เรื่องเล็กๆความหมายใหญ่ๆ (สุริยเทพ ไชยมงคล อินสไปร์ เครือนานมี พิมพ์ พ.ศ.2553) เรื่องที่ 66 ชื่อเรื่อง ดวงอาทิตย์ในฤดูหนาวนักศึกษาคนหนึ่งนับถือท่านศาสดาพยากรณ์มาก เขาจึงไปบ้านท่านศาสดาทุกวัน แต่ผิดคาด วันนั้นท่านศาสดาพยากรณ์กลับพูดกับเขาว่า“เจ้าอาจจะรู้สึกว่า มิตรภาพระหว่างเราจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับข้าไม่ใช่ นับแต่วันนี้ขอให้เจ้าลดระยะเวลามาหาข้าลงบ้าง”นักศึกษาทำท่าจะไม่เข้าใจ ท่านศาสดาพยากรณ์จึงเล่านิทานเรื่องหนึ่งต่อไปนี้เพื่อนสองคนถามกันเอง “พระอาทิตย์สง่างามสูงส่งนัก แต่ทำไมจึงไม่เคยได้ยินว่าจะมีใครรัก และอยากทะนุถนอมรักษาให้ได้ยินบ้าง”“มันเป็นเช่นนั้นจริง” เพื่อนตอบและอธิบาย“ในฤดูกาลปกติธรรมดา แสงอาทิตย์สาดส่องร่างกายเราทุกวัน เราจึงไม่รู้สึกคุณของมัน แต่เมื่อถึงฤดูหนาว แม้พระอาทิตย์จะส่องแสงให้ความอบอุ่นได้บ้าง แต่เมื่อมันถูกเมฆหนาบัง เราจึงรู้ตอนนั้น พระอาทิตย์มีค่า”เรื่องเล็กๆก็เล่ากันสั้นๆแค่นี้ล่ะครับลองมาฟังคำอธิบายความหมายใหญ่ๆที่ขึ้นต้นด้วยประโยคที่แรกๆจะฟังแปร่งหู “ระยะห่างทำให้เกิดความงาม” กันจะดีกว่าความจริงของมนุษย์บนโลกใบนี้ สิ่งของสวยงามมีปริมาณน้อย จึงจะรู้สึกว่ามีค่ามากเหตุผลเดียวกัน เราจึงใช้อธิบายเรื่องคุณของดวงอาทิตย์ได้ในมุมมองด้านสังคมศาสตร์ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนเราไม่ต้องการความเป็นส่วนตัว กระนั้น คนที่เข้าสังคมก็ต้องการอิสระในบางเวลาแม้จะเป็นเพื่อนสนิทที่คบค้ากันชนิดไม่เคยมีความลับต่อกันเลย ก็ควรเว้นระยะห่างเพื่อให้แต่ละฝ่ายมีอิสระของตัวเองมีคำกล่าวว่า หลักการบู๊-บุ๋น เดี๋ยวตึงเดี๋ยวหย่อน เมื่อยามมีปฏิสัมพันธ์กับคน อย่าปรับความสัมพันธ์ให้ตึงเกินไป ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาก อาจทำให้เกิดความเบื่อหน่ายคนโบราณเมื่อสองพันปีที่แล้วเคยกล่าว “คนงามอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ”หญิงไม่งามสักแค่ไหน เมื่อชายยังไม่ได้ครอบครองก็ดูจะสวยงามและเพียบพร้อมไปทุกสิ่งทุกอย่างความงามที่เกิดจากระยะห่าง ทำให้ชายเฝ้าใฝ่ฝันและไขว่คว้า เกิดความปรารถนารุมเร้า อย่างมิอาจต้านทาน นี่เป็นความจริงแต่ความจริงอีกด้าน ความใกล้ชิดแน่นแฟ้นเกินไป ก็สร้างความเบื่อหน่ายได้เหมือนกันด้วยเหตุนี้ คนฉลาดจึงต้องรู้จักรักษาระยะห่างให้พอเหมาะพอดีเรื่องเล็กๆของคนสองคน เพื่อนกับเพื่อน ผัวเมีย พี่กับน้อง หรือกระทั่งท่านผู้นำกับท่านผู้ตาม...ทั้งหลาย อ่านเรื่องนี้แล้วเอาไปสะดุดหยุดคิดใคร่ครวญกันไว้กลยุทธ์โฆษณาสินค้ายุคใหม่มีเป็นกฎกติกาให้รักษาอัตราความถี่...สินค้าบางชนิดโฆษณาดีตอนแรกๆ ลูกค้าก็อยากซื้อ...แต่หากโฆษณาเกินพอดีๆ ถี่ๆย้ำซ้ำเข้าหูมากเกินไปอาจเกิดเรื่องผกผัน ลูกค้าเบื่อ เปลี่ยนใจ ที่เคยซื้อก็ไม่ซื้อ เผลอๆเกลียดเอาเลยเอาตัวอย่างเรื่องแผ่นดินไหวก็ได้ ประเด็นกลไกกระจายข่าวสาร โพลสำนักที่น่าเชื่อถือทำออกมามีพาดหัวข่าว คะแนนนิยมท่านผู้นำตีตื้นขึ้นเป็นที่หนึ่งอือ! นานๆจะได้ฟังข่าวรื่นหูอย่างนี้สักทีแต่เมื่อถึงงานตึก สตง.ถล่ม...ที่จริง อัตราความถี่งานนายกฯ ก็คงที่...แต่ดูเหมือนจะพลาดตรงจังหวะเวลา...ข่าวจึงออกมา นายกฯคะแนนตกต่ำ...นี่ปะไร คนโบราณสองพันปีจึงสอนว่า คนงามอยู่อีกฝั่งแม่น้ำ.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม