คณะกิจการร่วมค้าไอทีดี-ซีอาร์อีซี เข้าพบทีม พนักงานสอบสวนนครบาลคดีอาคาร สตง.ถล่ม ประสานขออนุญาตให้ตัวแทนบริษัท ประกัน 4 แห่งเข้าเก็บหลักฐานและนำผู้เชี่ยวชาญแผ่นดินไหวเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ด้าน กทม.ยังเดินหน้าค้นหาร่างผู้สูญหาย พบผู้มีชื่อสูญหายแต่ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุอีก 1 คน รอพนักงานสอบสวนตรวจสอบคัดชื่อออก สรุปผู้ประสบภัยอยู่ที่ 105 คน ยังต้องติดตามค้นหาอีก 7 คน มีผู้เสียชีวิตที่ยืนยันอัตลักษณ์บุคคลเบื้องต้น 89 คน รองผู้ว่าฯ กทม.ยันเปิดพื้นที่ซากอาคารทั้งหมดภายในวันที่ 10 พ.ค. คาดปิดภารกิจสัปดาห์หน้า รมว.ยุติธรรม สภาทนาย ความ จับมือกิจการร่วมค้า ทำพิธีมอบเงินให้ญาติเหยื่อตึก สตง.ถล่มที่ตรวจสอบความถูกต้องแล้ว 21 คน แบ่งเป็นญาติผู้เสียชีวิต 12 คน คนละ 1 ล้านบาทและญาติผู้บาดเจ็บอีก 9 คน คนละ 2 แสนบาทยันเงินที่มอบให้ไม่ผูกมัดการดำเนินคดีแพ่งและอาญาในอนาคตกรณีการสืบสวนคลี่คลายคดีอาคารกำลังก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม หลังเหตุแผ่นดินไหว ทำให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหายจำนวนมาก หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 28 มี.ค. การรื้อซากหาร่างผู้เสียชีวิตยังไม่เสร็จสิ้น ขณะที่การสืบสวนสาเหตุการถล่มโดย 2 หน่วยงานประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เร่งดำเนินการรวบรวมหลักฐานดำเนินการทุกความผิดความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 พ.ค. บรรยากาศการปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายในเหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม เข้าสู่วันที่ 43 เจ้าหน้าที่กู้ภัยและผู้เชี่ยวชาญหลายหน่วยยังคงระดมค้นหาผู้ติดค้าง คาดว่าอยู่บริเวณชั้นใต้ดินของซากอาคารต้องใช้เครื่องจักรหนักและทีมเดินเท้ารวมถึงทีมกล้องโดรนจากมุมสูงหมุนเวียนกันทำงานต่อเนื่อง เพื่อเปิดพื้นที่ซากอาคารที่เหลือในพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างอาคารโซนเอ บี ซี และดี รวมทั้งขุดลอกชิ้นส่วนซากอาคารที่ปิดกั้นปล่องลิฟต์ทั้งหมด 6 ช่องกระจายอยู่ทั้ง 4 โซน ประกอบด้วย ปล่องลิฟต์ LowZone ความลึกประมาณ 3 เมตร กว้าง 2.5 เมตรคูณ 8 เมตร 2 ช่อง ปล่องลิฟต์ HighZone กว้าง 2.5 เมตรคูณ 6 เมตร 2 ช่อง และปล่องลิฟต์ Fireman Lift ขนาด 3 คูณ 3เมตร 2 ช่อง แต่ยังไม่พบร่างผู้สูญหายติดค้างเพิ่มเติม พบแต่เพียงชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์จำนวน 3 ชิ้นที่กองอำนวยการร่วม สน.บางซื่อ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร ตัวแทนกิจการร่วมค้าไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เข้าพบทีมพนักงานสอบสวนและชุดเก็บหลักฐาน ประกอบด้วยพนักงานสอบสวน บก.น.2 ทีมสอบสวนคดีพิเศษ ทีมวิศวกรกรมโยธาธิการและผังเมือง และทีมพิสูจน์หลักฐาน เพื่อขออนุญาตนำผู้เชี่ยวชาญจาก 4 บริษัทประกันภัยประกอบด้วย บมจ.ทิพยประกันภัย บมจ.กรุงเทพประกันภัย บมจ.อินทรประกันภัย และ บมจ.วิริยะประกันภัย ที่กิจการร่วมค้าไอทีดี-ซีอาร์อีซีทำประกันภัยโครงการไว้เข้าตรวจสอบความเสียหาย และขอเก็บชิ้นส่วนอุปกรณ์ก่อสร้างที่เสียหายเท่าที่จำเป็นระหว่างวันที่ 9-11 พ.ค. รวมทั้งขออนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวจากต่างประเทศของบริษัทประกันภัยทั้ง 4 แห่งตรวจสอบประเมินความเสียหายระหว่างวันที่ 19-21 พ.ค. ต่อมาพนักงานสอบสวนมีความเห็นอนุญาตวันเดียวกัน คณะทำงานเผยแพร่ข่าวสารสภาวิศวกร ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีสมาชิกสภาวิศวกรแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุอาคาร สตง.แห่งใหม่ถล่ม เผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียว่า เป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคลของกรรมการบางท่านเท่านั้น ไม่ใช่จุดยืนหรือข้อเสนอแนะอย่างเป็นทางการของสภาวิศวกร การแสดงความเห็น ข้อมูล หรือบทวิเคราะห์ใดๆเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวผ่านสื่อสาธารณะหรือโซเชียลมีเดีย ต้องถือเป็นความเห็นเฉพาะบุคคล ไม่ใช่เอกสารหรือประกาศที่ผ่านการพิจารณาและรับรองโดยสภาวิศวกรอย่างเป็นทางการตามกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ.2542 การแถลงหรือสื่อสารใดๆในนามสภาวิศวกร ต้องเผยแพร่ผ่านช่องทางการเท่านั้น ขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนใช้วิจารณญาณการรับข้อมูลข่าวสาร แถลงการณ์มีขึ้นเพื่อความชัดเจนและลดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในสังคมเกี่ยวกับบทบาทและท่าทีของสภาวิศวกรต่อกรณีอาคารถล่มดังกล่าวต่อมาเวลา 10.30 น. น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยและผู้เชี่ยวชาญยังคงระดมกำลังกันค้นหาร่างผู้ประสบภัยคาดว่าอยู่บริเวณชั้นใต้ดิน คาดว่าวันที่ 10 พ.ค. จะสามารถเปิดพื้นที่ได้ครบทุกโซนตั้งอยู่บนสมมติฐานการเจอร่างของผู้สูญหาย แม้จะพบชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์น้อย แต่สามารถนำมาประกอบร่างได้สมบูรณ์เพื่อพิสูจน์ยืนยันตัวตนได้ คาดว่าจะสรุปปฏิบัติการค้นหาร่างผู้สูญหายได้ภายในอาทิตย์หน้า ส่วนการพิสูจน์อัตลักษณ์ที่มีชิ้นส่วนมนุษย์อยู่ที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจกว่า 300 ชิ้น แม้ปฏิบัติการค้นหาร่างผู้สูญหายจบสิ้นแล้ว แต่ยังคงมีกระบวนการพิสูจน์อัตลักษณ์ต่อไปส่วนปรับแก้ตัวเลขผู้ประสบภัยและจำนวนผู้สูญหาย น.ส.ทวิดากล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจสืบพบว่า มี 4 คนไม่อยู่ในอาคาร สตง.ในช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นคนงานรับจ้างรายวัน มีรายชื่อแต่ไม่ได้เดินทางมาทำงาน ต้องรอให้ญาติมาถอนแจ้งความบุคคลสูญหาย จึงสามารถปรับแก้ตัวเลขอย่างเป็นทางการได้ ทำให้เหลือจำนวนผู้ประสบภัยอยู่ที่ 105 คน ยังต้องติดตามค้นหาอีก 7 คน มีผู้เสียชีวิตที่ยืนยันอัตลักษณ์บุคคลเบื้องต้น 89 คนที่สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีมอบเงินช่วยเหลือทางมนุษยธรรมในเหตุอาคาร สตง.แห่งใหม่ถล่มให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต 12 คนและผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 คนรวม 21 คน ก่อนพิธีนายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความจัดแถลงข่าว มีนายศุภมิตร วัฒน์นพคุณ บริษัทซีอาร์อีซี นัมเบอร์ 10 จำกัด นายจาง ชวนหลิง กรรมการบริษัทซีอาร์อีซี นัมเบอร์ 10 จำกัด นายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา รองประธานบริหารอาวุโสกิจการร่วมค้า ITD-CREC พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ น.ส.ดวงดาว เกียรติพิศาลสกุล รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายสงคราม สกุลพราหมณ์ อุปนายกฝ่ายบริหาร นายสุชาติ ชมกุล อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ น.ส.มาลินี วัชราสิน กรรมการและเลขานุการพิจารณาการจ่ายเงินแก่ผู้เสียหาย นาย ภิรัช ปภาภิวัฒไชย กรรมการพิจารณาการจ่ายเงินแก่ผู้เสียหาย และญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตร่วมในพิธีนายสุนทร พยัคฆ์ กล่าวว่า สภาทนายความร่วมเจรจากับกรมคุ้มครองสิทธิฯและกิจการร่วมค้าได้ข้อสรุปว่า ทางกิจการร่วมค้าจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เสียชีวิตรายละ 1 ล้านบาท กรณีบาดเจ็บรายละ 2 แสนบาท เป็นการช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมไม่เกี่ยวกับคดีใดๆทั้งสิ้น สภาทนายความแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 คณะ คณะแรกให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย คณะที่ 2 เป็นคณะพิจารณาช่วยเหลือเงินแก่ผู้เสียหาย เอกสารผู้ผ่านการพิจารณาความเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิตยืนยันจำนวน 12 คน และบาดเจ็บ 9 คน ที่เหลืออยู่ระหว่างการประสานงานน.ส.ดวงดาว เกียรติพิศาลสกุล รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า เข้ามาร่วมเป็นคณะทำงานพิจารณาช่วยเหลือเยียวยาเงินแก่ผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ ช่วยตรวจค้นทายาทผู้เสียชีวิตเพื่อความถูกต้องของข้อมูล นำข้อมูลส่งให้เลขาธิการสภาทนายความเพื่อช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้เสียหาย ส่วนเรื่องคดีความมี พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ต้องรอผลการสอบสวนของพนักงานสอบสวนอีกครั้งนายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา รองประธานบริหารอาวุโสกิจการร่วมค้า ITD-CREC กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจแก่ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ กิจการร่วมค้าไม่ได้นิ่งนอนใจ ประสานงานกันตั้งแต่วันแรก เพื่อรวบรวมข้อมูลจากบริษัทที่เข้าร่วมทำงานในไซต์กว่า 10 บริษัท พนักงานประมาณ 300 คน และรวบรวมข้อร้องเรียนต่างๆดำเนินการตรวจสอบหลังจากนั้นสภาทนายความและ รมว.ยุติธรรมช่วยเข้ามาเป็นผู้ประสานงานให้กิจการร่วมค้า ภายหลังจัดตั้งคณะกรรมการมีหน่วยงานต่างๆเข้ามาช่วยเหลือตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง พิจารณาช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตรายอื่นที่เหลือทั้งหมดต่อไป เพิ่งได้รับการยืนยันรายชื่อทั้งหมด 109 คน อยู่ระหว่างตรวจสอบของนิติเวช รพ.ตำรวจ ยืนยันบุคคล ทำให้ยังต้องรอ ส่วน 60 กว่าคน ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าทำศพให้ญาติเบื้องต้นแล้ว การตรวจสอบซับซ้อนเรื่องญาติผู้เสียชีวิต กรมคุ้มครองสิทธิ์มีประสบการณ์เกี่ยวกับการตรวจสอบเรื่องนี้ ต้องใช้เวลาเพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาดนายศุภมิตร วัฒน์นพคุณ บริษัทซีอาร์อีซี นัมเบอร์ 10 จำกัด กล่าวว่า กิจการร่วมค้าบริษัทไชน่าฯต้องการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ตั้งแต่เกิดเหตุ จัดงานศพและช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล ถึงวันนี้พร้อมมอบเงินช่วยเหลือให้ญาติโดยไม่รอผลทางคดี แม้ยังไม่รู้ว่าบทสรุปใครต้องรับผิดชอบ การตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพราะมีผู้ได้รับผลกระทบมาร้องเรียนกิจการร่วมค้าว่าเป็นญาติผู้เสียชีวิต แต่ไม่มีอะไรยืนยันว่าจริงหรือไม่ เกรงว่าจะช่วยเหลือไม่ถูกคนกลายเป็นปัญหาในภายหลัง ขณะนี้ พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว 21 ราย และจะเร่งพิจารณาที่เหลือน.ส.มาลินี วัชราสิน กรรมการและเลขานุการพิจารณาการจ่ายเงินแก่ผู้เสียหาย กล่าวว่า ฐานะผู้รับเรื่อง สำหรับผู้เสียชีวิตที่ญาติยังไม่ได้ส่งเอกสาร ขอให้ญาติส่งเอกสารยืนยันกับสถานทูตเมียนมา พร้อมประสานกับกิจการร่วมค้าเพื่อตรวจสอบยืนยันอีกครั้ง จะได้มอบเงินช่วยเหลือให้ญาติผู้เสียชีวิตต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่