ผู้ว่าฯ สงขลาปัดไม่มีอำนาจปลด “สจ. กอล์ฟ” พ้นสมาชิก อบจ.สงขลา ยันต้องใช้เสียง 3 ใน 4 ของสภาฯ ลงมติถอดถอนตาม พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด ปี 2540 ส่วนเรื่องวุฒิการศึกษาเป็นหน้าที่ กกต.ตรวจสอบให้แน่ชัด “รองโฆษกกรมราชทัณฑ์” เผยสภาพ สจ.กอล์ฟพร้อมสมุนหลังนอนคุกคืนแรก ยังกินอิ่ม นอนหลับ ปรับตัวได้อย่างดีสังคมจับตาจะเป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ กรณี สจ.กอล์ฟ นายสิรดนัย พลายด้วง ลูกชาย “โกกึก” นายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ สั่งลูกน้อง 6 คมรุมทำร้าย ดต.นิสาธิต คงเทพ สังกัด ตชด.ที่ 43 ขณะคุมหน่วยเลือกตั้งใน ต.พะวง อ.เมืองสงขลา เมื่อวันที่ 11 พ.ค. เพราะไม่พอใจที่ห้ามถ่ายภาพในหน่วยเลือกตั้ง ต่อมาทั้ง 7 คนถูกตำรวจ สภ.เมืองสงขลา แจ้ง 4 ข้อหาหนัก ส่งฝากขังและศาลไม่ให้ประกันตัว ส่งเข้าเรือนจำจังหวัดสงขลา ขณะที่กระแสสังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับตัว สจ.กอล์ฟ ทั้งวุฒิการศึกษา และเรื่องการถอดถอนพ้นสมาชิก อบจ.สงขลาความคืบหน้าวันที่ 15 พ.ค. นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผวจ.สงขลา เผยว่า เรื่องวุฒิการศึกษาของสจ.กอล์ฟ ต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบรายละเอียดว่าผู้สมัครได้แสดงวุฒิการศึกษาอย่างไร เพราะวุฒิการศึกษาจะมีสถาบันการศึกษาที่ออกใบรับรอง ตรวจสอบยืนยันได้ว่าจบมาจากที่ไหน อย่างไร จบจริงหรือไม่ ถ้าเป็นการใช้เอกสารเท็จจะโยงไปอีกหลายเรื่อง ส่วนเรื่องคดีความขณะนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้วนายโชตินรินทร์กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นใหญ่ที่เป็นกระแสสังคมเรียกร้องให้ถอดถอน สจ.กอล์ฟ ออกจากสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา จะต้องดำเนินการถอดถอนตาม พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด ปี 2540 มีข้อบัญญัติในมาตรา 7 อนุ 11 ว่าในกรณีที่ ส.อบจ.ปฏิบัติเสื่อมเสียต่อคุณธรรม จริยธรรม ทำให้เสื่อมเสียต่อการดำรงตำแหน่ง จะให้อำนาจสภา อบจ.พิจารณา ให้สมาชิกสภา 1 ใน 3 เข้าชื่อยื่นยัติถอดถอน และต้องใช้เสียง 3 ใน 4 ของสมาชิกฯในขณะนั้น เพื่อมีมติให้พ้นสมาชิกภาพ ผู้ว่าราชการจังหวัดมีหน้าที่กำกับและมีหนังสือส่งไปให้ทางสภาฯดำเนินการในเรื่องนี้ให้เป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น ไม่มีหน้าที่ไปถอดถอนวันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า บช.ภ.9 มีหนังสือด่วนที่สุดถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ขอโอนคดีอาญาที่ 513/2568 ของ สภ.เมืองสงขลา คดีระหว่าง ด.ต.นิสาธิต คงเทพ เจ้าพนักงาน ผู้กล่าวหานายสิรดนัย หรือกอล์ฟ พลายด้วง กับพวกรวม 7 คน ผู้ต้องหาในความผิดฐาน “ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่เพราะเหตุที่จะกระทำหรือได้กระทำตามหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้อาวุธ และร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป และเป็นซ่องโจร ให้หน่วยงานที่มีอำนาจการสอบสวนในส่วนกลาง กรณีดังกล่าว ตร.มีบันทึกให้โอนคดีจาก สภ.เมืองสงขลา ให้ บก.ป. สอบสวนฝ่ายเดียว หากการสอบสวนพบมีบุคคลอื่นใดร่วมกระทำความผิดด้วย หรือพบความผิดฐานอื่น หรือมีผู้ร้องทุกข์เพิ่มกรณีที่เกี่ยวข้องกัน ให้มีอำนาจสอบสวนด้วย ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดนางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการนอนเรือนจำคืนแรกของนายสิรดนัย พลายด้วง หรือ สจ.กอล์ฟ ว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ค. เวลาประมาณ 17.45 น. เรือนจำจังหวัดสงขลา รับตัว สจ.กอล์ฟ พร้อมลูกน้องรวม 7 คน พยาบาลเรือนจำฯ ตรวจประเมินสุขภาพผู้ต้องขังทั้งหมด พบสุขภาพร่างกายทั่วไปแข็งแรงและสุขภาพจิตปกติ ได้ทำประวัติเพื่อเข้าสู่กระบวนการรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ ตามมาตรการของกรมราชทัณฑ์ ผู้ต้องขังทั้งหมดจะอยู่แดนกักโรค เป็นเวลา 5 วัน หลังครบตามระยะเวลาที่กำหนดจะพิจารณาย้ายไปยังแดนผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ผู้ต้องขังทุกคนให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามกฎระเบียบของเรือนจำรองโฆษกกรมราชทัณฑ์กล่าวต่อว่า ส่วนการนอนเรือนจำคืนแรกได้รับรายงานว่า สจ.กอล์ฟ และพวกมีอาการเครียดเล็กน้อยแต่พูดคุยปกติ รับประทานอาหารที่เรือนจำจัดให้ได้ ไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษจากเรือนจำ และนอนหลับพักผ่อนได้ปกติ ช่วงเช้าวันนี้ จากการสังเกตพูดคุยพบว่ากลุ่มผู้ต้องขังมีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย รับประทานอาหารได้ ญาติผู้ต้องขังเข้าเยี่ยมที่เรือนจำได้ในวันที่ 19 พ.ค. แต่ทนายความเข้าพบเรื่องคดีได้ทุกวัน สำหรับกลุ่มผู้ต้องขังอาจถูกมองว่าเป็นผู้มีอิทธิพล เรือนจำมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดูแลใกล้ชิด และจัดผู้ช่วยงานคอยสอดส่องดูแล เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการพิจารณาเรื่องการคุมขังภายหลังกักตัวครบ 5 วัน ว่าควรต้องแยกแดนเพื่อป้องกันความปลอดภัย พร้อมจัดพยาบาล นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ เข้าไปพูดคุยให้คำแนะนำ เพื่อสร้างความผ่อนคลายต่อมาเวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยกรณี ผบ.ตร.มีคำสั่งให้โอนคดี สจ.กอล์ฟ ให้กองปราบฯทำคดีว่า ได้รับคำสั่งจาก ผบ.ตร.แล้ว หลังจากนี้จะทำงานร่วมกับตำรวจพื้นที่ กองปราบฯจะเป็นกำลังหลัก ส่วนสำนวนคดี ตำรวจพื้นที่ทำมาค่อนข้างรัดกุมสมบูรณ์แล้ว กองปราบฯจะทำคดีให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องที่ให้กองปราบฯทำต่อเนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลเป็นงานหลักของกองปราบฯอยู่แล้ว ขอให้มั่นใจตำรวจกองปราบฯ และสอบสวนกลางจะทำอย่างเต็มที่ตรงไปตรงมาไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ส่วนการส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาควบคุมตัวดำเนินคดีที่กรุงเทพฯอยู่ระหว่างดำเนินการ