ชุดสืบสวน ปคบ.จับมือ อย.บุกทลายคลังซุกซ่อนยาอันตรายออกฤทธิ์ต่อจิตประสาททั้งยาแก้ไอสารพัดยี่ห้อกว่าหมื่นขวด ใช้ผสมน้ำกระท่อมทำ “ยาโปร” หรือ 4 คูณ 100 ยาทรามาดอล หรือยาเขียวเหลือง ยาอัลปราโซแลม หรือยาเสียสาว ยาโคลนาซิแพม หรือยากันชัก รวมกว่า 4 หมื่นเม็ดมูลค่าเกือบล้านบาท ตะลึงตรวจพบของกลางบางส่วนเป็นยาปลอม อ้างซื้อมาจากในเน็ตประกาศขายในโลกออนไลน์ มีลูกค้าสั่งซื้อจากทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ฟันรายได้เดือนละกว่าครึ่งแสนตำรวจจับมือ อย.บุกจับพ่อค้ายาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทปลอมรายใหญ่ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 11.00น.วันที่ 8 ก.พ. พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รรท.ผบก.ปคบ. สั่งการให้ พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ. และ พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ.พร้อมกำลัง ร่วมกับ นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นำหมายเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 156/259 ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี พบนายวัชรพันธ์ เทียมสอาด อายุ 26 ปี นำเข้าตรวจค้นภายในบ้าน เนื่องจากสืบสวนพบว่าเป็นพ่อค้ายาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาททางอินเตอร์เน็ตรายใหญ่จากการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว พบของกลางยาทรามาดอล หรือยาเขียวเหลือง (ยาแก้ปวดชนิดแรงต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์) ทั้งแบบปลอมและไม่มีทะเบียนจำนวน 18,000 เม็ด ยาอัลปราโซแลม (Alprazolam) หรือยาเสียสาว จำนวน 1,378 เม็ด ยาโคลนาซิแพม (Clonazepam) หรือยากันชัก จำนวน 14,030 เม็ด ยาแก้ไอยี่ห้อต่างๆจำนวน 10,500 ขวด และอุปกรณ์บรรจุหีบห่อเพื่อแบ่งขายอื่นๆอีกหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 8 แสนบาทคดีนี้สืบเนื่องจากชุดสืบสวน กก.4.บก.ปคบ.ตรวจพบเว็บไซต์โฆษณาจำหน่ายยาแก้ไออันตราย ให้กลุ่มวัยรุ่นนำไปใช้ผสมน้ำกระท่อมเป็นยาโปร หรือ 4 คูณ 100 เพื่อดื่มจนเกิดความมึนเมาจัดเป็นยาเสพติดพื้นฐาน ลงพื้นที่สืบหาเบาะแส กระทั่งทราบสถานที่หรือแหล่งจัดเก็บในพื้นที่ จ.นนทบุรี รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายค้นเข้าดำเนินการ พบนายวัชรพันธ์แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน ตรวจสอบภายในบ้านพบยาแก้ไออันตรายที่เชื่อว่า น่าจะนำไปใช้เป็นส่วนผสมน้ำกระท่อม 4 คูณ 100 และยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทอีกจำนวนมาก ตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นของกลาง พร้อมคุมตัวนายวัชรพันธ์สอบปากคำนายวัชรพันธ์ให้การรับสารภาพ จบการศึกษาระดับชั้น ม.6 ไม่มีความรู้เกี่ยวกับยาหรือวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท แต่เห็นว่าปัจจุบันวัยรุ่นนิยมดื่มน้ำกระท่อมผสมกับยาแก้ไอเรียกกันว่า 4 คูณ 100 หรือยาทรามาดอลซึ่งเป็นยาแก้ปวดอย่างแรง ตัดสินใจสั่งซื้อยามาจากกลุ่ม X (ทวิตเตอร์) และกลุ่มในเฟซบุ๊ก โดยไม่รู้ว่ายาบางส่วนเป็นของปลอม นำมาโพสต์ขายต่อทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆเอากำไรอีกทอด ลูกค้าส่วนใหญ่กระจายอยู่หลายจังหวัดทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ขายยาดังกล่าวมาแล้วประมาณ 1 ปี มีรายได้ตกเดือนละ 50,000-60,000 บาทเบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาผลิตหรือจำหน่าย มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ ข้อหาขายยาแผนปัจจุบัน โดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาผลิตยาปลอมและข้อหาขายยาไม่มีทะเบียนตำรับยากับนายวัชรพันธ์ เทียมสอาด คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่