แม้ลักษณะของการกระทำความผิดจะต่างกันแต่แหล่งที่เป็นต้นตอของปัญหาไม่ต่างกัน คือการอาศัยพื้นที่นอกเขตประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการที่รายล้อมประเทศไทยอยู่ไม่ว่าจะเป็นเมียนมา ลาว กัมพูชา 3 ประเทศเพื่อนบ้านที่กลุ่มคนร้ายใช้เป็นศูนย์กลางการกระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์“ทักษิณ ชินวัตร” ประกาศว่าทั้ง 2 เรื่องจะต้องจบภายในปีนี้แต่ไม่ได้บอกกล่าวว่าจะทำอย่างไร นอกจากเคยบอกถึงจุดที่กลุ่มคนร้ายใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการในต่างประเทศเท่านั้น โดยเฉพาะที่เมียนมาและกัมพูชาสมัยที่ “ทักษิณ” เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นได้ดำเนินการปราบปรามยาเสพติดแบบถึงลูกถึงคนพร้อมกับข่าวยุทธการ “ฆ่าตัดตอน”ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนไม่น้อยทั้งที่กระทำผิดจริงและไม่ได้กระทำผิดด้วยมาตรการเด็ดขาดและรุนแรงทำให้ปัญหายาเสพติดเบาบางลงแต่ไม่ได้หมดไปเสียทีเดียวเพราะกลัวถูก “เป่า” หรือ “ถูกเก็บ”แต่ปัญหาก็ไม่ได้จบไปเพราะไม่สามารถจัดการกับ “แหล่งผลิต” ซึ่งอยู่ในเขตแดนของเมียนมาโดยชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่บริเวณตะเข็บชายแดนที่สำคัญคือรัฐบาลเมียนมาในตอนนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะเอาจริงเอาจังในการปราบปรามเพราะมีส่วนจากผลประโยชน์ด้วยนี่คือปัญหาที่แก้ไขไม่ได้จนถึงปัจจุบัน แม้จะจับได้มากขึ้นแต่เมื่อเข้าไม่ถึงต้นตอของปัญหาคือแหล่งผลิตได้ก็ไม่สามารถปิดช่องทางนำเข้ามาขายในเมืองไทยได้“คอลเซ็นเตอร์” เป็นปัญหาใหม่ของเมืองไทยที่กลุ่มคนร้ายหลอกลวงคนไทยด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมืองไทยแต่สามารถใช้ “มือถือ” ติดต่อปฏิบัติการได้ก็ไม่ต่างไปจาก “ยาเสพติด” เท่าใดนัก!เพราะสร้างฐานปฏิบัติการในต่างประเทศได้โดยเฉพาะที่เมียนมา ลาวและกัมพูชา ซึ่งเจ้าหน้าที่ของไทยต่างก็รู้ดีว่าอยู่ตรงไหนบ้างแต่เป็นเพราะอยู่ในต่างประเทศซึ่งทำให้การควบคุมยากถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลของประเทศนั้นโดยเฉพาะในเมียนมาซึ่งมีปัญหาความขัดแย้งภายในและพื้นที่ตั้งอยู่ในเขตยึดครองของชนกลุ่มน้อยที่ต่อสู้กับรัฐบาลเมียนมาอยู่แม้เจ้าหน้าที่ไทยจะพยายามปราบปรามแต่ก็เอาไม่อยู่ ขนาดนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ก็ยังโดน นับประสาอะไรกับชาวบ้านทั่วไปรัฐบาลกำลังจะออกกฎหมายเพื่อควบคุมเรื่องนี้อย่างจริงจังแม้กระทั่งผู้มีบารมีนอกรัฐบาลก็บอกว่ารู้แหล่งในต่างประเทศทุกจุดพร้อมจะเอากองกำลังบุกเข้าไปปราบปรามแต่มันคงไม่ง่ายอย่างที่พูดหรอก...เพราะมันจะต้องมีการเจรจากับฝ่ายที่มีคนคุมหรือมีอิทธิพลในพื้นที่นั้นๆ เพื่อขอความร่วมมืออย่างจริงจังคือต้องเอาจริงเอาจังในประเทศและประสานร่วมมือกับต่างประเทศมันถึงจะเอาอยู่ได้!เพราะถ้าได้รับความร่วมมือก็จะสามารถใช้มาตรการต่างๆ เพื่อจัดการกับแก๊งเหล่านี้ให้หยุดปฏิบัติการได้รัฐบาลจึงต้องตั้งทีมงานเจรจาเพื่อขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านและชนกลุ่มน้อยที่มีอิทธิพลในพื้นที่นั้นๆอย่างเป็นรูปธรรมเว้นแต่ไม่ให้ความร่วมมือก็ต้องใช้มาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อกดดันและตอบโต้เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องใหญ่และนิ่งนอนใจไม่ได้เด็ดขาด!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม