“ดีเอสไอ” เปิดฉากบุกค้น 4 จุดพัน “บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ-กิจการร่วมค้า PKW” สร้าง “ตึก สตง.ถล่ม” ยึดเอกสารและเครื่องคอมพิวเตอร์อื้อ เดินหน้าต่อเรียกสอบผู้เกี่ยวข้อง 3 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มผู้รับงานก่อสร้าง-ผู้เกี่ยวข้อง กลุ่มผู้ทำบัญชี-ตรวจสอบบัญชี และกลุ่มผู้เสนอราคา นัดทยอยให้ปากคำ 18 เม.ย.-15 พ.ค.นี้ “นายกฯอิ๊งค์” เรียกถกผลสอบทันควัน “อนุทิน” เผย คกก.รายงานผลแล้วพุ่งเป้าที่การออกแบบ-ปล่องลิฟต์อสมมาตร รับไม่สบายใจหลังพบปลอมลายเซ็นวิศวกร ด้านการค้นหาผู้ติดใต้ซาก ทีมกู้ภัยยังไม่ท้อ เผยทีมช่างทหาร-กทม. ระดมเครื่องตัดแก๊สเข้าช่วย หลังเจออุปสรรคใหญ่เป็นเหล็กเส้นเรียงเป็นแพขวางเจาะเข้าโพรงไม่ได้ภายหลังกรมสอบสวนคดีพิเศษเข้าสอบสวนหาคนรับผิดชอบกรณีอาคารก่อสร้าง 30 ชั้น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ย่านจตุจักร ถล่ม เพราะเป็นอาคารกำลังก่อสร้างแห่งเดียวใจกลาง กทม.ที่พังราบลงมาเป็นผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ทั้งที่อยู่ห่างไกลเป็นพันกิโลเมตร หลายฝ่ายเชื่อก่อสร้างไม่โปร่งใส โดยวางกรอบสืบสวนสอบสวนทั้งเรื่องฮั้วประมูล นอมินี และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ล่าสุด “ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรมและอธิบดีดีเอสไอลงจุดเกิดเหตุวางแนวหาหลักฐานขยายผลคดีนอมินี ก่อนเผยพบบริษัทร่วมค้ายักษ์ใหญ่ทั้ง 2 บริษัท เซ็นสัญญาสำคัญ 4 ส่วน ตั้งแต่จ้างออกแบบ ควบคุมงาน การเปลี่ยนแบบ และการก่อสร้าง ตอนนี้ได้แค่สัญญาจ้างออกแบบต้องรอผลตรวจหลักฐานก่อนออกหมายจับคนผิดดำเนินคดี ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังเท่าเดิม 44 ศพยังสูญหาย 50 คน หลังไม่พบศพเพิ่มมา 2 วันติดอุปสรรคใหญ่มาจากเหล็กที่ถักเป็นแพจนกู้ภัยไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปค้นหาในโพรงได้ ต้องแบ่งเวลาเอาทีม ตัดเหล็กเข้าทำงาน สลับการใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ ยกซากคอนกรีตออกมา ตามที่เสนอข่าวไปนั้นทีมค้นไม่ท้อ–ไม่พบศพ 3 วันติดต่อมาช่วงเช้าวันที่ 17 เม.ย. การปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายเข้าสู่วันที่ 21 เจ้าหน้าที่กู้ภัย USAR จากหลายหน่วยยังสนธิกำลังทำลายสิ่งกีดขวางในซากตึก สตง.รอบด้านไปพร้อมๆกันด้วยเครื่องจักรกลหนักเจาะสกัดแผ่นคอนกรีต และโกยเหล็กเส้น สลับช่วงกับทีมค้นหาเดินเท้าพร้อมอุปกรณ์ตัดเหล็กเส้นที่ถักทอในแผ่นคอนกรีตเปิดโพรงเข้าไปในซากอาคาร มีโดรน และทีมสังเกตการณ์มุมสูงสนับสนุนการค้นหา แต่ตลอดการค้นหาต่อเนื่องตั้งแต่เย็นวันที่ 15 เม.ย. ถึงเวลา 12.00 น. วันที่ 17 เม.ย.ยังไม่พบร่างผู้ประสบภัยหรือชิ้นส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่ม พบแต่เพียงกระเป๋าและกล่องอุปกรณ์ทำงานของแรงงานที่ทำงานบนตึกก่อนถล่มแฉเหล็กเส้น–อุปสรรคใหญ่ต่อมาเวลา 11.00 น.นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. (ปภ. กทม.) เผยว่า ผ่านมานานหลายวันแล้วที่ไม่พบสัญญาณชีพ ตอนนี้เป็นการค้นหาร่างผู้ที่สูญหาย การดำเนินการวิเคราะห์ว่าจะเน้นไปที่จุดใหญ่ คือบริเวณโซน C และโซน B ตอนนี้จะต้องเร่งปอกปูนออกจากกองซากตึก สังเกตได้ว่าตั้งแต่นำปูนออกจากอาคาร จะเห็นว่ามีเหล็กเส้นจำนวนมากที่ร้อยกันเป็นแพ ต้องใช้ทีมช่างของทหาร และ กทม. นำอุปกรณ์แก๊สช่วยตัดเหล็กออก หากใช้แค่เครื่องจักรหนักอย่างเดียวจะใช้เวลานานกว่าจะตัดเหล็กเส้นออกจากกันได้ลดสูงวันละ 3 ม. เสร็จตามแผนนายสุริยชัยกล่าวอีกว่า สำหรับความสูงของกองซากตึก สตง. ตอนนี้เหลือแค่ 13.05 เมตร เป็นตัวเลขเมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ เฉลี่ยแล้วลดความสูงของยอดซากได้ประมาณวันละ 3 เมตร การค้นหาผู้ติดค้างตอนนี้พบทั้งเป็นร่างกาย และชิ้นส่วนมนุษย์ แต่ในข้อเท็จจริงอาคาร 30 ชั้นตกลงมากระแทกคนอยู่ข้างในทำให้เจอทั้ง 2 ลักษณะ เมื่อช่วงเช้าพบชิ้นส่วนมนุษย์อีก 2 เคส โซน C เชื่อมต่อโซน B คิดว่าเวลาการรื้อถอนยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม แล้วเสร็จในสิ้นเดือนเมษายน ดูจากความคืบหน้าทำได้วันละประมาณ 3 เมตร ตอนนี้ได้เพิ่มรอบขนเศษวัสดุออกไปจากพื้นที่มากขึ้น กรุงเทพมหานคร นำรถบรรทุกมาเสริมเพิ่มเติมปรับพื้นถนนด้านหน้าและโซน C อำนวยความสะดวกให้รถบรรทุก เมื่อคืนนี้ มีรถสิบล้อกรมโยธาธิการและผังเมืองมาเสริมให้อีก 8 คัน จะทำอย่างนี้ต่อเนื่องศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร สรุปยอดความคืบหน้าภารกิจกู้ภัยคนงานผู้สูญหายจากซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหลังใหม่พังถล่ม ณ เวลา 15.00 น. วันที่ 17 เม.ย. ผู้เสียชีวิตยังยอดเดิม 44 ราย ผู้บาดเจ็บ 9 ราย และยังมีผู้สูญหายอยู่ระหว่างค้นหา 50 ราย เท่ากับเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมาพฐ.แถลงผลพิสูจน์บุคคลต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีอาคาร สตง.ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. ในฐานะโฆษกสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ พล.ต.ต.วิรุฬห์ ศุภสิงห์ศิริปรีชา ผบก.นต.รพ.ตร. ร่วมกันแถลงผลพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล เพื่อพิสูจน์ยืนยันตัวตนว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร และจะได้ส่งคืนศพให้ญาติไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณียืนยันได้แล้ว 33 ศพพล.ต.ต.วิรุฬห์เผยว่า ได้ดำเนินการตามกระบวนการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล เก็บข้อมูลผู้สูญหายและดีเอ็นเอ จากญาติ 97 ราย ใช้เปรียบเทียบศพที่ส่งมายังสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ การตรวจเปรียบเทียบยืนยัน ได้แก่ ลายพิมพ์นิ้วมือ ข้อมูลทันตกรรมดีเอ็นเอ และข้อมูลทางกายภาพ ตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.-17 เม.ย.68 มีศพและชิ้นส่วนศพที่เข้าระบบแบ่งเป็นศพ 41 ราย ชิ้นส่วนศพ 96 ชิ้น ข้อมูลผู้เสียชีวิตที่เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลแล้ว 42 ราย และชิ้นส่วนศพจำนวนมาก ตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลยืนยันผู้เสียชีวิตเป็นใครได้ 33 ราย แบ่งเป็นคนไทย 22 ราย เมียนมา 10 ราย และกัมพูชา 1 ราย แจ้งญาติมารับศพแล้ว ศพที่ส่งเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์เบื้องต้นทราบว่าเป็นใคร แต่ต้องรอผลตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนศพเพื่อประกอบร่างให้สมบูรณ์ที่สุดก่อนส่งคืนญาติ การตรวจพิสูจน์จะใช้ดีเอ็นเอร่วมลายพิมพ์นิ้วมือ ส่วนที่เป็นชิ้นส่วนจะนำดีเอ็นเอมารวมแต่ละชิ้นให้เป็นตัวบุคคล เวลาผ่านไปนานต้องใช้กระดูกในการหาดีเอ็นเอ อาจใช้เวลาเพิ่ม 1-2 วัน ก่อนจะนำข้อมูลครอบครัวมาเปรียบเทียบขอทูตที่พม่าเก็บ DNA ญาติด้าน พล.ต.ต.วาทีเผยว่า ช่วงวันแรกที่ศพเข้ามาใช้วิธีพิมพ์มือในการพิสูจน์ได้ และปล่อยศพได้วันต่อวัน ตอนนี้ศพเปลี่ยนสภาพ ชิ้นส่วนศพเพิ่มมากขึ้น ต้องประกอบร่างให้ครบทุกชิ้นส่วนก่อนปล่อยศพให้ญาติ ส่วนแรงงานต่างด้าวที่เป็นแรงงานแฝง ตรวจดีเอ็นเอออกมาแล้วไม่ตรงกับใคร มีอยู่ 10 ราย ประสานสถานทูตไทยในกรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา หากใครสงสัยว่าญาติตัวเองจะเข้ามาทำงานที่อาคาร สตง.แล้วหายตัวไปให้ติดต่อได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอตรวจดีเอ็นเอไปเปรียบเทียบกับศพนิรนามได้เลย ตอนนี้ได้รับการประสานจาก กทม.มีญาติบางส่วนที่ประเทศเมียนมาเดินทางมาไม่ได้ทำให้มีศพบางส่วนไม่สามารถยืนยันได้ พฐก.จะประสานสถานทูตเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากญาติที่เมียนมา นำมาตรวจพิสูจน์ คาดว่ายังมีแรงงานแฝงอีกหลายรายหากรื้อซากอาคารออกหมด มีบางรายที่ไม่ทราบยอดคนงานเพราะผู้รับเหมาก็ติดอยู่ใต้ซากด้วย ขณะที่มีบางศพที่ญาติยังไม่มารับเนื่องจากเป็นชาวเมียนมา บางศพญาติรอรับพร้อมศพอื่นในครอบครัวที่ยังหาไม่เจอแม่เศร้าพบศพลูกในวันเกิดขณะเดียวกันมีญาติผู้เสียชีวิตเดินทางมารับศพ 2 ราย หนึ่งในนั้นคือนางบุญเส่ง มวลสุข อายุ 73 ปี แม่นายวิทยา สิทธิ์ศรี อายุ 36 ปี ช่างไฟฟ้าผู้เสียชีวิต นางบุญเส่งเผยว่า ลูกชายมาทำงานที่กรุงเทพฯ และอาศัยอยู่ที่นี่นานหลายปี ตนอยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษจะมาหานานๆครั้ง เจอกันล่าสุดช่วงปีใหม่ 67 ลูกชายเข้าไปทำงานที่อาคาร สตง.ได้แค่ 1 เดือน ตอนแรกครอบครัวลูกหลานไม่ยอมบอกจนคนข้างบ้านมาบอกรู้ว่าลูกติดอยู่ในซากตึก กินไม่ได้นอนไม่หลับต้องมาลุ้นว่าลูกชายจะได้ออกมาวันไหน กระทั่งวันที่ 14 เม.ย. วันเกิดของลูกชาย มีเจ้าหน้าที่โทร.มาแจ้งว่าพบร่างลูกติด อยู่ในซากตึก ยอมรับว่าเสียใจแต่ทำใจได้แล้ว วันนี้จะพาลูกชายกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดโพธินิมิตรสถิตมหาสีมาราม ย่านบางยี่เรือ ก่อนจะนำกระดูกไปเก็บไว้บ้านเกิด จ.ศรีสะเกษทีมเก็บหลักฐานเข้าพื้นที่อีกรอบส่วนการค้นหาหลักฐานหาสาเหตุตึกถล่ม เวลา 10.00 น. ทีมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ กรมโยธาธิการและผังเมือง และทีมพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบโครงสร้างตึก สตง. บริเวณซากตึก โซน C พร้อมบันทึกเก็บหลักฐานโครงสร้างในส่วนของคานคอนกรีตที่ถล่มลงมาอย่างละเอียดอีกครั้ง และนำชิ้นส่วนเหล็กในโครงสร้างดังกล่าว ทั้งเหล็กข้ออ้อย เหล็กตะแกรง และลวดผูก รวมทั้งชิ้นส่วนคอนกรีต นำส่งตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และทางวิศวกรรมใช้เป็นหลักฐานในการค้นหาสาเหตุตึกถล่มแจงขั้นตอนออกแบบ–แก้ไขพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ เผยว่า จากกรณีสัญญา 4 ฉบับที่ดีเอสไออยู่ระหว่างตรวจสอบประกอบด้วย 1.สัญญาการออกแบบโครงสร้าง กรมโยธาธิการและผังเมืองไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ มีบริษัทเอกชนเป็นผู้ออกแบบ 2.สัญญาควบคุมงาน 3.สัญญาการก่อสร้าง และ 4.สัญญาการเปลี่ยนแบบ หรือสัญญาขอแก้ไขเพิ่มเติมแบบคือส่วนควบของสัญญาก่อสร้าง และสัญญาการออกแบบโครงสร้างก็ได้ เนื่องจากมีการแก้แบบระหว่างทางเพราะการแก้ไขแบบต้องให้คนออกแบบเป็นผู้อนุมัติ ดังนั้น บริษัทที่เกี่ยวข้องจะเป็นบริษัทผู้ออกแบบ คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ตามขั้นตอนต้องเริ่มตั้งแต่ผู้รับเหมาเสนอไปที่ผู้ควบคุมงาน หากผู้ควบคุมงานเห็นด้วยก็เสนอผู้ออกแบบว่าอนุมัติหรือไม่ หากผู้ออกแบบอนุมัติว่าทำแล้วไม่กระทบโครงสร้างก็เสนอไปยังคณะกรรมการเพื่อตรวจการจ้างฯ ส่วนการออกแบบ และการแก้ไขแบบจะต้องมีผู้แทน สตง. อนุมัติหรือไม่นั้น ทราบว่าจะมีคณะกรรมการบริหารเรื่องสัญญาจ้างอยู่ แต่ตามหลักการอะไรที่รัฐเซ็นไปแล้วรัฐต้องได้ประโยชน์ล่าคนปลอมลายเซ็น “สมเกียรติ”พ.ต.ต.วรณันกล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นนายพิมล เจริญยิ่ง อายุ 85 ปี ที่มีชื่อเป็นผู้ออกแบบ ขณะที่นายสมเกียรติ ชูแสงสุข เป็นคนที่มีชื่อขอแก้ไขแบบในฐานะผู้ควบคุมงาน ทั้งคู่เป็นคนละขั้นตอนกัน ดังนั้นคนที่ปลอมลายเซ็นชื่ออ้างชื่อนายสมเกียรติคือใครนั้นอยู่ระหว่างขยายผล ใจความสำคัญที่ยึดเป็นแกนกลางคือ สตง. มีความต้องการสร้างประสงค์ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นผู้ออกแบบ แต่ด้วยกรอบเวลา 180 วัน กรมโยธาธิการและผังเมืองไม่สามารถออกแบบได้ทัน เป็นสิทธิ์ สตง.ที่จะจ้างบริษัทเอกชน ทำให้เห็นว่าในกระบวนการต่างๆ ของการก่อสร้างตึก สตง. มีวิศวกรเข้ามาเกี่ยวข้องกี่รายกันแน่ และเป็นใครบ้างประสาน “พิมล” เข้าให้ข้อมูลมีรายงานว่าเมื่อวัน 16 เม.ย. ดีเอสไอได้ประสานไปยังนายพิมล เจริญยิ่ง ขอความร่วมมือเข้าให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ ส่วนเจ้าตัวจะตอบรับอย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม มองว่าเรื่องนี้ประเทศชาติเสียหาย ดังนั้นรายละเอียดที่จะใช้สอบถามต้องเป็นประเด็นสำคัญ เพราะจะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ที่ใช้ต่อกับภาพอื่นในคดีได้ด้วย นอกจากนี้ หากดีเอสไอรวบรวมพยานหลักฐานจนเห็นความเกี่ยวข้องว่าใครเข้ามาเกี่ยวข้องช่วงใดของงานบ้าง เกี่ยวข้องอย่างไร จึงจะเริ่มออกหมายเรียกพยานนิติบุคคลต่างๆ เข้าให้ข้อมูลคดีวิศวกร บ.ว.และสหายโร่พบมีรายงานว่าเมื่อวันที่ 16 เม.ย. นายชัยฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) พนักงานบริษัท ว.และสหายคอน ซัลแตนตส์ จำกัด ตำแหน่งวิศวกร เข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพื่อให้ข้อมูลกรณีอาจถูกแอบอ้างเป็นผู้ควบคุมงานตึก สตง. โดยชี้แจงว่าไม่ได้เป็นผู้ควบคุมงาน แต่เป็นพนักงานบริษัทที่มีชื่อในกิจการร่วมค้า PKW ถูกเกณฑ์ไปถ่ายรูป ขณะควบคุมตรวจงานในตึกระหว่างก่อสร้าง สตง. เพื่อให้ดูว่ามีการควบคุมงานจริง เลยสงสัยว่าเรียกไปถ่ายรูปทำไม จนกระทั่งเริ่มมีข่าวปลอมลายเซ็นทราบว่าน่าจะถูกหลอกลักษณะเดียวกัน ปกติการควบคุมงานของบริษัทต่างๆจะรวบรวมรายชื่อวิศวกรทั้งหมดไปเพื่อเสนองาน และเมื่อเริ่มก่อสร้างจะต้องมีรายการเบิกจ่ายทำให้ต้องมีผู้ควบคุมงานอยู่ตลอดเวลาว่ามีอะไรเข้ามาบ้าง เช่น วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ หรือเป็นไปตามแบบหรือไม่ โดยวิศวกรควบคุมงานลุยค้น 4 จุดคดีนอมินีวันเดียวกัน ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญาเข้าค้นพร้อมกัน 4 จุด จุดที่ 1 เลขที่ 143 Carhub ศูนย์บริการรถยนต์และยาง (สำนักงานใหญ่) ย่านถนนพระรามที่ 2 แขวงและเขตจอมทอง กรุงเทพฯ และบ้านนายบินลิง วู จุดที่ 2 เลขที่ 76/2 บริษัท เเคป เวลธ์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ย่านถนนรามคำแหง แขวงและเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ และกิจการร่วมค้า PKW จุดที่ 3 บริษัท ว.และสหายคอลซัลแตนตส์ จำกัด ย่านถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จุดที่ 4 บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด ย่าน ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อตรวจค้นและตรวจยึดพยานเอกสาร พยานวัตถุที่เกี่ยวข้องในคดีที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ คือ คดีพิเศษที่ 32/2568 หรือคดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัดยึดเอกสาร–ข้อมูล 51 วิศวกรมีรายงานว่าผลการตรวจค้นทั้ง 4 จุด ยึดสำเนาเอกสาร เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินโครงการก่อสร้างจำนวนมาก มีรายชื่อวิศวกรควบคุมงานในนามกิจการร่วมค้า PKW (พี เอ็น ซิงค์ โครไนซ์/ว.และสหายฯ/เคพี คอนซัลแทนส์) 51 ราย โดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะนำหลักฐานไปตรวจสอบก่อนว่าบริษัทใดในนามกิจการร่วมค้า PKW มีวิศวกรเกี่ยวข้องกี่ราย จากนั้นจะพิจารณาเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำต่อไปพบ 2 ผู้ถูกอ้างชื่อในโครงการร.ต.อ.สุรวุฒิเผยว่า จากรายชื่อวิศวกรผู้ควบคุมงานที่ปรากฏในเอกสารของ สตง. รวม 51 คน นอกจากนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานอนุกรรมการคลินิกช่างฯ ที่มาแสดงตัวว่าถูกปลอมลายเซ็นและแอบอ้างชื่อเป็นผู้ควบคุมงานนั้น ยังมีวิศวกรอีก 1 คนที่เข้าแสดงตัวกับดีเอสไอแล้ว ว่าถูกแอบอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นในฐานะวิศวกรผู้ควบคุมงานลักษณะเดียวกัน รวมขณะนี้พบผู้ที่ถูกนำชื่อไปแอบอ้างในโครงการ 2 คน ส่วนบุคคลที่เหลือที่มีชื่อปรากฏทั้งหมด จะทยอยเรียกมาสอบปากคำทั้งหมดจ่อหมายเรียก 3 กลุ่มเกี่ยวข้องรองอธิบดีดีเอสไอเผยต่อว่า เบื้องต้นสอบปากคำพยานบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้ว 10 ปาก และในวันนี้พรุ่งนี้ ดีเอสไอเรียกสอบตัวแทนบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ, บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์จำกัด รวมทั้งผู้ถือหุ้น มาสอบปากคำ เป็นหมายเรียกกลุ่มผู้รับงานก่อสร้างและผู้เกี่ยวข้องรวม 7 ราย หมายเรียกกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มผู้ทำบัญชีและตรวจสอบบัญชี 6 ราย และกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มผู้เสนอราคา 6 ราย (ไม่รวมกิจการร่วมค้า บริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ และอิตาเลียนไทยฯ) จะทยอยออกหมายเรียกมาให้ปากคำระหว่างวันที่ 18 เม.ย.-15 พ.ค.นี้“คดีนอมินีคืบหน้าไปมากทั้งเรื่องพยานหลักฐาน เส้นทางการเงินที่พิสูจน์ทุนและการถือครองหุ้นแทนคนต่างด้าวขณะนี้รวบรวมพยานหลักฐานในเรื่องการทำให้การแข่งขันในการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐไม่เป็นธรรม จนได้โครงการมาว่ามีการใช้กลอุบาย “ฟันราคา” แล้วมาลดงานภายหลัง เป็นความผิดตามกฎหมายฮั้วประมูล หรือพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐหรือไม่ ต้องเร่งทำความจริงให้ปรากฏ” ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวนายกฯถกผลสอบ 18 เม.ย.อีกด้านหนึ่งที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยถึงความคืบหน้าผลสอบตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่มว่า ตอนนี้มีข้อมูลประปรายเข้ามา น่าจะเรียกประชุม ได้ในวันที่ 18 เม.ย. ได้ขอข้อมูลทั้งหมดที่เป็นรูปเป็นร่าง ในวันที่ 18 เม.ย. จะดูว่ามีฟีดแบ็กอย่างไร เพราะตอนนี้ได้ข้อมูลมาเป็นชิ้นๆในภาพรวม เร่งอยู่ตลอดไม่ต้องห่วงไม่ได้ปล่อยมือไปไหน เมื่อถามว่าเรื่องการตรวจสอบการทุจริตของโครงการก่อสร้างจะถือโอกาสนี้ สะสางเลยหรือไม่ นายกฯไม่ได้ตอบคำถามคกก.สืบสวนรายงาน มท.1 แล้วก่อนนี้เมื่อเวลา 10.45 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เผยถึงความคืบหน้าคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ว่า คณะกรรมการมารายงานตนและนายกฯแล้ว เท่าที่ทราบหนึ่งในสาเหตุตรงกับที่นายวรศักดิ์ กนกนุกุลชัย ราชบัณฑิต ตั้งข้อสันนิษฐานว่าปล่องลิฟต์อสมมาตร พุ่งเป้าไปที่การออกแบบที่ไม่สมมาตรกับตึกเมื่อมีเหตุการณ์แผ่นดินไหว ค่าสัดส่วนความปลอดภัยที่ต้องทนต่อแรงบิด แรงเฉือน ได้ออกแบบเผื่อไว้ตามหลักหรือไม่ เมื่อถามถึงบริษัทผู้ควบคุมงานปลอมลายเซ็นและใช้วิศวกรที่มีอายุมากถึง 85 ปี นายอนุทินกล่าวว่า ในฐานะวิศวกรคนหนึ่งฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เรื่องวิชาชีพไม่ควรปลอมลายเซ็น หากเกิดขึ้นจริงถือเป็นเรื่องใหญ่ เร็วๆนี้จะเชิญอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองมาหารือ มีหน้าที่ควบคุมจรรยาบรรณสายวิชาชีพหรือไม่ สภาวิศวกรที่เป็นคนออกใบอนุญาตให้กับหน่วยงานด้านวิศวกรรม ขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย ตนเป็นสภานายกพิเศษสภาวิศวกรก็ต้องดูเรื่องนี้ ใบอนุญาตต้องเข้มงวดเริ่มจ่ายเงินเยียวยาญาติส่วนเรื่องการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้ญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้เงินทดรองได้ผ่านกรมบัญชีกลางไปอยู่ในมือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แต่ละจังหวัดจะประสานขอข้อมูลญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจาก ผวจ. คาดวันที่ 17 หรือ 18 เม.ย. จะเริ่มจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นได้รายละ 1 แสนบาท ตามที่ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ไว้กับกรมบัญชีกลาง นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานจากนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรม ปภ. ว่ามีญาติผู้เสียชีวิตที่ยังรอการกู้ร่างในซากตึกอีก 1 ราย คาดจะนำเงินไปมอบให้ที่หน้าไซต์งาน ส่วนผู้สูญเสียรายอื่นๆมอบเงินตามหลักเกณฑ์ไปยังภูมิลำเนาญาติ ทั้งรูปแบบการโอนผ่านพร้อมเพย์ หรือการมอบเป็นเงินสด ทั้งนี้เงินดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น ผู้สูญเสียยังสามารถไปเรียกร้องตามกระบวนการทางกฎหมายเพิ่มเติมได้อีกอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่