ที่มาของ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร แกนนำ พรรคเพื่อไทย ต้องยอมรับว่าเป็นรัฐบาลผสมที่อยู่บนความเสี่ยงเต็มร้อย จากจำนวน สส.พรรคเพื่อไทย 141 เสียง กับจำนวนพรรคร่วมรัฐบาลอีก 180 เสียง พรรคแกนนำย่อมเสียเปรียบวันยังค่ำ พรรคที่มีเสียงเป็นอันดับสองในพรรคร่วมรัฐบาล ภูมิใจไทย มี 70 เสียง เท่ากับเกินครึ่งของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดและเป็นครึ่งหนึ่งของพรรคเพื่อไทย ทำให้มีอำนาจต่อรองสูง จากจุดอ่อนของพรรคแกนนำรัฐบาล ที่ไม่สามารถไปดึงเอาฝ่ายค้านคือ พรรคประชาชน มาร่วมรัฐบาลได้ กลายเป็นเงื่อนไขบีบให้พรรคเพื่อไทยไม่มีทางเลือกอะไรมากนัก บางครั้งก็ต้องหวานอมขมกลืนและนับว่าเป็นความเสียหายทางการเมืองอย่างมากสำหรับพรรคเพื่อไทย เพราะถ้า 70 เสียง สส. ไปรวมกับอีก 159 สว. สามารถกุมอำนาจนิติบัญญัติไว้ในมือ กฎหมายนโยบาย ที่ภูมิใจไทยไม่เห็นด้วย ยากที่จะผ่านออกมาบังคับใช้ ถึงเพื่อไทยจะเป็นแกนนำ ก็ไม่ต่างจากนักโทษที่ติดกำไลอีเอ็ม ถูกตรวจสอบควบคุมได้ตลอดเวลาในขณะที่ภูมิใจไทยก็ถูกตอบโต้จากเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านกฎหมายหรือการปฏิบัติตามนโยบายของภูมิใจไทย ส่วนตัวจะเข้ากันได้ดี แต่ส่วนรวมเรื่องของพรรคและอนาคตของ สส.พรรคก็เป็นอีกเรื่อง ฮั้วกันไม่ได้ผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมาคือ เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ลำบาก ขึ้นหลังเสือก็ต้องอยู่บนหลังเสือต่อไป ปรากฏการณ์ การประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ และ งานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล ในวันเดียวกันเป็นกรณีศึกษา คณะกรรมการคดีพิเศษไม่ได้อยู่ในกำมือของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม อย่างที่ทึกทักกันเพราะมีทั้งปลัดยุติธรรม ปลัดมหาดไทย ปลัดคลัง ปลัดพาณิชย์ เลขาฯกฤษฎีกา ผู้ว่าการแบงก์ชาติ อัยการสูงสุด และมีนายกฯ เป็นประธานโดยตำแหน่ง มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากคนนอกที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านการเงินการคลัง หลากหลาย จะไปชี้ซ้ายหันขวาหันทั้งหมดไม่ได้สุดท้ายถ้ากลายเป็นข้อขัดแย้งระหว่างหน่วยงานรัฐ องค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรม ระบบการตรวจสอบในกระบวนการยุติธรรมของประเทศจะสั่นคลอนแค่ไหน แม้ในความรู้สึกว่า ที่มาของ สว.ก็มีอะไรที่คาใจ แต่เมื่อระบบระเบียบการเลือก สว.ไปเปิดช่องเอาไว้ และมีการรับรองจากหน่วยงานที่รับผิดชอบในการเลือกตั้งคือ กกต.แล้ว จะยกเลิกถอดถอนก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และถ้าจะผิด กกต.ก็ต้องรับผิดด้วยในเมื่อผิดกันมาตั้งแต่ต้นน้ำเป็นการพิสูจน์แล้วว่า การติดกระดุมผิดเม็ด มาตั้งแต่ต้น ทำให้เครื่องรวนไปทั้งระบบ ถ้าฝืนเดินหน้าต่อไป ไม่วันใดวันหนึ่ง เครื่องก็พังลงมา ถ้าหยุดกลางคัน ก็ต้องมาเสียเวลาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ ผลประโยชน์ขัดกันก็บรรลัยเสถียรภาพของรัฐบาลอยู่บนเส้นยาแดงผ่าแปด.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม