ใต้ป่วนต่อเนื่อง ลอบวางบึมซุกกล่องป้องกันกล้องวงจรปิดบนเสาไฟ ตำรวจชุดสืบสวนพลีชีพ 1 ศพ บาดเจ็บ 2 นาย ขณะเข้าเก็บหลักฐานคดีคนร้ายประกบยิงปลิดชีพแม่เฒ่าตาบอดที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ปีนขึ้นไปเปิดกล่องจะเอาเมมโมรีการ์ดจากกล้องวงจรปิดเกิดระเบิดตูมสนั่น ด้านคดี 6 คนร้ายบุกกราดยิงถล่มบ้านชาวไทยพุทธ อ.ตากใบ สังเวย 3 ศพ รู้เบาะแสกลุ่มผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มเดียวกับที่ก่อเหตุไล่ฆ่าชิงปืน อส. 2 ศพ เมื่อต้นปี 67 คาดเอาปืนอาก้าของ อส.ไปเข่นฆ่าชาวบ้านต่อ สมช.ออกแถลงการณ์ประณาม กลุ่มผู้ก่อเหตุ ให้คำมั่นตามล่าตัวมาลงโทษให้ได้ พร้อมผลักดันมาตรการปกป้องคุ้มครองประชาชนผู้บริสุทธิ์จากเหตุการณ์กลุ่มคนร้าย 6 คนขี่รถ จยย. 3 คันใช้ปืนสงครามบุกกราดยิงถล่มบ้านชาวไทยพุทธที่บ้านปลักปลา หมู่ 5 ต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 พ.ค. มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ ประกอบด้วยนายดำ จันทร์คง อายุ 74 ปี ด.ญ.สสิตา จันทร์คง อายุ 9 ขวบ พิการเป็นใบ้ และนายแดง ตุนาสุข อายุ 59 ปี มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน นอกจากนี้ในช่วงบ่ายวันเดียวกันยังเกิดเหตุ 2 คนร้ายขี่รถ จยย.ประกบยิงนางสง่า แสงย้อย อายุ 76 ปี หญิงชราตาบอด เสียชีวิตขณะนั่งซ้อนท้ายรถ จยย.ลูกชายกลับจากหาหมอที่โรงพยาบาล ส่วนลูกชายวัย 50 ปีได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดพื้นที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส รวม 2 เหตุการณ์มีผู้เสียชีวิต 4 ศพล้วนเป็นผู้สูงอายุและเด็ก หลายฝ่ายออกมาประณามการกระทำอันป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรมของคนร้ายที่พุ่งเป้าล่าสังหารเหยื่อผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีทางต่อสู้เหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง คนร้ายลอบวางระเบิดถล่มกลุ่มตำรวจที่เข้าเก็บหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในคดีสังหารหญิงชราตาบอด เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 4 พ.ค. พ.ต.อ.วีระศักดิ์ เพอแสละ ผกก.สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุเกิดระเบิดที่กล่องป้องกันกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้า บริเวณสามแยกริมถนนในหมู่บ้านไอร์ลาฆอ บ้านย่อยของบ้านไอร์โซ หมู่ 5 ต.ช้างเผือก มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 3 นาย หลังรับแจ้งแล้วพร้อมด้วยนายมนชัย จิตกมลกานต์ ปลัดอาวุโส อ.จะแนะ สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุเป็นเสาไฟฟ้าสูงประมาณ 8 เมตรมีบันไดอะลูมิเนียมวางพาดอยู่โคนเสา ส่วนตัวกล่องที่ป้องกันกล้องวงจรปิดอยู่สูงจากพื้นประมาณ 3 เมตร ถูกอานุภาพของแรงระเบิดแตกกระจัดกระจาย ตัวเสาปูนแตกร้าว มีเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 1-2 กก.ไม่ทราบภาชนะบรรจุและตัวจุดชนวนตกกระจายเกลื่อน ท่ามกลางรอยเลือดสาดกระเซ็นที่พื้น เจ้าหน้าที่กันพื้นที่ไว้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบในวันรุ่งขึ้นเนื่องจากทัศนวิสัยไม่เอื้ออำนวย มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เป็นตำรวจชุดสืบสวนคดีความมั่นคง กก.สส.ภ.จ.นราธิวาส มีเพื่อนตำรวจช่วยเหลือนำส่ง รพ.จะแนะ ไปก่อนหน้า ทราบชื่อ ส.ต.ท.ภคพงศ์ สุวรรณชะนะ ถูกสะเก็ดระเบิดที่ใบหน้าและข้อมือซ้าย อาการสาหัส ด.ต.สาธิต คำแหง ถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะ และ ส.ต.ท.ธีปกร ชูสิงห์ ถูกสะเก็ดระเบิดที่ขาขวา หลังแพทย์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วส่งตัวทั้ง 3 นาย รักษาต่อที่ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ เสียชีวิตในเวลาต่อมา 1 นาย คือ ส.ต.ท.ภคพงศ์ ส่วนอีก 2 นาย อาการสาหัสสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุตำรวจชุดสืบสวนคดีความมั่นคง กก.สส.ภ.จ.นราธิวาส 8 นาย เดินทางลงพื้นที่ อ.จะแนะ เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง คดีคนร้ายขี่รถ จยย.ประกบยิงนางสง่า แสงย้อย อายุ 76 ปี หญิงชราตาบอดเสียชีวิต และนายทัศไนย์ ตั้งคง อายุ 50 ปี ลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้านไอร์บือแต หมู่ 4 ต.ช้างเผือก เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 พ.ค. โดย ส.ต.ท.ภคพงศ์ ผู้ตายเป็นคนปีนบันไดขึ้นเสาเพื่อจะไปเอาเมมโมรีการ์ดจากกล้องวงจรปิด เนื่องจากศูนย์ CCTV เกิดขัดข้องไม่สามารถเปิดใช้งานได้ ขณะเอื้อมมือไปเปิดกล่องป้องกันกล้องวงจรปิดก็เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น ทำให้ตัวเองเสียชีวิต ส่วน ด.ต.สาธิต และ ส.ต.ท.ธีปกร ที่ยืนจับบันไดอยู่ด้านล่างได้รับบาดเจ็บไปอีก 2 นายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่า เป็นฝีมือการกระทำของสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ นำระเบิดขึ้นไปวางซุกไว้ในกล่องป้องกันกล้องวงจรปิดบนเสาไฟฟ้าละแวกใกล้เคียงจุดที่ลงมือสังหารเหยื่อ เพราะเชื่อว่าจะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาเปิดกล่องเพื่อเก็บหลักฐาน จนเกิดระเบิดขึ้นมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม ยังมีกล้องวงจรปิดละแวกใกล้เคียงบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายไว้ได้ อยู่ระหว่างสืบสวนหาเบาะแสตามล่าตัว ด้านความคืบหน้าการตามล่าตัวกลุ่มคนร้ายกราดยิงชาวบ้าน 3 ศพ พ.ต.อ.อัสรี ต่วนเพ็ง ผกก.สภ.ตากใบ สั่งการชุดสืบสวนคลี่คลายคดีเร่งรวบรวมพยานหลักฐานหาเบาะแสกลุ่มคนร้าย โดยเฉพาะการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งบนเสาไฟฟ้าบริเวณใกล้เชิงสะพานคลองชลประทานฝั่งเดียวกับบ้านที่เกิดเหตุห่างประมาณ 50 เมตร สามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายทั้ง 6 คนไว้ได้ชัดเจน หลังก่อเหตุขี่รถ จยย. 3 คันมุ่งหน้าหลบหนีไปทาง ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก อยู่ระหว่างไล่กล้องวงจรปิดตามเส้นทางเพิ่มเติมว่ากลุ่มคนร้ายหลบหนีไปทิศทางใดนอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังประเมินจากภาพวงจรปิดที่กลุ่มคนร้ายลงมือก่อเหตุ ทั้งจำนวนคนและยานพาหนะ รวมทั้งปลอกกระสุนปืนขนาด 5.56 มม.ที่พบในที่เกิดเหตุกว่า 20 ปลอก อาจยิงมาจากปืนเอเค-102 หรือปืนอาก้า จากเหตุการณ์กลุ่มคนร้าย 6 คนขี่รถ จยย. 3 คัน ตามประกบยิงนายสนธยา ไชยสิทธิ์ และนายอมร บุญทอง อส.อ.ตากใบ เสียชีวิต 2 ศพ แล้วชิงเอาปืนประจำกายเอเค-102 ของ อส.ทั้ง 2 นายไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ก.พ.67 ขณะกลับจากดูแลความปลอดภัยครูโรงเรียนวัดสิทธิสารประดิษฐ์ บนถนนเลียบคลองชลประทาน หมู่ 5ต.พร่อน อ.ตากใบ เป็นเขตติดต่อกับบ้านปลักปลา หมู่ 5 ต.โฆษิต ที่เกิดเหตุกราดยิงชาวบ้าน 3 ศพ อยู่ระหว่างรอผลพิสูจน์ปลอกกระสุนปืนว่ายิงมาจากปืนของ 2 อส.ที่ถูกชิงเอาไปหรือไม่ ถ้ามาจากปืนกระบอกเดียวกันก็เป็นไปได้ว่ากลุ่มคนร้ายทั้ง 6 คนที่ลงมือสังหาร 2 อส.เป็นกลุ่มเดียวกับที่บุกกราดยิงชาวบ้าน3ศพ โดยเอาปืนที่ชิงไปจาก อส.ไปก่อเหตุกับกลุ่มชาวบ้านตามแนวทางการสืบสวนจากการซัดทอดของผู้ให้ความช่วยเหลือคดียิง อส. 2 ศพ เจ้าหน้าที่รู้ตัวกลุ่มคนร้ายทั้ง 6 คนหลังก่อเหตุแล้วหลบหนีข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติไปกบดานหลบซ่อนตัวในประเทศเพื่อนบ้าน มีข้อมูลเก็บรวบรวมไว้ในแฟ้มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องคดีความมั่นคง แต่ยังไม่ได้เป็นบุคคลที่ต้องคดีใดๆ ผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 คนประกอบด้วยนายไซปูรูสามัน ชาว ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ นายอีซาล ชาว ต.นานาค อ.ตากใบ นายฆอตือมัง ชาว ต.นานาค อ.ตากใบ นายอัสนัน ชาว ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี นายฮาเรส ชาว อ.สุไหงโก-ลก และนายแอ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริงสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ออกแถลงการณ์ประณามการก่อเหตุต่อผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เหตุความรุนแรงในห้วงที่ผ่านมาก่อให้เกิดความสูญเสียต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็ก สตรี และผู้สูงอายุ สมช.ในฐานะหน่วยงานนโยบายในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล ขอประณามการกระทำที่ไร้อารยะ ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน กฎหมาย และบรรทัดฐานระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ปราศจากความรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์อย่างสิ้นเชิง ล้วนแต่บั่นทอนบรรยากาศแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจ รวมทั้งแสดงถึงความไม่จริงใจอันเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสันติสุขในพื้นที่ ขอแสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งพี่น้องไทยพุทธและไทยมุสลิมที่ต้องสูญเสียครอบครัว เพื่อน พี่น้องรวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบ สมช.ตระหนักดีว่าเพียงคำพูดไม่อาจทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นหายไป แต่ขอให้คำมั่นว่าภาครัฐทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุด และมุ่งผลักดันมาตรการคุ้มครองปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างเต็มกำลังความสามารถ ขอส่งสารไปถึงกลุ่มขบวนการและผู้ก่อเหตุรุนแรงให้ยุติการก่อเหตุร้ายที่ปราศจากความรับผิดชอบทันที ยืนยันการก่อเหตุต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ไม่มีทางช่วยให้การแสวงหาทางออกทางการเมืองเกิดขึ้นได้เลย“นิด้าโพล” เผยผลการสำรวจเรื่อง “2 ทศวรรษ แก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้” จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา จำนวน 1,100 หน่วยตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 28-30 เม.ย. เมื่อถามถึงสถานการณ์ความปลอดภัยในพื้นที่ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ร้อยละ 33.45 ระบุ สถานการณ์แย่เหมือนเดิม รองลงมาร้อยละ 20.36 ระบุว่า ดีเหมือนเดิม ร้อยละ 18.55 ระบุว่า ค่อนข้างดีขึ้น ร้อยละ 14.64 ระบุว่า ค่อนข้างแย่ลง ร้อยละ 10.00 ระบุว่า แย่ลงมาก และร้อยละ 3.00 ระบุว่า ดีขึ้นมาก ด้านการพัฒนาความเจริญในพื้นที่ ร้อยละ 42.18 ระบุว่า การพัฒนาค่อนข้างดีขึ้น รองลงมา ร้อยละ 37.45 ระบุว่า ไม่ค่อยมีการพัฒนาเท่าไร ร้อยละ 14.55 ระบุว่า ไม่มีการพัฒนาเลย และร้อยละ 5.82 ระบุว่า การพัฒนาดีขึ้นมากด้านความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนในพื้นที่ ร้อยละ 33.55 ระบุว่า ความสัมพันธ์ดีเหมือนเดิม รองลงมาร้อยละ 30.64 ระบุว่า ค่อนข้างดีขึ้น ร้อยละ 19.91 ระบุว่า แย่เหมือนเดิม ร้อยละ 7.09 ระบุว่า ค่อนข้างแย่ลง ร้อยละ 5.64 ระบุว่า ดีขึ้นมาก ร้อยละ 3.00 ระบุว่า แย่ลงมาก สำหรับการให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ร้อยละ 42.36 ระบุว่า ไม่ค่อยให้ความสำคัญ รองลงมาร้อยละ 31.82 ระบุว่า ไม่ให้ความสำคัญเลย ร้อยละ 18.82 ระบุว่า ค่อนข้างให้ความสำคัญ ร้อยละ 5.91 ระบุว่า ให้ความสำคัญมาก เมื่อถามถึงการให้ความสำคัญกับนโยบายการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่กับการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งต่อไป ร้อยละ 47.55 ระบุว่า ให้ความสำคัญมาก รองลงมา ร้อยละ 27.36 ระบุว่า ค่อนข้างให้ความสำคัญ ร้อยละ 15.55 ระบุว่า ไม่ค่อยให้ความสำคัญ ร้อยละ 9.18 ระบุว่า ไม่ให้ความสำคัญเลยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่