“ปวีณา” เร่งช่วยตามหา “น้องมายด์” สาวไทยวัย 29 ปีหายตัวปริศนาในประเทศโอมานนานกว่า 3 เดือน หลังสามีชาวบังกลาเทศเอเย่นต์ค้ายาเสพติดถูกตำรวจจับกุมยังปิดปากเงียบ อ้างไม่รู้เห็นการหายตัวไปของภรรยา ขณะที่เพื่อนคนไทยในโอมานให้ข้อมูลน้องมายด์ถูกผัวบังคับเสพยาลงมือซ้อมน่วมบาดเจ็บสะบักสะบอม ก่อนจะหายตัวไปไม่รู้ชะตากรรม ไม่มีใครติดต่อได้ เตรียมพาพ่อแม่เข้าพบตำรวจสากลไทยประสานข้อมูลตำรวจสากลโอมานช่วยหาเบาะแส เชื่อจะมีข่าวคืบหน้าในเร็ววันนี้ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 ก.พ. พ่อแม่ของ น.ส.อธิติญา หรือน้องมายด์ วิลาจันทร์ อายุ 29 ปี เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯว่า ลูกสาวมีสามีเป็นชาวบังกลาเทศไปอยู่กินกันที่ประเทศโอมาน หายตัวไปนานกว่า 3 เดือนติดต่อไม่ได้ ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร เพื่อนบอกว่าก่อนหน้านี้ลูกสาวถูกสามีบังคับให้เสพยาเสพติด ถูกทำร้ายสาหัสพิการมือหงิกงอ เดินกะเผลก หน้าตาบวมช้ำ พูดจาแทบฟังไม่รู้เรื่อง ขณะที่สามีชาวบังกลาเทศเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดถูกตำรวจโอมานจับกุมเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ยังปิดปากเงียบ ขอให้มูลนิธิปวีณาฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยติดตามหาลูกสาว ไม่ว่าจะเจอในสภาพใด ขอช่วยส่งกลับมาบ้านเกิดนางปวีณาเผยว่า วันที่ 24 ก.พ. จะพาพ่อแม่น้องมายด์ไปพบ พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผบก.กองการต่างประเทศ และทีมงานตำรวจสากลไทย เพื่อให้ข้อมูลและขอให้ประสานตำรวจสากลโอมาน ช่วยติดตามตัวน้องมายด์โดยเร็ว พร้อมทั้งประสานกับนายอำนาจ พละพลีวัลย์ ผอ.กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุลแล้ว ทราบว่ากำลังติดตามตัวน้องมายด์อยู่ ได้มอบหมายให้นายเอกภาพ หงสกุล ผอ.มูลนิธิปวีณาฯ พาพ่อแม่น้องมายด์เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย เชื่อว่าจะได้รับทราบข่าวความคืบหน้าในเร็ววันนี้จากการสอบถามพ่อแม่น้องมายด์ที่เดินทางมาจาก จ.ลำปาง พร้อมเพื่อนอีก 2 คน และเพื่อนที่ เพิ่งเดินทางกลับจากประเทศโอมานอีก 1 คน ทราบว่า น้องมายด์อยู่กินกับสามีชาวบังกลาเทศในประเทศ โอมานมาหลายปี จู่ๆหายตัวไปติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เดือน พ.ย.67 ถึงวันนี้นานกว่า 3 เดือนแล้ว มีคลิปที่เพื่อนส่งมาให้ดูว่าน้องมายด์ถูกสามีทำร้ายร่างกายสาหัส หน้าตาบวมปูด ผมหลุดร่วง มือหงิกงอ นิ้วผิดรูป มีรอยช้ำทั่วตัวทั้งแผลใหม่และแผลเก่า เชื่อว่าถูกสามีบังคับให้เสพยาและถูกซ้อมทำร้ายอย่างรุนแรงเพื่อนน้องมายด์เผยว่า มายด์ไปทำงานร้านอาหารที่โอมานตั้งแต่ปี 63 ได้รู้จักกับหนุ่มบังกลาเทศอยู่กินกันเป็นสามีภรรยา เคยกลับไทยช่วงเดือน ก.พ.67 แต่ไม่ได้กลับไปเจอพ่อแม่ที่ลำปางและไม่ได้มาเจอเพื่อนๆด้วย จะติดต่อกันทางเมสเซนเจอร์และเห็นในโพสต์เฟซบุ๊กเวลาที่ไปเที่ยวไหนทำอะไรเท่านั้น แต่ไม่เคยโพสต์ให้เห็นหน้าตาของสามีเลย จะเห็นแต่รูปจับมือกันหรือมีสติกเกอร์แปะหน้าสามี กระทั่งเดือน ต.ค.67 มายด์โพสต์สตอรีในเฟซบุ๊กกำลังนอนอยู่โรงพยาบาล สอบถามทราบว่าถูกสามีทำร้ายและได้พูดว่า สามีเป็นเอเย่นต์ค้ายา เคยฆ่าคนมาแล้ว 3 ศพ ถ้าวันหนึ่งตัวเองหายไปก็อาจจะเป็นศพที่ 4 ก็ได้ พยายามเตือนเพื่อนให้กลับบ้านดีกว่าแต่มายด์ก็ไม่เชื่อส่วนเพื่อนที่เพิ่งเดินทางกลับจากโอมานเล่าว่า รู้จักกับมายด์มานานแล้วเพราะตนก็มีสามีอยู่ที่นั่น ช่วงเดือน พ.ย.67 เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันตอนนำของไปส่งให้ที่ห้องพักพบมายด์อยู่กับสามีในห้องกำลังเสพยากันอยู่ มายด์มีสภาพหน้าตาบวมปูด ผมหลุดร่วง มีรอยช้ำทั่วตัวเชื่อว่าถูกสามีบังคับให้เสพยาและทำร้าย ตนทนไม่ได้จึงถามสามีมายด์ว่าทำแบบนี้ทำไม เขาก็ด่าทอสารพัดหาว่ามายด์ขโมยเงิน ทำตัวไม่ดี ตนขอร้องให้สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายมายด์อีกซึ่งเขาก็ตกลงและห้ามตนไปบอกใคร สามีตนเตือนไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวเพราะสามีมายด์เป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติด จากนั้นก็ไม่ได้พบกันอีกเลย กระทั่งทราบข่าวว่าสามีมายด์ถูกจับกุมคดีค้ายาเสพติดช่วงเดือน ก.พ.68 คนไทยหลายคนที่รู้จักก็สงสัยว่ามายด์หายไปไหน เพราะไม่มีใครได้เจอและติดต่อไม่ได้มานานกว่า 3 เดือนแล้ว ไปแจ้งความตำรวจโอมานได้สอบปากคำสามีมายด์แต่เขาบอกว่าไม่รู้เรื่อง จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อมายด์ได้ด้านพ่อน้องมายด์กล่าวว่า มีลูกสาวคนเดียวเป็นเสาหลักของครอบครัว แม่ก็พิการตาบอด ส่วนลูกชายของน้องมายด์เป็นเด็กพิเศษอายุ 10 ขวบ น้องมายด์ไปโอมานตั้งแต่ปี 63 จะส่งเงินมาให้พ่อแม่และลูกชายทุก 2 เดือน ครั้งละ 10,000 บาท พ่อทำงานรับจ้างทั่วไปวันละ 300 บาท ได้เบี้ยผู้สูงอายุและเบี้ยคนพิการของแม่พอได้กินใช้ไปวันๆ ตลอด 5 ปีลูกสาวไม่ได้กลับมาบ้านเลย จะมีก็แต่วิดีโอคอลคุยกันเป็นบางครั้ง คุยกันครั้งสุดท้ายเดือน พ.ค.67 จากนั้นติดต่อไม่ได้ ขอให้มูลนิธิปวีณาฯช่วยประสานตามหาลูกสาวให้ด้วยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่