผู้วิเคราะห์ในการใช้ AI เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญ ใช้เป็นพยานหลักฐานในสำนวนต่อไป“อนุทิน” รับเรียกมาคงต้องไปแจงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณี กกต. ออกหมายเรียกเพิ่มผู้ถูกแจ้งข้อหาในคดีฮั้วเลือก สว. มีชื่อนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรองประธานสภาฯ และอดีต สปส.พรรคภูมิใจไทยว่า ยังไม่ทราบ ก็คงต้องไปชี้แจง ทำไมสื่อถึงไปมองว่าเป็นความตึงเครียดระหว่างสีแดงกับสีน้ำเงิน สถานการณ์ไม่มีอะไรเลย พรรค ภท.แพ็กกับทุกพรรค แม้กระทั่งพรรคฝ่ายค้าน หากทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน เมื่อถามว่าพรรคกล้าธรรม (กธ.) เติบโต คานอำนาจ ภท.ในรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไม่มี ทุกพรรคต้องการเติบโต กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรค กธ. คุยกันตลอดเวลาและทำงานด้วยกันคดีชั้น 14 “ทักษิณ” ไม่สะเทือนรัฐบาลผู้สื่อข่าวถามว่าถามย้ำครั้งที่ 10 ถึงกระแสปรับ ครม. นายอนุทินตอบว่า ขอตอบครั้งที่ 11 ว่าไม่มี และรัฐบาลมีความเข้มแข็ง วันนี้มีกว่า 320 เสียง ยิ่งมีสมาชิกในพรรค กธ.มาเพิ่ม ยิ่งทำให้รัฐบาลเข้มแข็งขึ้น ทำให้ไปผ่าตัดรักษาเลนส์ตาได้อย่างสบายใจ เมื่อถามว่าสถานการณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เกี่ยวกับคดีชั้น 14 ในวันที่ 13 มิ.ย. กระทบรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ส่วนรัฐบาลเป็นเรื่องฝ่ายบริหาร ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นรัฐบาลต้องอยู่บริหารประเทศไป ส่วนความเป็นพ่อลูกกับนายกฯ คนที่เติบโตมีภาระรับผิดชอบระดับบริหารประเทศได้ ทุกคนต้องแยกแยะถูกว่า อะไรเป็นเรื่องส่วนรวมของประเทศ ประชาชน และเรื่องส่วนตัว นำมารวมกันไม่ได้ หากนำมารวมกันก็ทำงานไม่ได้ ยังไม่เคยเห็นใครในรัฐบาลเอาเรื่องส่วนตัวและเรื่องส่วนรวม มารวมกันในการทำงานงบ 69 ผ่านชัวร์ย้ำชัดอยู่ครบเทอมเมื่อถามว่ามองสัญญาณบวกของสีน้ำเงินอย่างไร หลังศาลต่างๆมีท่าทีต่างๆออกมา นายอนุทินตอบว่า ไม่มองอะไร มองเรื่องการทำงาน เปลี่ยนเลนส์ตา เรียบร้อยเห็นอะไรชัดๆ ใสปิ๊ง ทำงานได้แล้ว เมื่อถามว่ามองเห็นอนาคตรัฐบาลชัดหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า “ชัดครับ ครบเทอม” กระแสข่าวว่าพรรค ภท. จะคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ยืนยันไม่มี ไม่รู้ใครเอาไปพูด อย่างกระทรวงมหาดไทย งบประมาณ 4 แสนล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการ 5 แสนล้านบาท กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม 2 แสนล้านบาท กระทรวงแรงงาน ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท 4 กระทรวง กำกับดูแลงบประมาณเกือบล้านล้านบาท หากไปโหวตคว่ำจะผ่านมติ ครม.ได้อย่างไร รวมถึงกระทรวงอื่นนี่เป็นเรื่องของรัฐบาล เป็นงบประมาณที่เราทำเอง เมื่อถามว่านายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นยุบพรรค ภท. นายอนุทินตอบว่า ไม่รู้จักนายณฐพร เป็นใครก็ไม่รู้ ไร้สาระ เราไม่เคยทำอะไรผิด ยื่นยุบพรรค ภท.ว่าล้มล้างการปกครอง ฝันกลางวัน ไม่ใช่ฝีมือหรือผลงานอะไรทั้งสิ้น ไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองแน่ มั่นใจไม่เคยทำอะไรที่ไม่ดี“นภินทร” พร้อมแจงไม่เกี่ยวข้องนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีถูกออกหมายเรียกให้ไปชี้แจงคดีฮั้วเลือก สว.ว่า ยังไม่เห็นหนังสือ ทราบเพียงจากข่าว แต่พร้อมชี้แจงไม่มีปัญหา พร้อมปฏิบัติตามข้อกฎหมายของทุกหน่วยงาน เมื่อถามว่าเกี่ยวโยงกับการเมืองหรือไม่ นายนภินทรว่า ไม่ขอวิจารณ์ แต่ยืนยันหากมีหมายเรียกพร้อมไปชี้แจงข้อเท็จจริง และปฏิบัติตามหมายเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่เกี่ยวข้อง เมื่อถามว่าเรื่องนี้ส่งผลอย่างไรต่อพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายนภินทรตอบว่า ไม่น่าจะส่งผลอะไร ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับนายอนุทิน เมื่อถามว่าเป็นเกมการเมืองระหว่างแดงกับน้ำเงินหรือไม่ นายนภินทรตอบตัดบทว่า ไม่ขอวิจารณ์“ครูแก้ว” โอดคนธรรมดาไร้บารมีนายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีต สส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่อง และยังไม่ได้รับหมายเรียกคดีฮั้วเลือก สว. แต่หากมีหมายเรียกมาเป็นทางการ ก็พร้อมชี้แจงความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวหา เพราะเป็นประชาชนธรรมดา ไม่มีบารมี ทำงานอยู่กับชาวบ้านตลอด“อ้วน” ปัดไม่ใช่สงครามแดง-น้ำเงินขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่าเรื่องคดีฮั้วเลือก สว. ไม่ใช่การสะท้อนถึงสงครามตัวแทนสีแดงและน้ำเงิน เป็นไปตามกฎหมาย แต่ใครจะมองเป็นเรื่องการเมืองก็ว่ากันไป ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ กกต. หรือดีเอสไอ ก็ว่ากันไป ไม่คิดว่าเป็นปัญหาเรื่องแดง น้ำเงิน ถ้าทำผิดกฎหมายก็ว่าไปตามกฎหมาย ส่วนจะผิดหรือไม่ผิดให้ศาลพิจารณา เมื่อถามว่าศาลรัฐธรรมนูญมีการเรียกข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า กำลังทำเรื่องชี้แจงใหม่ โดย สว.ได้ยื่นร้องเพิ่มเติมว่าตนละเลยปล่อยให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และดีเอสไอไปทำผิดกฎหมาย ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทนายกำลังดูคำร้องเพิ่มเติมอยู่ ถือเป็นการชี้แจงเพิ่มเติมครั้งที่ 2 ส่วนคดีที่ สว. ฟ้องต่อกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ป.ป.ช.ยังไม่เรียกไปชี้แจง แต่พร้อมไปชี้แจง“พันธุ์ใหม่” จับตามาตรฐาน ปธ.วุฒิน.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. กลุ่มพันธุ์ใหม่ กล่าวว่า การรวบรวมรายชื่อ สว. เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาให้ สว. 200 คน ยุติปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวกับการให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระว่า จะพยายามให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ เมื่อร่างคำร้องเสร็จจะรวบรวมรายชื่อ สว. อิสระ 1 ใน 10 หรือ 20 คน ยื่นต่อประธานวุฒิสภาส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ สาเหตุที่ยังร่างคำร้องไม่เรียบร้อย เพราะต้องพิจารณาข้อกฎหมายที่มีความซับซ้อน ไม่เคยมีใครโดนแจ้งข้อกล่าวหาเยอะขนาดนี้ และรอ สว.บางส่วนที่ไปดูงานต่างประเทศกลับมาลงชื่อ ขั้นตอนการส่งเรื่องให้ประธานวุฒิสภาอาจยากกว่าการล่าชื่อ สว. ต้องถามประธานวุฒิสภาว่าจะยื่นให้หรือไม่ แต่มีกรณี สว. 92 คน เข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานวุฒิสภา ถอดถอนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กรณีสั่งดีเอสไอแทรกแซงสอบฮั้วเลือก สว. ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องอย่างรวดเร็วในวันเดียว ยืนยันว่าไม่ใช่กระบวนการสีน้ำเงินเซแล้วเราซ้ำ แต่เกรงว่าจะเข้าข่ายขัดกันแห่งผลประโยชน์ หรือเป็นลักษณะต่างตอบแทน“วันนอร์” อ้างไม่ใช่อำนาจสภาฯสั่งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ต้องดูข้อมูลก่อนว่าร้องเรียนประเด็นใด อยู่ในอำนาจหน้าที่องค์กรใด หากส่งมาที่ประธานรัฐสภาต้องให้ฝ่ายกฎหมายดูก่อน เพราะการจะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ น่าจะไม่ใช่หน้าที่ของทั้งสองสภาฯเป็นเรื่องขององค์กรอื่น“สมศักดิ์” ได้หนังสือของแพทย์ใหญ่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา กล่าวถึงกรณีนายแพทย์ใหญ่ และอดีตนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ทำหนังสือขอความเป็นธรรม กรณีแพทยสภามีมติลงโทษ กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจว่า มีเข้ามาแล้ว จะส่งให้คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษพิจารณาตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรมมาตรา 25 ที่แต่งตั้งไว้ไปตรวจสอบ“ตรีชฎา” โต้ “สว.สีน้ำเงิน” มิจฉาทิฐิน.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า ตามที่นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว.กลุ่มสีน้ำเงิน ออกมาเตือนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้เคารพกระบวนการของแพทยสภาว่า แปลกใจว่านายวีระพันธ์กลัวอะไรนักหนา หรือมีมิจฉาทิฐิบางอย่างเหมือนคนบางกลุ่มที่ยังไม่เลิกโกรธเกลียดอาฆาตแค้นนายทักษิณหรือไม่ หลังรับทราบมติแพทยสภานายสมศักดิ์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการจำนวน 10 คน ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีเกียรติประวัติเชื่อถือได้ มั่นใจว่าความเห็นที่คณะกรรมการชุดนี้จะเสนอมา ผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบคอบ มีข้อเท็จจริงประกอบว่าการกระทำของ 3 แพทย์ผิดจริยธรรมหรือไม่ จากนั้นนายสมศักดิ์จะพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเป็นธรรมที่สุด นายวีระพันธ์เป็น สว. ควรรับรู้ว่านายสมศักดิ์ไม่อาจดำเนินการอะไรตามใจชอบได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ควรชี้นำสังคมไปในทางที่ตนเองเชื่อ“ธิดา” ปลอบ “นายใหญ่” อย่ากลัวคุกนางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ปัญหานิติสงครามในพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้ เป็นวิกฤติการเมืองของพรรคการเมือง แม้จะตั้งรัฐบาลร่วมกันแต่มีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ เชื่อว่าความสัมพันธ์ในลักษณะตบจูบจะอยู่กันไปจนใกล้ครบเทอม โอกาสยุบสภาเร็วๆนี้คงยาก พรรคร่วมรัฐบาลต้องหาทางให้รัฐบาลอยู่นานที่สุด ความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยถือว่าหนักอยู่ หากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีปัญหากับขั้วอนุรักษนิยม ความเป็นเอกภาพจะไม่มี เพราะคนเกลียดนายทักษิณเยอะมาก แม้จะมีดีลแล้วก็ไม่จบ เมื่อดีลไม่จบต้องกลับมารับโทษ นายทักษิณไม่ควรกลัวคุกมากเกินไป หากเข้าคุกก็ไม่ลำบากเหมือนพวกเยาวชน หรืออดีตแกนนำเสื้อแดง หากต้องติดคุก ทางที่ดีคืออยู่ รพ.ราชทัณฑ์ดีที่สุด อย่าไปกลัว ไม่เชื่อนายทักษิณจะหนี เพราะเคยได้ยินจะไม่ยอมตายแบบนายปรีดี พนมยงค์ อดีตนายกฯและรัฐบุรุษ ที่ไปเสียชีวิตนอกประเทศ ขอแนะนำเข้าคุกเหมือนคนอื่นดีที่สุดห่วงคดีฮั้ว สว.หลักฐานรัฐล้มเหลวนางธิดากล่าวอีกว่า อีกเรื่องคือคดีฮั้วเลือกสว. เป็นเรื่องที่สังคมรับไม่ได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเดินหน้าเอาคนผิดมารับโทษ ขอเตือน กกต.ให้ดำเนินคดีฮั้วสว.อย่างถึงที่สุด หากดำเนินคดีไม่ถึงที่สุด ประเทศจะถึงวิกฤติการเมืองครั้งใหญ่ ไม่อยากให้เปิดทางต้อนรับการรัฐประหารอีก การปล่อยให้ฮั้วเลือก สว.ได้ หมายถึงซื้อประเทศไทยไปแล้ว เพราะเป็นที่มาองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องน่ากลัวมาก หากเกิดรัฐประหารอีกครั้ง ประเทศไทยอาจอยู่ในภาวะยิ่งกว่ารัฐล้มเหลว ไม่มีทางกู้ประเทศได้ และขอเตือนกองทัพอย่าทำรัฐประหาร หากทำอีกประเทศจะไม่เหลืออะไร ขอเตือนพรรคการเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันด้วยผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว ต้องถอยคนละก้าว ยึดประโยชน์ประเทศเป็นหลัก ไม่เอายึดแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว อย่าเดินทางผิดมากไปกว่านี้ทำให้เกิดรัฐประหารรอบใหม่นายกฯเปิดทำเนียบรับผู้นำอินโดฯเมื่อเวลา 10.05 น. ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายปราโบโว ซูบียันโต ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล โดยนายกฯและประธานาธิบดีอินโดนีเซียร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ต่อมานายปราโบโวลงนามในสมุดเยี่ยมที่ห้องสีม่วง และแลกเปลี่ยนของที่ระลึก จากนั้นมีการหารือเต็มคณะ ภายใต้กลไกหารือระดับผู้นำ ครั้งที่ 1 ที่ตึกภักดีบดินทร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ สรุปสาระสำคัญของการหารือว่า นายกฯแสดงความยินดีในโอกาสประธานาธิบดีอินโดนีเซียเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 20 ปี ผู้นำทั้งสองประเทศร่วมหารือส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ความร่วมมือด้านความมั่นคง ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ด้านการเกษตร การประมง ความมั่นคงทางอาหาร ด้านการท่องเที่ยว และระดับภูมิภาคชื่นมื่นยกระดับสัมพันธ์เพิ่มบินตรงต่อมาเวลา 11.15 น. น.ส.แพทองธาร และนายปราโบโว ร่วมเป็นสักขีพยานในบันทึกความเข้าใจระหว่างหน่วยงานของไทยและอินโดนีเซีย คือ บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข จากนั้น น.ส.แพทองธาร และนายปราโบโว ร่วมแถลงข่าว น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างสร้างสรรค์ ผ่านการเป็นประธานร่วมในกลไกใหม่ เรียกว่า “การประชุมหารือระดับผู้นำ” ครั้งแรก เป็นกลไกส่งเสริมแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศอย่างสม่ำเสมอในอนาคต และยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ และเห็นพ้องส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น และยินดีต่อการเปิดเส้นทางการบินใหม่ระหว่างกรุงเทพฯ-สุราบายา และเมืองเมดาน และการเปิดเส้นทางการบินระหว่างภูเก็ต-เมดานในอนาคต พร้อมกันนี้ไทยและอินโดนีเซียในฐานะมิตรที่ดีของเมียนมา จะร่วมมือกับมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ช่วยสนับสนุนให้เกิดสันติภาพในเมียนมา หวังว่าจะได้มีโอกาสเยือนอินโดนีเซียในอนาคตอันใกล้นี้ จากนั้นผู้นำทั้ง 2 ชาติเยี่ยมชมการจัดแสดงผลิตภัณฑ์หัตถกรรมและหัตถศิลป์ของไทย ที่บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี และ น.ส.แพทองธารเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน เป็นเกียรติแก่ประธานา ธิบดีอินโดนีเซีย“อิ๊งค์” ลุยยุโรปดึงเชื่อมั่นไทยเชิงรุกนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ มีกำหนดเดินทางเยือนสหราชอาณาจักร และราชรัฐโมนาโก ระหว่างวันที่ 21-25 พ.ค. มีคณะของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมไปด้วย เพื่อสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ เปิดช่องทางขยายตลาด เพิ่มมูลค่าสินค้าไทยผ่าน Soft Power ด้านอาหาร กีฬา การท่องเที่ยว เพราะสหภาพยุโรปเป็นตลาดสำคัญของสินค้าไทย นายกฯจะเป็นประธานในพิธีเปิดตราสัญลักษณ์ Thai SELECT โฉมใหม่จัดแสดงสินค้าอาหารไทย และจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ร่วมประชุมกับทีมไทยแลนด์ และผู้นำเข้าสินค้าอาหารรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร จากนั้นวันที่ 22 พ.ค. จะเข้าร่วมกิจกรรม In-store Promotion และประชาสัมพันธ์สินค้าไทย ที่ห้างค้าปลีก Wing Yip Superstore สาขา Cricklewood ซุปเปอร์สโตร์รายใหญ่ของสหราชอาณาจักร วันที่ 23 พ.ค. น.ส.แพทองธารจะเดินทางไปยังเมืองมอนติคาร์โล ราชรัฐโมนาโก ร่วมหารือกับผู้บริหารระดับสูงการแข่งขันรถยนต์สูตร 1 Formula 1 เพื่อศึกษาความเป็นไปได้สำหรับการจัดการแข่งขัน F1 รูปแบบในเมือง (City Circuit) ในประเทศไทย ถือเป็นการผลักดันนโยบายเชิงรุก เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทยในสายตานานาชาติถกทบทวนแจกเงินหมื่นวอลเล็ตช่วงเย็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีวาระพิจารณาที่สำคัญคือ แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ตามโครงการแจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ต นายกฯกล่าวก่อนการประชุมว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันอยู่ในภาวะผันผวน จากสงครามการค้า และการประกาศนโยบายจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆ การเติบโตของโลกและไทยต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ต้องมาประชุมทบทวนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ จากนั้นการประชุมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก่อน น.ส.แพทองธารจะกล่าวสั้นๆหลังประชุมว่า “ทบทวนค่ะ”“พิชัย” เสียงอ่อยชะลอออกไปก่อนขณะที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พร้อมนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ร่วมกันแถลงหลังการประชุม นายพิชัยกล่าวว่า ที่ประชุมตัดสินใจชะลอโครงการแจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ตออกไปก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินว่าปีนี้จะขยายตัวเพียง 1.8% จากปัญหาที่สหรัฐฯขึ้นภาษีตอบโต้ทำให้สะดุดกันทั่วโลก ไทยก็ต้องทบทวน เรื่องนี้ไม่ได้คิดคนเดียว ก่อนหน้านี้สภาพัฒน์มีความเห็นให้ทบทวน และธนาคารแห่งประเทศไทยมีความเห็นทำนองเดียวกัน ส่วนจะนำโครงการนี้กลับมาอีกหรือไม่ต้องดูสถานการณ์เศรษฐกิจก่อน ส่วนวงเงินที่เตรียมไว้ 1.57 แสนล้านบาท ให้หน่วยงานขอรับงบประมาณกรอกแบบฟอร์มขอใช้งบมาภายใต้กรอบ ดังนี้ 1.การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกี่ยวกับน้ำ ร่วม 5 แสนล้านบาท 2.การพัฒนาโครงสร้างด้านคมนาคม ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ และถนนต่างๆ 3.การพัฒนาการท่องเที่ยว และทำสิ่งปลูกสร้างแมนเมด 4.การจัดหาวงเงินกู้ซอฟต์โลน ให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 5.ทบทวนการสร้างงานผ่านโครงการกองทุนหมู่บ้าน 6.ใช้ดิจิทัลมาเพิ่มขีดความสามารถในการจ้างงาน ทั้งหมดจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ 0.7-1%อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่