ไม่ได้กล่าวหาแต่ความจริงที่เกิดขึ้นมันเป็นอย่างนั้น หลังรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ ปรากฏว่าบ้านเมืองดูมันจะวุ่นวายหลายเหตุต่อเนื่องกันจนกระทบต่อความมั่นคงค่อนข้างมากแม้แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็เกิดปัญหาเพราะมีชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ปรากฏในญัตติ จนทำท่าว่าจะเปิดซักฟอกไม่ได้เมื่อคนมีหน้าที่บรรจุญัตติตามหน้าที่ไม่ยอม ขอให้ผู้นำฝ่ายค้านถอนชื่อออกมิฉะนั้นจะไม่ให้เปิดซักฟอกอ้างว่าจะทำให้เกิดปัญหานี่แค่หนังตัวอย่าง...นอกจากนี้ยังเกิดปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านทั้งด้านตะวันตกและตะวันออกอย่างกัมพูชาที่แนบแน่นกับหัวหน้ารัฐบาลชุดนี้เพราะเป็นลูกสาวของ “ทักษิณ” ที่พ่อนายกรัฐมนตรีกัมพูชาให้ความเคารพนับถือแต่ก็ยังเกิดเรื่องระหว่างคนไทยและคนกัมพูชามันก็แปลกดีนะ!ที่เป็นเรื่องใหญ่คือ 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งก่อนที่ “แพทองธาร ชินวัตร” จะเข้ามาบริหารประเทศเหตุการณ์ไม่สงบก็เบาบางลงแทบจะไม่มีเหตุรุนแรงเลยก็ว่าได้แต่วันนี้เป็นอย่างไรมีการลอบวางระเบิดแทบทุกวันไม่ต่างกับสมัยที่ “ทักษิณ” เคยเป็นนายกรัฐมนตรี และบานปลายกลายเป็นเรื่อง “โจรกระจอก” นำไปสู่เหตุการณ์ตากใบสถานการณ์ตอนนี้กำลังจะวนกลับไปสู่ตอนนั้นอีกครั้งเมื่อ “ทักษิณ” ที่เล่นบทนายกรัฐมนตรีซ้อนกับลูกสาว ได้รับการแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซียให้เป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียนเป้าหมายก็คงต้องการให้มาช่วยกันแก้ปัญหาในเมียนมาแต่ “ทักษิณ” ก็ถือโอกาสนี้จะให้ผู้นำมาเลเซียช่วยเหลือเพื่อแก้ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ เพราะเขตพื้นที่ติดต่อกันและเป็นหลังพิงให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุแล้วหลบหนีข้ามไปฝั่งมาเลเซียอีกทั้งยังหวังจะไถ่บาปที่สร้างความแค้นเคืองใจมาก่อนจึงได้เดินทางไป 3 จังหวัดภาคใต้เป็นครั้งแรกหลังจากเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น โดยได้กล่าว “ขออภัย” ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อหวังปูทางเข้าแก้ปัญหาแต่ผลที่เกิดขึ้นคือเหตุการณ์ความรุนแรงได้เกิดขึ้นตามมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้มีการวิเคราะห์กันว่ามาจาก 3 เหตุ1.กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบไม่เชื่อว่า “ทักษิณ” จริงใจ แม้จะกล่าวคำ “ขออภัย” ก็ตาม2.กลุ่มก่อความไม่สงบต้องการประกาศศักดาว่าพวกเขายังมีพลังที่จะตอบโต้กับรัฐบาลไทย ไม่ใช่หมดน้ำยาแล้ว3.การที่ “ทักษิณ” ไปแนบแน่นกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียซึ่งเป็นคนละพวกกับพวกเขา ซึ่งมีอิทธิพลทางตอนใต้ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย จึงต้องเปิดปฏิบัติการอีกครั้งหนึ่งเอาเป็นว่าโดยสรุปก็คือเป็นการโชว์และหักหน้า “ทักษิณ” ว่าอย่าคิดที่จะโดดลงมาแก้ไขปัญหานี้อีก ซึ่งจะต้องถูกต่อต้านและสร้างความรุนแรงให้ปรากฏอีกครั้งพูดง่ายๆคือมองไม่เห็นหนทางทางสำเร็จ!“ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ก็คงเครียดหนักมากกว่าเก่าจากปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นมาเจอเรื่องนี้เข้าไปอีกเพราะนึกว่าจะดี ที่ไหนได้แทบจะหมด ประตูสู้เมื่อนักข่าวถามถึงเรื่องนี้ก็บอกว่ารัฐบาลกำลังพยายาม โดยเฉพาะประเด็นที่รัฐบาลชุดที่แล้วได้มีการเจรจาสันติสุขกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทำให้สถานการณ์ดีขึ้นทำไมรัฐบาลชุดนี้ไม่ดำเนินการต่อคำตอบก็คือไม่รู้ว่าจะเจรจาถูกกลุ่มหรือไม่?ลงท้ายก็คือยังไม่มีหนทางที่จะแก้ปัญหาได้ ยิ่ง “ทักษิณ” มาเองก็ยิ่งรุนแรงขึ้น!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม