มติล่าสุดของคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ผ่อนปรนมาตรการห้ามขายเหล้าวันสำคัญทางศาสนาที่สำคัญ 5 วัน ได้แก่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษาและวันออกพรรษา โดยมีข้อยกเว้นให้จำหน่ายได้ในพื้นที่ได้รับอนุญาต เพื่อให้สอดคล้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ปี 2568แต่ยังคงช่วงเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามเดิม โดยให้ขายได้เฉพาะเวลา 11.00–14.00 น. และเวลา 17.00–24.00 น. ทั้งนี้พื้นที่ผ่อนปรนให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ประกอบด้วย 1.ภายในอาคารผู้โดยสารสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ 2.การขายในสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ3.การขายในสถานบริการ ประกอบการในลักษณะคล้ายสถานบริการในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ภายใต้เงื่อนไขที่ รมว.สาธารณสุขประกาศ 4.การขายในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม 5.การขายในสถานที่ใช้จัดกิจกรรมพิเศษระดับชาติหรือนานาชาติและคนจำนวนมากไปทำกิจกรรมร่วมกัน ตามสถานที่ที่ รมว.สาธารณสุขกำหนดหลังจากนี้คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเอามติไปสอบถามความเห็นประชาชนผ่านเว็บไซต์ ใช้เวลา 15 วัน สรุปส่งให้ รมว.สาธารณสุข ก่อนส่งต่อมายังนายกรัฐมนตรีเพื่อลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะประกาศออกมาได้ทันก่อนวันที่ 11 พ.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชามาตรการผ่อนปรนให้ขายเหล้าได้ในวันสำคัญทางศาสนา ในบางสถานที่ได้รับการยกเว้น ดูเหมือนเป็นเหรียญ 2 ด้าน ฝ่ายผู้ประกอบการแสดงท่าทีสนับสนุน มองว่าเป็นการช่วยกระตุ้นให้ภาคธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มมียอดขายดีขึ้น ส่งเสริมการท่องเที่ยวเพราะปัจจุบันหลายประเทศก็ไม่มีข้อกำหนดห้ามเหมือนประเทศไทยขณะที่กลุ่มองค์กรศาสนาและเครือข่ายต่อต้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คัดค้านว่าเป็นการทำลายภาพลักษณ์ความเป็นเมืองพุทธศาสนาของประเทศไทย ขัดต่อหลักคำสอนศาสนา ผิดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่เคยปฏิบัติมา และส่งผลกระทบให้เกิดผลเสียทางสังคมตามมา เช่น การเพิ่มขึ้นของอุบัติเหตุจากการดื่มสุรามีทั้งเสียงสนับสนุนและต่อต้านการผ่อนปรนจำหน่ายสุราในวันสำคัญทางศาสนาได้ จำเป็นที่ภาครัฐต้องชั่งน้ำหนัก พิจารณาข้อดีข้อเสียอย่างละเอียดรอบคอบ แม้จะส่งผลดีช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็มองข้ามเรื่องศีลธรรมไม่ได้ ต้องจัดสมดุลเรื่องการท่องเที่ยวกับศาสนาและวัฒนธรรมให้ลงตัว ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสังคมตามมา.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม