แม่นํ้ากก-แม่นํ้าสาย จังหวัดเชียงราย กำลังอยู่ในภาวะภัยพิบัติ “ก่อนนั้นก็เจออุทกภัยน้ำท่วม วันนี้มีเรื่อง “สารหนู” ในแม่น้ำกกอีก แต่พวกเราแทบไม่รู้เรื่อง หรือมีข้อมูลจากภาครัฐเลย...เรากลัว ไม่รู้ว่าต่อไปต้องทำอย่างไร น้ำประปาปลอดภัยไหม น้ำใต้ดินที่อยู่ริมน้ำกกจะปลอดภัยไหม”พืชริมน้ำที่เก็บกินอย่างผักกูด ยังเก็บกินได้ไหม...ผักที่ปลูกริมน้ำที่สูบน้ำจากน้ำกกมารดที่ส่งไปขายยังปลอดภัยไหม ชาวบ้านต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจให้ชัดเจน ต้องการให้ตรวจตะกอนดินด้วย เพราะไม่รู้ว่ามีการตกค้าง ส่งผลต่อสัตว์น้ำหรือปลาในแม่น้ำที่เอามากินในครัวเรือนว่ายังปลอดภัยอยู่ไหม?เตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” นักพัฒนาซึ่งทำงานด้านชาติพันธุ์และร่วมต่อสู้ในกระบวนการแก้ไขปัญหาคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ ตลอดเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา บอกว่า ปี 2567 น้ำแม่กก...น้ำแม่สายท่วมใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อนเป็นน้ำที่มากับโคลน “น้ำ” และ “โคลน” ไหลมาเร็ว...แรง...หลากท่วมในวงกว้าง สร้างความเสียหายมหาศาลให้กับชุมชนริมน้ำแม่กก ตั้งแต่ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ จนถึงอำเภอเมืองเชียงราย จนถึงบัดนี้หลายครอบครัวยังซ่อมแซมบ้านเรือนไม่เสร็จเพราะขาดทุนทรัพย์ บ้านหลายหลังพังลงไปโดยสิ้นเชิง บางพื้นที่มีไม้ซุงไหลมากับน้ำหลากด้วย...ความเสียหายกินอาณาบริเวณกว้างภัยที่ซ้ำเติมชาวบ้านในเวลาต่อมาคือ “น้ำกกขุ่นข้น” ตั้งแต่พรมแดนไทยพม่า ที่ ต.ท่าตอน ถึงเทศบาลเมืองเชียงราย กระทบต่อชาวบ้านริมน้ำเคยใช้ชีวิตพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติแม่น้ำกก ทั้งน้ำอุปโภคบริโภค อาบน้ำ เล่นน้ำ ปลูกพืชผัก หาปลา เลี้ยงวัวควายริมน้ำ ขับเรือ ล่องแพ ตั้งร้านอาหารริมน้ำข้างต้นเหล่านี้คือวิถีชีวิตและรายได้จากแม่น้ำกกตลอดทั้งปี...เมื่อน้ำแม่กกขุ่นผิดปกติตั้งแต่หลังจากน้ำท่วมจนข้ามมาถึงต้นปี ชาวบ้านก็เริ่มส่งเสียงให้สังคมรับทราบ จากการลงพื้นที่ของ มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ผู้นำชุมชนที่ท่าตอนต่างเล่าปัญหาความกังวลให้ทราบโดยเฉพาะ “ต้นตอ” ของ “ปัญหา” แม่น้ำกก ที่ในเขตเมืองสาด รัฐฉาน เหนือไปจากชายแดนเพียงไม่กี่กิโลเมตร มีการทำลายป่าต้นน้ำลำธาร ทำสวนยางพาราขนาดใหญ่ เป็นภูเขาสุดสายตา และมีคนจีนมาลงทุนทำเหมืองแร่ทองคำและเปิดหน้าดินอย่างมโหฬารผู้นำชุมชนต่างเป็นห่วงและเรียกร้องให้ “ภาครัฐ” เร่งตรวจสอบสาเหตุน้ำที่ขุ่น ชาวบ้านกลัวว่าแม่น้ำกกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ทางตอนบน จะส่งผลให้มีสารพิษปนเปื้อนเป็นอันตรายต่อวิถีชีวิตชาวบ้านหรือไม่ น้ำกกจะยังคงนำมาใช้อุปโภคบริโภคได้หรือไม่?ต่อมา...ในวันที่ 24 มีนาคม 2568 ส่วนราชการ คือ ทรัพยากรธรณีวิทยาและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสอ.) เชียงราย เชิญสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษได้มาเก็บตัวอย่างน้ำที่บ้านโป่งนาคำ และหน้าศาลากลางเชียงราย กระทั่งต้นเดือนเมษายนจึงได้แจ้งผล...ตรวจพบสารโลหะหนักในน้ำกกเกินค่ามาตรฐาน คือ “สารหนู”...ขอให้ชาวบ้านหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงทั้งการลงเล่นน้ำ การใช้น้ำอุปโภคบริโภค การเกษตร การประมง และในเดือนเมษายนน้ำแม่กกที่เคยคึกคักด้วยนักท่องเที่ยว กลับกลายเป็นแม่น้ำที่เงียบเหงา ไร้ผู้คน มลพิษแม่น้ำกกครั้งนี้ก่อผลเสียทั้งสังคมและเศรษฐกิจผ่านมาถึงช่วงกลางเดือนเมษายน คณะทำงานภาคประชาชนและนักวิชาการ จังหวัดเชียงราย ได้ร่วมกันส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี มีข้อเสนอเร่งด่วน “รัฐบาล”...ควรเร่งดำเนินการ แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน นักวิชาการเพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษระหว่างทางและผู้รับมลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย ถัดมา...เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก...ลุ่มน้ำสายอย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม...มีประสิทธิภาพและสร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมาเพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำ เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อนตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้งพื้นที่ต้นน้ำก่อนเหมืองในรัฐฉาน รวมถึงสร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจุบัน และขยายขอบเขตการศึกษา...วิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการรุกล้ำ หรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย ที่สำคัญต้องเปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมืองและประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบวันที่ 22 เมษายน 2568 มีการประชุมและเปิดตัวเครือข่ายข้อมูลอุทกภัยน้ำกก (คอก.) โดย 7 ชุมชนตลอดลำน้ำกกจากท่าตอนถึงเมืองเชียงราย ร่วมกับองค์กรภาคประชาสังคม นักวิชาการ หน่วยงานภาครัฐ ตั้งเสาวัดระดับน้ำ เพื่อเตือนภัยและเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาที่สาเหตุ คือ...ยุติเหมืองที่ต้นน้ำกกในรัฐฉานที่ประชุมชุมชนเรียกร้องให้รัฐแก้ปัญหาร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยการสร้างระบบสื่อสารเตือนภัยปริมาณน้ำฝนที่อาจตกหนัก...น้ำที่สูงผิดปกติ เพื่อเตรียมตัวอพยพประชาชน...ทรัพย์สิน ให้เสียหายน้อยที่สุด และเสนอการจัดทำแผนรับสถานการณ์สภาพอากาศ เปลี่ยนแปลงสภาวะโลกร้อน ร่วมดูแลพื้นที่ป่าต้นน้ำ ประเด็นสำคัญ...เพิ่มพื้นที่ป่าในจังหวัดเชียงรายให้มากขึ้นจาก 30% เป็น 40% และพัฒนาระบบเกษตรในพื้นที่ต้นน้ำให้เป็นระบบที่สอดคล้องกับนิเวศต้นน้ำ ช่วยให้ลำน้ำของเชียงราย คือ แม่กก แม่กรณ์ แม่ลาว น้ำงาว น้ำหงาว มีความอุดมสมบูรณ์ ใช้แนวคิดธรรมชาติองค์รวม ฟื้นฟูธรรมชาติด้วยธรรมชาติ“ลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย ได้เผชิญหายนะจากน้ำหลากท่วม...โคลนถล่มอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต สร้างความเสียหายรุนแรง และกว้างขวาง หลายครอบครัวต้องสูญเสียทรัพย์สิน ที่อยู่อาศัย...ขณะนี้เราเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่สัปดาห์ที่จะเข้าสู่ฤดูฝน การดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาของรัฐบาลต้องเริ่มในทันที” เตือนใจ ดีเทศน์ กล่าวทิ้งท้ายคลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม