กทม.ยุติการค้นหาร่างผู้ประสบภัยในที่เกิดเหตุตึก สตง.ถล่มแล้ว หลังเปิดพื้นที่ควานหาจนครบ ไม่พบร่างเพิ่มเติมยอดผู้สูญหายเหลืออีก 7 ราย เจ้าหน้าที่รอผลตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับชิ้นส่วนศพที่พบกว่า 296 ชิ้น พร้อมทั้งจัดทีมระดมค้นหาซ้ำอีกระลอก จุดทิ้งซากปรักหักพังของอาคารบริเวณพื้นที่ของการรถไฟฯและด้านหลังศาลเยาวชนฯ คณะพนักงานสอบสวนแจ้งผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างตึก สตง.สั่งให้ตัวแทนประกันภัยทั้ง 4 แห่ง หยุดเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐานร่วมกับเจ้าหน้าที่ต่อ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อพยานหลักฐาน ด้านทีมสุดซอยไม่แผ่ว “เอกนัฏ”เผย ชุดปฏิบัติการขยายผลจับกุมโรงงานผลิตเหล็กไม่ได้มาตรฐาน ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเมืองชลบุรี พร้อมทั้งจ่อตั้งคณะกรรมการตรวจสอบฟันเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยให้โรงงานทำผิดกฎหมายหลายบทกรณีอาคารกำลังก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ย่านจตุจักรถล่ม เมื่อวันที่ 28 มี.ค. จากเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา ทำให้มีผู้สูญหายหลายรายอยู่ในซากตึก เจ้าหน้าที่หลายหน่วยเร่งตรวจสอบหาสาเหตุตึกถล่ม โดยมีกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นหน่วยงานหลักรวบรวมข้อมูลหลักฐานดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทุกฐานความผิด ทั้งกรณีที่ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้เอาผิดผู้เซ็นสัญญาสร้างตึกเอาผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ ม.157 ล่าสุด พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ระบุคณะพนักงานสอบสวนเตรียมขอศาลอนุมัติหมายผู้ต้องหาบางส่วนสัปดาห์นี้ แบ่งเป็นกลุ่มผู้ออกแบบ กลุ่มผู้ควบคุมงาน และกลุ่มผู้ก่อสร้าง ส่วนการค้นหาผู้สูญหายที่เหลืออีก7คน กทม.ยืนยันการปฏิบัติการเสร็จสิ้นในวันที่ 10พ.ค. จากนั้นส่งมอบคืนพื้นที่ให้ สตง.ตามที่เสนอข่าวไปแล้วความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 พ.ค. ที่กองอำนวยการร่วม ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร (สปภ.กทม.) แถลงผลความคืบหน้าในปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหาย และการตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิตว่า ตามกำหนดการวันนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัย USAR และหลายหน่วยงาน เปิดพื้นที่สุดท้ายของกองซากชิ้นส่วนอาคาร สตง.ในพื้นที่เกิดเหตุได้หมดแล้ว จุดสุดท้ายบริเวณปล่องลิฟต์สามารถเปิดครบ 6 ช่อง จากการค้นหาบริเวณพื้นที่ดังกล่าวไม่พบร่างผู้ประสบภัย หรือชิ้นส่วนมนุษย์แต่อย่างใด การค้นหาร่างผู้ประสบภัยในพื้นที่อาคาร สตง.ถล่มยุติในวันนี้ แต่ทีมค้นหาต้องดำเนินการต่อ คือ ตรวจสอบหาชิ้นส่วนอวัยวะของผู้ประสบภัยที่อาจค้างอยู่ในกองซากปรักหักพักของอาคาร หลังจากรื้อออกแล้วย้ายทั้งวัสดุ เศษปูน และเหล็ก ออกจากพื้นที่ไปไว้บริเวณพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริเวณ ด้านหลังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ตั้งทีมค้นหาประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ค้นหา 57 นาย และสุนัข K-9 จำนวน 5 ตัว ปูพรมค้นหาวันละ 2 รอบ ช่วงเช้าและช่วงเย็นนายสุริยชัยกล่าวต่อว่า การค้นหาร่างผู้สูญหายในวันที่ 9 พ.ค. พบชิ้นส่วนกะโหลกของผู้ประสบภัยอยู่ในกองซากอาคาร 1 ชิ้น และเช้าวันรุ่งขึ้นพบชิ้นส่วนกระดูกเพิ่มอีก 2 ชิ้น คาดว่าการจัดชุดค้นหาบริเวณพื้นที่การรถไฟฯ และด้านหลังศาลเยาวชนฯใช้เวลา 2-3 วันจะเสร็จเรียบร้อย สำหรับผู้สูญหายที่ยังเหลือ 7 ราย ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เนื่องจากมีชิ้นส่วนอวัยวะกว่า 296 ชิ้น ที่มีส่งไปเพิ่มรอการตรวจพิสูจน์ ทั้งนี้ สถาบันนิติเวชฯแจ้งว่า อาจต้องใช้เวลาอีกระยะเพื่อพิสูจน์ตัวตนผู้เสียชีวิต เนื่องจากมีชิ้นส่วนศพจำนวนมาก ส่วนการส่งมอบพื้นที่ต้องรอให้ขนย้ายปูนเหล็กเรียบร้อยก่อน ผู้อำนวยการเขตจะเป็นผู้พิจารณาคาดว่าเร็วๆนี้มีรายงานว่า สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ตรวจพิสูจน์ยืนยันผู้เสียชีวิตเหตุตึก สตง.ถล่มอย่างเป็นทางการแล้ว จำนวนผู้เสียชีวิต 89 ราย แบ่งเป็นร่างผู้เสียชีวิตสมบูรณ์ 80 ราย และเป็นชิ้นส่วนที่มีการตรวจพิสูจน์แล้วตรงกัน 9 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดสามารถพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลว่าเป็นใคร 72 ราย ส่งมอบร่างให้ญาติรับไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว 64 ราย และเหลือชิ้นส่วนอวัยวะรอการตรวจพิสูจน์ 296 ชิ้นต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. กล่าวถึงความคืบหน้าตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนศพเปรียบเทียบดีเอ็นเอและค้นหาผู้ที่สูญหายว่า หลัง กทม.ปิดพื้นที่จนถึงชั้นใต้ดินค้นหาอย่างละเอียดทั้งหมด ยังไม่พบร่างผู้ประสบภัยที่เหลือ 7 ราย กทม.สามารถยุติภารกิจค้นหาได้เลย ส่วนชิ้นส่วนกระดูกและอวัยวะที่ส่งที่สถาบันนิติเวชฯ เบื้องต้น 296 ชิ้น แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ชิ้นส่วนอวัยวะที่ตรวจพิสูจน์แล้วตรงกันเป็นผู้เสียชีวิต 9 ราย รวม 91 ชิ้นส่วน อีก 46 ชิ้นส่วนตรวจไม่ได้ และที่เหลืออีก 159 ชิ้นส่วน อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคล คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์ ตรวจพิสูจน์หาบุคคลสูญหายได้ครบและปิดศูนย์อย่างเป็นทางการ ผลการตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิตที่เหลืออีก 7 ราย ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับผลตรวจดีเอ็นเอจากญาติของผู้เสียชีวิต ที่มาเก็บดีเอ็นเอไว้ตรวจเปรียบเทียบ หากญาติยังไม่มาเก็บดีเอ็นเอทางนิติเวชต้องเก็บชิ้นส่วนศพไว้ก่อน ทั้งนี้ ยังมีญาติจำนวนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติยังไม่มา เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปแล้วกรณีคณะกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างอาคาร สตง. และบริษัทประกันภัยทั้ง 4 บริษัท จาก บมจ.ทิพยประกันภัย บมจ.กรุงเทพประกันภัย บมจ.อินทรประกันภัย และ บมจ.วิริยะประกันภัย ที่กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี ทำประกันภัยโครงการก่อสร้างไว้ ขออนุญาตให้ตัวแทนบริษัทประกัน พร้อมผู้เชี่ยวชาญแผ่นดินไหวเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุตึก สตง.ถล่ม พร้อมคณะพนักงานสอบสวน และขอเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ มีรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวนแจ้งคณะกิจการร่วมค้าฯว่า ให้ตัวแทนบริษัทประกันยุติการเข้าไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ จนกว่าการสอบสวนและเก็บหลักฐานของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และตำรวจ บช.น.เสร็จสิ้นเรียบร้อย เนื่องจากการเข้าพื้นที่ที่เกิดเหตุในวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบนอกจากนี้ พนักงานสอบสวนได้มีหนังสือแจ้งถึง สตง.ด้วยว่า พนักงานสอบสวนจะขออายัดพื้นที่ที่เกิดเหตุอาคารถล่ม และพื้นที่ทิ้งวัสดุและซากอาคาร บริเวณด้านหลังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง หลัง กทม.คืนพื้นที่ให้ สตง. ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ จนกว่าการสอบสวนคดีจะเสร็จสิ้นด้านการตรวจสอบและเอาผิดโรงงานผลิตเหล็กเส้นไม่ได้มาตรฐานนำไปใช้ก่อสร้าง นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า มอบหมายให้ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าชุดปฏิบัติ การตรวจสุดซอย พร้อมด้วยกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ตำรวจ บก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ลงพื้นที่ บริษัท บี เอ็น เอส เอส สตีลกรุ๊ป จำกัด ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ตรวจสอบการผลิตและคุณภาพเหล็ก เนื่องจากได้รับร้องเรียนจากประชาชน จ.ภูเก็ต ว่า ซื้อเหล็กเส้นจากโมเดิร์นเทรดแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต นำไปสร้างอาคารเมื่อนำมาดัดโค้งงอปรากฏว่าเหล็กหัก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรม จ.ภูเก็ต นำตัวอย่างเหล็กไปตรวจวิเคราะห์ที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย พบเหล็กไม่ได้มาตรฐานน.ส.ฐิติภัสร์กล่าวว่า จากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เหล็กข้ออ้อย มีอักษรกำกับ BNS DB16 SD4oT IF เป็นเหล็กที่ผลิตโดยบริษัท บี เอ็น เอส เอส สตีลกรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนประกอบกิจการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ชนิดเหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อย และเหล็กรูปพรรณ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมชลบุรี ผู้ประกอบการใช้เตาหลอมแบบ IF ทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐาน เหล็กไม่เป็นไปตามมาตรฐานในส่วนของค่าโบรอน ตรงกับผลการตรวจวิเคราะห์ล่าสุดโดยสถาบันเหล็ก โรงงานลักลอบประกอบกิจการ ฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ อาทิ ไม่ขออนุญาตแจ้งเดินเครื่องจักร ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน EIA ติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติมที่เข้าข่ายขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และลักลอบจำหน่ายกากอุตสาหกรรมด้วยหัวหน้าทีมสุดซอยกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเชิงลึกพบสัญญาว่าจ้างผลิตเหล็กของ บริษัท เวล เอสทาบลิช จำกัด ที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ตรวจสอบจากเอกสารภายในบริษัทและสอบถามพนักงานพบว่า มีความเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย และตั้งบริษัทเพื่อรับเป็นนายหน้าจัดหาวัตถุดิบและจำหน่ายเหล็ก ในวันที่เข้าตรวจค้นพบพฤติกรรมต้องสงสัยของชาวจีนหลายคน จะขยายผลและเร่งตรวจสอบต่อไป เบื้องต้นดำเนินคดีกับบริษัท 5 ข้อหา ได้แก่ ทำผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ติดเครื่องหมาย มอก.บนผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ทำลายเครื่องหมายและป้ายคำเตือนที่เจ้าพนักงานยึดอายัดของกลาง และเคลื่อนย้ายทำลายของกลาง พร้อมสั่งให้บริษัทเรียกคืนผลิตภัณฑ์เหล็กที่จำหน่ายออกสู่ท้องตลาดคืนทั้งหมด และให้แจ้งรายละเอียดการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กของบริษัท ทั้งหมดภายใน 7 วัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ผู้รับไปจำหน่ายและประชาชนทราบโดยเร็ว รวมทั้งเสนอให้สอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องว่า เหตุใดถึงปล่อยให้บริษัทฝ่าฝืนทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่องอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่