ตำรวจคลองหลวงคุมตัว 8 ผู้ต้องหาแก๊ง LGBTQ ฝากขังศาล ญาติยื่นขอประกันตัว ศาลไม่อนุญาตส่งตัวนอนเรือนจำ แฉ “พรีม” หัวโจกกับ 6 ผู้ต้องหาที่ถูกจับชุดหลังเจอข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว และร่วมกันข่มขืนใจฯเพิ่ม มั่นใจหลักฐานแน่นเอาผิดได้ทุกคน แม้ให้การปฏิเสธ ชี้หากมีผู้เสียหายรายอื่นตกเป็นเหยื่อเพิ่มเข้าแจ้งความโรงพักได้ทันที เตือนเยาวชนอย่าเอาเยี่ยงอย่าง ไม่เช่นนั้นมีสิทธิ์ติดคุก ด้าน ม.กรุงเทพไล่ออกนักศึกษาสาดน้ำซุปกล้อนผมอีกรายยังคงเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจกรณีมีคลิปนักศึกษาชายวัย 19 ปี เรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ถูกรุ่นพี่สถาบันเดียวกันแต่คนละเอกวิชา และเป็นสาวสองกลุ่ม LGBTQ สาดน้ำซุปร้อนๆราดใส่หน้าและศีรษะ 3 ครั้ง อีกทั้งจับกล้อนผมขู่เอาเงิน 5 หมื่นบาท จนถูกนำไปแชร์ว่อนในโลกโซเชียล หลังเกิดเหตุตำรวจจับกุมนายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ อายุ 22 ปี และนายชคัทพล หรือโอชิ วชิวรรณ อายุ 19 ปี ผู้ก่อเหตุ ก่อนขยายผลจับเพิ่มอีก 6 คน มีนายนพคุณ หรือจั๊ก พิมลพันธ์ อายุ 21 ปี นายดลลธี หรือพอล บุ้ธรอยต์ อายุ 21 ปี น.ส.วรัญญา หรือแบม พรมวารี อายุ 21 ปี น.ส.กันยาพัชร หรือพิมเจล ศรีจันทร์ อายุ 21 ปี น.ส.อุ้มบุญ หรืออุ้ม จำปาทอง อายุ 21 ปี และนายภาราดร หรือไอซ์ โอบอ้อม อายุ 22 ปี ขณะที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพไล่ออกพรีมพ้นสภาพนักศึกษาแล้วความคืบหน้าด้านคดี เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 ก.พ. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี สั่งการให้พนักงานสอบสวนคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คนไปยื่นฝากขังศาลจังหวัดธัญบุรี ประกอบด้วย นายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีเลขที่ 132/2568 ลงวันที่ 9 ก.พ.2568 นายชคัทพล หรือโอชิ วชิรวรรณ ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีเลขที่ 133/2568 ลงวันที่ 9 ก.พ.2568 นายดลลธี หรือพอล บุ้ธรอยต์ น.ส.วรัญญา หรือแบม พรมวารี น.ส.กันยาพัชร หรือพิมเจล ศรีจันทร์ น.ส.อุ้มบุญ หรืออุ้ม จำปาทอง นายนพคุณ หรือจั๊ก พิมลพันธ์ นายภาราดร หรือไอซ์ โอบอ้อม ตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี ลงวันที่ 10 ก.พ.2568 ข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ทั้งหมดถูกตำรวจนำตัวออกจากห้องขังเดินขึ้นรถนำตัวไปส่งศาล ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามผู้ต้องหาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีใครตอบเอาแต่ก้มหน้าด้าน พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง กล่าวว่า วันนี้ตำรวจทำคดีของกลุ่ม LGBTQ ที่ก่อเหตุ มีการสอบสวนทุกคนหมดแล้ว รวมทั้งนำตัวทั้งหมดส่งศาลพร้อมคัดค้านการประกันตัว สำหรับพรีมและผู้ต้องหาชุดหลัง 6 คนโดนแจ้งข้อหาเพิ่มฐานกักขังหน่วงเหนี่ยว ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย ผู้ต้องหา 6 คนหลังให้การปฏิเสธ หลังจากนี้หากมีผู้เสียหายจะเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมกับผู้ต้องหากลุ่มนี้ก็สามารถมาเเจ้งความได้เลย เพราะได้จัดเตรียมพนักงานสอบสวนไว้แล้ว ตำรวจทำงานเต็มที่สามารถเอาผิดทุกคนได้ ไม่ว่าเรื่องเกิดมานานแค่ไหนก็สามารถดำเนินคดีได้หมดผกก.สภ.คลองหลวงกล่าวอีกว่า กรณีมีข่าวเรื่องพรีมขายพอร์ตเค ซีเต้ และปาร์ตี้ที่เพื่อนร่วมหุ้นด้วยกัน จากการสอบสวนยอมรับว่าร่วมกันลงทุนขายบุหรี่ไฟฟ้าจริง แต่ไม่ได้ขายพอร์ตเค รวมถึงไม่ได้จ่ายส่วยให้กับตำรวจในการขายบุหรี่ไฟฟ้าแต่อย่างใด ส่วนกรณีมีคลิปเสียงบังคับให้ผู้เสียหายวัดดวงดื่มเครื่องดื่มผสมไซยาไนด์ พรีมให้การว่าไม่ได้ทำจริง เป็นการข่มขู่ผู้เสียหายให้กลัวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตำรวจอยากเตือนเยาวชนหรือบุคคลที่กำลังจะคิดทำเรื่องแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นแก๊งโอริโอ้หรือแก๊งนี้ ขอให้ดูเป็นตัวอย่างว่าถ้าทำผิดจะต้องได้รับโทษแบบไหน บางครั้งถึงขั้นต้องติดคุกก็เป็นได้ทั้งนี้ มีรายงานว่าภายหลังกลุ่มผู้ต้องหา 8 คน ที่ถูกตำรวจนำตัวไปยื่นขอฝากขังศาลจังหวัดธัญบุรี ปรากฏว่าญาติของผู้ต้องหาหอบหลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัว ตำรวจขอคัดค้าน ศาลพิจารณาไม่อนุญาตให้ประกันตัว จากนั้นคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งเรือนจำอำเภอธัญบุรีวันเดียวกัน มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 เรื่องผลการพิจารณาโทษทางวินัยนักศึกษากรณีทำร้ายร่างกายและตัดผมผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมระบุว่า ตามที่คณะกรรมการปกครองได้ประชุมพิจารณาบทลงโทษตามข้อบังคับมหาวิทยาลัย กรุงเทพว่าด้วยวินัยนักศึกษา ได้พิจารณาพยานหลักฐาน มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าผู้ก่อเหตุที่ทำร้ายร่างกายผู้อื่นในบริเวณลานจอดรถภายนอกมหาวิทยาลัย และกระทำการตัดผมผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม ตามที่ปรากฏในสื่อเข้าข่ายความผิดและเป็นการละเมิดต่อกฎหมายเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจ เสรีภาพ และเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับกฎระเบียบของมหาวิทยาลัยอาศัยอำนาจตามความในข้อบังคับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะกรรมการปกครอง พิจารณาโทษสูงสุดเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่น มีคำสั่งให้นักศึกษาผู้กระทำความผิดพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาและจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.2568 เป็นต้นไป สำหรับผู้กระทำผิดรายอื่นที่มีส่วนร่วม คณะกรรมการปกครองของมหาวิทยาลัยกำลังดำเนินการสอบสวนและพิจารณาโทษวินัยตามระเบียบและข้อบังคับฯ ทั้งนี้มหาวิทยาลัยจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่ละเมิดกฎระเบียบของมหาวิทยาลัยและไม่สนับสนุนการกระทำผิดกฎหมายทุกประการอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่