หลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้ยกคำร้องว่าด้วยการล้มล้างการปกครอง และครอบงำพรรคการเมือง ทำให้ “ทักษิณ ชินวัตร” มีความมั่นใจในสถานภาพของตัวเองมากขึ้นอีกหลายเท่าตัวอย่างหนึ่งคือ “บิ๊กดีล” ทำหน้าที่อย่างที่ตกลงกันไว้ว่า เมื่อกลับเมืองไทยแล้วเขาจะอยู่รอดปลอดภัย ไม่มีอะไรกลํ้ากรายได้เท่ากับว่าเชื่อมั่นในตัวเขาที่จะปฏิบัติภารกิจผู้นำฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่จะชนะการเมืองได้อย่างที่ตกลงกันไว้ที่สำคัญคือบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลต้องสยบยอมเขาแน่การสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่หัวหิน ที่ “ทักษิณ” ขึ้นเวทีในฐานะนักวิชาการ แต่แฝงไว้ด้วยความเป็นหัวหน้ารัฐบาลอย่างมุ่งมั่นเขาบอกว่าเมื่อร่วมรัฐบาลกันแล้ว ต้องไปในทิศทางเดียวกันแบบ “เลือดสุพรรณ” ต้องไปด้วยกัน ใครไม่เอาด้วย“ก็ออกไป”...เป็นการประกาศท่าทีอย่างไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น เพราะปกติแล้วในฐานะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต้องมีท่าทีที่ดีกว่านี้โดยเฉพาะมารยาทในความเป็นรัฐบาลเดียวกันแต่ “ทักษิณ” ไม่สนเพราะเขาถือไพ่ที่เหนือกว่า และรู้ดีว่าทุกพรรคไม่พร้อมที่จะแยกตัวออกไป หรือเลือกตั้งใหม่หากพูดกันตามสูตรคณิตศาสตร์ ถ้าพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งประกาศลาออกจากรัฐบาลย่อมเกิดปัญหาแน่เพราะรัฐบาลจะทำงานยากลำบากขึ้น เนื่องจากเสียงสนับสนุนไม่มั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคภูมิใจไทยและรวมไทยสร้างชาติถ้า 2 พรรคนี้พร้อมใจกันลาออกรัฐบาลก็ไปไม่รอด มีแต่จะต้อง “ยุบสภา” เท่านั้น!ในทางการเมืองอีกมุมหนึ่งคือปัญหาการเข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจของ “ทักษิณ” โดยไม่ได้นอนในคุกแม้แต่วันเดียวก็เกิดคำถามว่าป่วยจริงหรือไม่ มีการช่วยเหลือหรือไม่ล่าสุด ป.ป.ช.ได้รับพิจารณาเรื่องนี้แม้จะไม่ได้สอบสวน “ทักษิณ” โดยตรง แต่ 12 เจ้าหน้าที่จะต้องถูกสอบสวนด้วยข้อกล่าวหาวางแผนและช่วยเหลือหาก ป.ป.ช.สอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง เจ้าหน้าที่เหล่านี้ต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอนเช่นกัน “ทักษิณ” ก็จะต้องโดนไปด้วย โดยเฉพาะรัฐบาลลูกสาวซึ่งจะต้องรับผิดชอบด้วยคือใช้อำนาจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอีกเรื่องหนึ่งก็คือความคืบหน้าคดีครอบงำพรรคเพื่อไทยซึ่งเบื้องต้น กกต.ที่พิจารณาจากคำร้องแล้วพบว่า “มีมูล”ล่าสุด จากการสอบสวนแล้วมีความคืบหน้าไปมากใกล้ที่จะสรุปผลแล้ว ให้ กกต.ชุดใหญ่พิจารณา หากพบว่ามีความผิดจริงก็จะยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความผิดฐานครอบงำพรรคการเมืองระหว่าง “ทักษิณ” กับ “เพื่อไทย”ทั้งที่ กกต.จะเรียก “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยมาสอบสวนซึ่งได้แจ้งไปแล้วน่าเชื่อว่า “อิ๊งค์” คงไม่ไปชี้แจงเอง แต่คงส่งตัวแทนไป เพราะในแง่กฎหมายอย่างนี้คงไม่กล้าไปให้ปากคำเพราะเดี๋ยวผิดพลาดขึ้นมาจะยุ่งเข้าไปอีกนี่ก็เป็นอีก 2 เรื่อง 2 ประเด็นที่ต้องลุ้น แม้ “ทักษิณ” จะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ของแบบนี้ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ 100%อีกไม่นานก็จะได้คำตอบ!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม