ก็ต้อนรับกันอย่างสมน้ำสมเนื้อหน่อยหลังจากที่สร้างแผลใจเอาไว้เมื่อ 20 กว่าปีก่อน เมื่อกลับมาเยือน 3 จังหวัดภาคใต้ก็ต้องแบบนี้แหละ...ให้เสียวๆ เล่นแต่ยังไม่ถึงขั้นเอาชีวิต“ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน พร้อมคณะเช่น “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง “ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรียุติธรรม เจ้าของพื้นที่ เป็นต้นก่อนที่เครื่องบินจะลงจอดที่สนามบินนราธิวาสก็เกิดเหตุระเบิดโดยกลุ่มก่อความไม่สงบได้ลอบวางเอาไว้ในรถบริเวณสนามบิน“ทักษิณ” มาครั้งนี้ก็เพื่อต้องการไถ่บาปที่เคยกระทำเอาไว้และหวังผลทางการเมืองในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ แม้จะไม่ส่งผู้สมัครจากเพื่อไทยแต่ก็จะให้พรรคประชาชาติส่งผู้สมัครซึ่งเป็นพรรค “นอมินี” ทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เนื่องจากพรรคนี้มี สส. อยู่แล้ว 20 คนหากทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นก็มีสิทธิจะได้ สส.เพิ่มมากขึ้นพูดง่ายๆ คือต้องการกวาดให้ได้หมดก็จะทำให้พรรคประชาชนมี สส.เพิ่มขึ้น อาจจะถึง 20 คน!ด้วยแนวทางการเมืองในสมการใหม่นี้พรรคเพื่อไทยได้วางยุทธศาสตร์เอาไว้ว่าจะได้ สส. 200 คนขึ้นไป เพราะมากกว่านี้ก็คงลำบาก เนื่องจากพรรคการเมืองอื่นๆก็ยึดครองไปได้มากพอสมควรโดยเฉพาะในภาคอีสานหากได้ 200 เสียง บวกกับพรรคประชาชาติ 20 เสียง และพรรคกล้าธรรมอีก 30 กว่าเสียง ก็จะมี สส.เกินกึ่งหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลได้สบายๆโดยไม่ต้องอาศัยพรรคการเมืองอื่นให้มากความ“ทักษิณ” ได้วางหมากนี้เอาไว้อย่างแยบยล โดย “เพื่อไทย” จะเป็นพรรคแม่ที่มีพรรคบริวารอย่าง “ประชาชาติ” และ “กล้าธรรม” ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นตัวขับเคลื่อนทั้ง 2 พรรคบริวารจึงเปิดปฏิบัติการลุยพรรค “ภูมิใจไทย” คู่แข่งสำคัญในรัฐบาลเดียวกัน โดยล่าสุดได้เปิดฉากลุยให้ปรากฏแล้ว“กล้าธรรม” ลุยเรื่องที่ดินที่ปากช่องของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เต็มสูบ“ประชาชน” ที่มี “ทวี สอดส่อง” เป็นรัฐมนตรียุติธรรม ซึ่งรับผิดชอบดีเอสไอ ก็ลุย สว.สายสีน้ำเงิน ด้วยข้อหาฮั้วเลือกตั้งด้วยประเด็นความผิด “อั้งยี่-ฟอกเงิน”ต่างฝ่ายต่างเปิดหน้าชนไม่อ้อมค้อมแม้จะอยู่ร่วมรัฐบาล เดียวกันก็ตาม“ภูมิใจไทย” นั้นคือคู่แข่งทางการเมืองใน 3 จังหวัดภาคใต้ที่แข่งกับ “ประชาชาติ” มี สส.ไม่ต่างกันมากนัก“ประชาชาติ” เปิดฉากถล่ม สว. หวังได้ใจ “ทักษิณ” และ “เพื่อไทย” โดยใช้ดีเอสไอเปิดเกมเพื่อเอาผิดทำให้ สว.เกิดปัญหาด้วยข้อต่อรองถ้าเปลี่ยนมาอยู่พวกเดียวกันก็รอด แต่ถ้าไม่เปลี่ยนก็ต้องพ้นจากตำแหน่งทางด้าน สว.ก็ประกาศสู้ด้วยการบอกว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจที่จะสอบสวนเอาผิดได้ เนื่องจากไม่ใช่คดีอาชญากรรมแต่เป็นคดีการเมืองเรื่องรัฐธรรมนูญที่มี กกต.รับผิดชอบ พร้อมกับประกาศยื่นถอดถอน “ทวี สอดส่อง” ซึ่งรับผิดชอบดีเอสไอแต่ดีเอสไอก็ปล่อยหลักฐานพฤติกรรมการฮั้วเลือกตั้งซึ่งเป็นหลักฐานที่จะเอาผิดได้และส่งเรื่องให้ กกต.พิจารณาแล้ว โดยวันที่ 25 ก.พ.68 จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษหรือไม่หากรับไว้จะดำเนินการต่อไปให้ทะลุซอย!และจะดูว่า กกต.จะชี้ออกมาอย่างไรว่าดีเอสไอสามารถดำเนินคดีได้หรือไม่นี่ก็เป็นเกมการเมืองภายใต้สมการใหม่เพื่อช่วงชิงอำนาจการเมืองก่อนที่จะเดินไปสู่จุดแตกหักอีกไม่นานนี้โดย “ภูมิใจไทย” ก็ต้องเร่งกระชับพลังจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างรวมไทยสร้างชาติเพื่อสร้างอำนาจต่อรองไม่ต่างกัน!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม