นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) เปิดเผยว่า คนเร่ร่อน ไร้ที่พึ่ง ขอทาน ยังเป็นปัญหาที่พบเห็นและได้รับการร้องเรียนผ่านศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) พม.จำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. ซึ่งนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว. การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาดังกล่าว ขณะเดียวกันได้มอบนโยบาย พส.ในการนำพื้นที่นิคมสร้างตนเอง ซึ่งบางพื้นที่ถูกปล่อยทิ้งร้างมาใช้ก่อประโยชน์ จึงเป็นที่มาที่พส.จัดทำโครงการ “บ้านน้อยในนิคม” หรือ Half Way House เป็นเหมือนบ้านกึ่งทางก่อนกลับครอบครัว โดยจัดสรรพื้นที่ในนิคมฯรองรับ คนเร่ร่อน ไร้ที่พึ่ง และขอทาน ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ เพื่อเข้ารับการดูแลพัฒนาคุณภาพชีวิต มีที่อยู่ที่ทำกินแต่ไม่ได้ให้กรรมสิทธิ์ พร้อมกับการดูแล ฝึกอบรมวิชาชีพ จัดหาแหล่งตลาดรองรับ เป็นการใช้อาชีวะบำบัดและเกษตรบำบัด ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่นิคมฯคอยดูแลประสานงาน หากคนใดได้รับการพัฒนาจนมีความพร้อมก็อาจจะกลับคืนสู่ครอบครัวภูมิลำเนาต่อไป ขณะนี้ พส.ได้จัดทำ (ร่าง) ระเบียบ พส.ว่าด้วยการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ใช้บริการกลุ่มเป้าหมายพิเศษ (บ้านน้อยในนิคม) พ.ศ.2568 รองรับการดำเนินการดังกล่าวแล้วนายกันตพงศ์กล่าวด้วยว่า ปี 2568 จะทยอยดำเนินการในนิคมฯ 23 แห่งจากที่มีอยู่ทั้งหมด 43 แห่งทั่วประเทศ กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะจากพื้นที่ต่างๆ ทั้ง กทม.รวมถึงสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจ เนื่องจากเราไม่มีกฎหมายรองรับที่ให้อำนาจควบคุม จับกุมและบังคับให้เข้ามาอยู่ได้ แต่เราพยายามเอื้อ อำนวยความสะดวกให้เขามาอยู่ด้วยความสมัครใจ ซึ่งนอกจากการมีชีวิตที่ดีขึ้นยังมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย ที่ผ่านมาได้ดำเนินการแล้วใน 13 นิคมฯต้นแบบ รวมกลุ่มเป้าหมาย 173 คน เช่น นิคมฯเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น 18 คน นิคมฯห้วยหลวง จ.อุดรธานี 20 คน นิคมฯรัตภูมิ จ.สงขลา 20 คน เป็นต้น.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่