การเจรจาข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาระหว่างอิสราเอลกับกองกำลังติดอาวุธ ปาเลสไตน์กลุ่มฮามาสในระยะที่ 2 ได้เริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์นี้ ที่กรุงโดฮาของกาตาร์ มีตัวกลางในการเจรจา คือ กาตาร์ อียิปต์ และสหรัฐฯ หลังข้อตกลงในระยะแรกสิ้นสุดเมื่อ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา การเจรจาครั้งนี้ยังมีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับพันธมิตรอันเหนียวแน่นอย่าง “สหรัฐอเมริกา” หลังจากที่ อดัม โบเลอร์ ผู้แทนเจรจาช่วยเหลือตัวประกันของสหรัฐฯ หารือแบบลับๆกับคาลิล อัล-เฮย์ยา ผู้แทนเจรจาข้อตกลงของฮามาส ที่กรุงโดฮา ถึงประเด็นการช่วยเหลือตัวประกันชาวอเมริกันทั้งที่ยังมีชีวิตและเสียชีวิตแล้ว รวมถึงตัวประกันที่เหลือ และการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาสเป็นระยะ 5-10 ปีโดยเรื่องนี้ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ต่อสหรัฐฯ กับท่าทีที่เปลี่ยนไป ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่แหวกนโยบายไม่คุยกับฮามาส ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มก่อการร้ายมานับแต่ปี 2540 หันกลับมาเจรจาโดยตรงไม่ผ่านชาติตัวกลาง ซึ่งบางส่วนเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่สหรัฐฯ เลือกคุยกับฮามาส เนื่องจากเป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดก่อนของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ปฏิเสธที่จะทำขณะที่รัฐบาลอิสราเอลไม่พึงพอใจที่สหรัฐฯ คุยกับฮามาสแบบลับหลัง แต่ทราบว่าเรื่องนี้ไม่ได้สะท้อนจุดยืนของรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งยังได้รับการรับประกันจากสหรัฐฯว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก และผู้นำของสหรัฐฯ ในการเจรจาข้อตกลงยังคงเป็นสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนของสหรัฐฯ ประจำภูมิภาคตะวันออกกลาง ด้านโบเลอร์ยังเผยว่า จริงๆไม่ได้สนใจเสียงวิจารณ์มากนัก เข้าใจในความกังวลของอิสราเอล แต่ขอย้ำว่า สหรัฐฯไม่ใช่ตัวแทนของอิสราเอลส่งผลให้มาร์โค รูบิโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาแก้ต่าง ช่วยลดความตึงเครียดได้บ้างว่า การพูดคุยกับฮามาสโดยตรงแบบไม่ผ่านตัวแทนเป็นการคุยกันที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว พร้อมย้ำว่า การหารือข้อตกลงหยุดยิงเพื่อช่วยเหลือตัวประกันของฟากฝั่งสหรัฐฯ จะมีผู้นำในการเจรจาคือ สตีฟ วิตคอฟฟ์ แต่การลองพูดคุยกับฮามาสของโบเลอร์ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ส่วนแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวระบุกับสำนักข่าวแอ็กซิออสว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เห็นด้วยและสนับสนุนการเจรจาของโบเลอร์กับฮามาสอย่างเต็มที่.ญาทิตา เอราวรรณคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม