ใน “เกร็ดภาษา หนังสือไทย” ฉบับปรับปรุง (พิมพ์คำ พิมพ์ครั้งที่ 9 พ.ศ.2560) ส.พลายน้อย เขียนถึงคนเฒ่าคนแก่สมัยก่อน เมื่อตกใจก็จะอุทาน “คุณพระช่วย “ตาเถรช่วย” และคำพิสดาร “ตาเถรตกน้ำ”สมัยนั้นเมื่อจะพูดถึงนักบวช ก็จะลำดับตำแหน่งไว้ชัดเจน พระเถรเณรชีพระถือศีล 227 เณรถือศีล 10 ชีถือศีล 8 ใครก็พอรู้ แต่ “เถร” นั่นซี ถือศีลข้อไหนเท่าไหร่ชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร?ในรำพันพิลาป สุนทรภู่เคยได้ลายแทงจากตาเถรไปหายาอายุวัฒนะ...แสดงว่า “เถร” ของสุนทรภู่ มีฐานะลับๆ มีความรู้ลึกๆ น่านับถือไม่ใช่น้อย“เถร” เป็นคำอยู่กลาง ระหว่างพระกับเณร ยืนยันฐานะเถร เป็นเช่นที่สุนทรภู่เขียนถึงไว้ในรำพันพิลาปจริงสมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงเคยถาม สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ สมัยเป็นสมเด็จพระวันรัต ท่านตอบว่า เถรเป็นพวกครึ่งพระครึ่งเณรไม่มีที่อยู่เป็นหลักฐาน อาศัยอยู่ตามศาลามุขหน้าโบสถ์ หลังโบสถ์ พระระเบียง หรือพะเพิง ตามแต่จะหาได้ชีวิตในวัดอยู่แบบพึ่งพระสงฆ์ ขอผ้าขออาหารที่เหลือจากพระฉันไปบริโภค ทำการให้พระสงฆ์ตามใจสมัครศีลนั้นไม่ปรากฏชัดถืออย่างไร อาจเป็นศีลสิบ ศีลแปดศีลห้า หรือไม่ถือเลยสักข้อก็ได้การนุ่งห่มนั้นใช้ผ้าเหลืองของพระตามแต่จะหาได้ บางเถร นุ่งแต่ผ้าอาบที่พระเณรใช้อาบน้ำหรือสบงที่พระเณรนุ่ง หรือบางคน มีแค่ผ้าห่มพาดบ่า อย่างที่เรียกว่าพาดควาย...นุ่งห่มไตรจีวร แบบพระครบชุดก็มีแต่มีน้อยเรื่องความประพฤติเอาแน่ไม่ได้ เหมือนการนุ่งห่ม เถรไหนทำตัวดีมีความรู้ก็มีคนเคารพนับถือ เถรไหนเลวถึงสูบกัญชาก็ไม่มีคนนับถือคนรุ่นเก่าๆ จำได้ เห็นตาเถรสารพันแบบที่ว่า ที่วัดสระเกศ มากกว่าวัดอื่นแต่ความที่ตาเถรใช้ผ้าเหลือง ยายชีใช้ผ้าขาว ตาเถรเป็นชาย ยายชีเป็นหญิง อาศัยวัดเหมือนกัน จึงมีนิทานตาเถรกับยายชีเล่ากันเป็นที่สนุกสนานครื้นเครงและด้วยเหตุที่ตาเถรมีรูปเป็นภิกษุ แต่ไม่มีศีลเท่าพระและแก่เกินเณร เหตุที่ทางการวางลำดับไว้ระหว่างภิกษุกับเณรว่าพระภิกษุสงฆ์เถรเณร อาจเป็นเพราะบวชเป็นเณรแล้วอายุครบ ไม่ยอมบวชเป็นพระอายุถึงกำหนดสึกจากเณรแล้วไม่ยอมสึกบางเถรบวชเป็นพระแล้วประพฤติตัวเหลวไหล จึงเลื่อนลงเป็นเถร เรื่องนี้ไม่ใช่พูดกันเล่นๆ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย) เขียนไว้ในเสภาเรื่อง “เถรสัง” กล่าวถึงเถรสังบางกระจะ บวชเป็นพระแล้วเลื่อนลงเป็นเถรเพราะเถรมีฐานะลักลั่นอย่างนี้ ในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยตรัสเรียก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า “พี่ทิด” บ้าง “พี่เถร” บ้างรัชกาลที่ 4 ท่านคงทรงพระรำคาญ ทรงกำหนดให้เขียนคำเถรใหม่ เป็น “เถน”คำ “เถร” ในพุทธศาสนาเป็นคำเรียก พระภิกษุผู้มีอายุพรรษา 10 ขึ้นไป โดยศัพท์ “เถระ” แปลว่า ผู้มั่นคง ส่วนคำว่า “เถน”ที่รัชกาลที่ 4 ทรงกำหนดให้เรียกใหม่นั้น ภาษาบาลีแปลว่าขโมยศักดิ์ฐานะของเถรเดิมที่เคยพอมี พอเปลี่ยนเป็นเถน ขโมย ก็ค่อยๆลดลง จนบัดนี้ไม่มีเหลือแล้วแต่คำอุทาน ตาเถรช่วย ตาเถรตกน้ำ ยังพอได้ยิน เรื่องเคยๆของคนแก่ขวัญอ่อน จะห้ามยังไงก็ห้ามไม่อยู่.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม