ตลาดรถยนต์ในไทยปีนี้ยังออกอาการไม่โสภาสถาพร เป็นที่คาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศอาจเหลือ 530,000 คัน หดตัวต่อจากปีที่แล้วที่ 7.5%จากปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการปล่อยสินเชื่อที่มีอยู่เดิม ผนวกปัญหาใหม่ ทั้งแผ่นดินไหวและการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่กระทบรายได้หลักของไทยศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ว่าในปี 2568 คาดยังเป็นอีกปีที่ยากลำบากสำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศจากปัจจัยรายล้อม ได้แก่1.ปัญหาหนี้เสียที่สูงและกำลังซื้อที่อ่อนแอต่อเนื่องจากปีที่แล้ว 2.ปัญหาแผ่นดินไหวที่กระทบต่อรายได้ในภาคการท่องเที่ยว และ 3.การปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าไทยของสหรัฐฯสูงถึง 36% ซึ่งจะกระทบต่อภาคการส่งออกทำให้ปัญหาความเชื่อมั่นในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ใหม่ยังดำเนินต่อ แม้จะมีมาตรการรัฐ เช่น “กระบะพี่มีคลังค้ำ” ออกมา ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถกระบะได้แต่ไม่เต็มที่ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานหลักยังอ่อนแออย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้จะหดตัว แต่กลุ่มรถยนต์ xEV (ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า ทั้งประเภทรถไฮบริด หรือ HEV, รถปลั๊กอินไฮบริด หรือ PHEV และรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือ BEV) ยังคงเติบโตตามทิศทางความต้องการประหยัด ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของผู้บริโภคนำโดยรถยนต์ไฮบริด รถยนต์ BEV และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดตามลำดับ ซึ่งปัจจุบันยังทำตลาดในกลุ่มรถยนต์นั่งเป็นหลักจากทิศทางดังกล่าวทำให้ปี 2568 รถยนต์นั่งกลุ่ม xEV คาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 55% ของยอดขายรถยนต์นั่งรวมขณะที่รถเพื่อการพาณิชย์กลุ่ม xEV คาดว่าจะยังมีส่วนแบ่งตลาดน้อยมากเพียง 1% ของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์รวมทั้งนี้ หากพิจารณาตามสัญชาติของค่ายรถยนต์ จะเห็นว่าค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้นำตลาดของไทยในปัจจุบัน เลือกทำตลาดรถยนต์ xEV ในกลุ่มรถยนต์ไฮบริดเป็นหลัก ส่วนค่ายรถยนต์จีน เน้นขายรถยนต์ BEV และเริ่มสร้างตลาดรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมากขึ้นในปีนี้ ขณะที่ค่ายรถยนต์ตะวันตกเน้นทำตลาดรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเป็นที่น่าสังเกตว่าค่ายรถยนต์จีนได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดรถในไทยมากขึ้นเรื่อยๆดูได้จากยอดจองใน งานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2025 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป พบว่าค่ายรถยนต์จีนกำลังเร่งขึ้นมามีส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ไทยอย่างรวดเร็ว โดยยอดจองรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งล่าสุด พบยอดจองรถจีนขยับขึ้นมามีส่วนแบ่งเกินครึ่งเป็นครั้งแรกโดยเมื่อผนวกกับการเติบโตในอัตราเร่งของตลาดรถยนต์ xEV ในไทยดังกล่าวถึงก่อนหน้านี้ ทำให้ค่ายรถยนต์จีนมีโอกาสเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ไทยขึ้นสู่ระดับ 19% เนื่องจากจีนเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ BEV ในไทย และอนาคตอันใกล้คาดว่าจะขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดด้วยน่าระทึกใจยิ่งนัก!!!อัลคาโปนคลิกอ่านคอลัมน์ “มอเตอร์วอร์ส” เพิ่มเติม