แผ่นดินไหวสะเทือนเมืองที่คนไทยต้องจดจำ ทำให้หลายคนได้ฉุกคิดว่า ชีวิตมีแค่นี้จริงๆเงินทองของมีค่าไม่สำคัญเท่ากับการพาตัวเองและคนที่เรารักให้หนีรอดปลอดภัย ในวินาทีเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย มันมีคำตอบอยู่แล้วว่าใครที่รักเรา และเรารักใครจงใช้ชีวิตให้เหมือนทุกวันเป็นวันสุดท้าย!! ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายจริงๆ ถามว่าความสุขแบบไหนที่เราอยากมีไว้ในความทรงจำ และใครกันที่เราอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยในวันสุดท้าย บางทีสิ่งสำคัญในชีวิตเราอาจไม่จำเป็นต้องเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แต่เกิดขึ้นได้จากการสะสมความสุขเล็กๆวันละนิดวันละหน่อยวิธีฝึกฝนให้รู้จักสะสมความสุขเล็กๆทำให้ใจเราฟู “คุณหมอชิอน คาบาซะวะ” จิตแพทย์และนักวิชาการผู้คร่ำหวอดด้านประสาทวิทยาศาสตร์ เจ้าของทฤษฎี “พีระมิดสามสุข” แนะเคล็ดลับว่า “ให้ค้นหาภาวะลื่นไหล (Flow) ให้เจอ เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกดื่มด่ำกับการทำอะไรสักอย่างชนิดลืมวันลืมเวลา” ไม่ว่าจะเป็นตอนทำงาน หรือเวลาเที่ยวเล่น ทำงานอดิเรก นั่นล่ะคือสภาวะความสุขสูงสุดเมื่ออยู่ใน “ภาวะลื่นไหล” สารแห่งความสุขต่างๆจะพากันตบเท้าเข้ามา ยกตัวอย่างเวลาที่เขียนหนังสือ คุณหมอรู้สึกว่ากำลังอยู่ในภาวะลื่นไหลและมีความสุข รู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปนานกว่า 10 ชั่วโมงแล้วอีกหนึ่งเคล็ดลับการสะสมความสุขเล็กๆที่ทำง่ายๆแต่ได้ผลดีงาม คือ “การเขียนบันทึกพลังบวก 3 บรรทัด เพื่อสะสมวินาทีแห่งความเพลิดเพลินของ ตัวเอง” เวลาหยิบปากกาขึ้นมาเขียนบันทึกจะช่วยให้รู้ว่าอะไรที่เราทำแล้วรู้สึกสนุกสนานเพลิดเพลิน เพื่อที่ว่าจะได้ทำสิ่งนั้นซ้ำอีกเรื่อยๆ เช่น บางคนชอบทำอาหารและสนุกกับการค้นหาสูตรใหม่ๆ ก็น่าจะลองหาเวลาว่างเข้าครัวทุกวัน แล้วจดบันทึกความอร่อยของฝีมือตัวเอง บอกได้เลยว่าคุณจะรู้สึกเพลิดเพลินและมีความสุขได้ทุกวัน“หาเวลาเที่ยวเล่นบ้าง แต่เวลาเที่ยวเล่นจะไม่เกิดขึ้นเอง เราต้องพลิกแพลงมันขึ้นมา” เช่น ถ้าอยากมีเวลา 2 ชั่วโมงสำหรับการเดินเล่นในสวนสาธารณะทุกวัน โจทย์สำคัญคือในหนึ่งวันจะต้องจัดสรรเวลาทำงานอย่างไรให้มีประสิทธิภาพที่สุด ถ้าตั้งใจจัดการบริหารเวลา โดยลดเวลาไร้สาระลง เราก็จะเริ่มมีเวลาทำเรื่องเพลิดเพลินสำหรับตัวเอง เพื่อเพิ่มดีกรีความสุข“ให้การเที่ยวเล่นเป็นรางวัลตัวเอง” อย่าสปอยตัวเองด้วยการใช้ชีวิตแบบเน้นแต่ความสนุกไปตามอารมณ์ความรู้สึกโดยไม่คิดอะไร และลองเปลี่ยนการเที่ยวเล่นให้เป็นรางวัลชีวิต เมื่อประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ลองนึกถึงการวิ่งมาราธอน ระหว่างทางจำเป็นต้องมีการเติมน้ำ การมุมานะทำงานอย่างต่อเนื่องได้ ก็จำเป็นต้องมีการเติมน้ำ หรือให้รางวัลตัวเองระหว่างทาง จึงจะสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข“เลิกรอความเพลิดเพลินมาหา แต่ให้สร้างความเพลิดเพลินขึ้นเอง” เรื่องนี้ “ศาสตราจารย์มิฮาลี ชิคเซนมิฮาย” บิดาแห่งสาขาวิชาจิตวิทยา ให้นิยามไว้ โดยแบ่งความเพลิดเพลินเป็น 2 ประเภท คือความเพลิดเพลินแบบรอมันมาหา และความเพลิดเพลินแบบสร้างขึ้นเอง ถ้าทำแค่ความเพลิดเพลินแบบรอมันมาหา จำพวกเล่นเกม, ดูซีรีส์ และจ้องสมาร์ทโฟนแบบไร้จุดหมายไปวันๆจะยิ่งถอยห่างจากความสุข ขณะที่การอ่านหนังสือ, เล่นกีฬา และทำงานอดิเรก เป็นความเพลิดเพลินแบบสร้างขึ้นเอง ซึ่งต้องใช้สมาธิ รวมทั้งมีการตั้ง เป้าหมายและเพิ่มทักษะให้สูงขึ้น คนที่ใช้เวลานานๆกับความเพลิดเพลินแบบสร้างขึ้นเองจะเข้าสู่ภาวะลื่นไหลได้ง่าย และประสบการณ์ลื่นไหลที่ช่วยสร้างทักษะนี่เองจะทำให้เราพัฒนาตัวเองได้เร็ว“สร้างความสุขจากการกิน” เพียงแค่กินอาหารอร่อย สารเคมีแห่งแรงบันดาลใจ (โดพามีน) ก็จะหลั่งออกมา แม้จะเป็นเพียงอาหารมื้อเดียว แต่หากเรากินด้วยความใส่ใจ และได้กินกับคนที่เรารัก ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มระดับความสุขในชีวิตอย่าใช้ชีวิตแบบกินอะไรก็ได้แค่ให้อิ่มท้อง แต่ขอให้เลือกการกินที่ดีที่สุดในทุกมื้อ วันหนึ่งเรากินอาหาร 3 มื้อ ถ้าสามารถเพิ่มระดับความพึงพอใจและความสุขของแต่ละมื้อได้ แน่นอนว่าระดับความสุขในท้ายสุดของวันจะสูงขึ้น และเมื่อคุณมีความสุข โลกก็จะยิ้มให้กับคุณ.มิสแซฟไฟร์คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม