รัฐบาลต้องยอมรับว่าปัญหาที่สอบไม่ผ่าน คือเศรษฐกิจปากท้อง หนี้สิน และความยากจนของประชาชน แม้จะเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ยอมรับ พรรคเพื่อไทยน่าจะเก่งที่สุด แม้แต่ปัญหาการเมืองก็ยังสอบตกเช่นเดียวกัน เริ่มตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่สัญญาว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นประชาธิปไตยทันทีในที่ประชุม ครม.นัดแรกนายกรัฐมนตรีทำได้แค่แต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญและแนวทางการออกเสียงประชามติ จากนั้นก็โดนสอยด้วยข้อหาฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ต้องหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ และหัวหน้าทีมกฎหมายของรัฐบาลก็ให้สัญญา จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนโดยเร่งด่วน แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีวี่แววรัฐบาลประกาศจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และแก้ไขเป็นรายมาตรา โดยเฉพาะประเด็นจริยธรรมให้ชัดเจน แต่ถูกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาคัดค้าน และสอนมวยการเมืองว่าเป็นนักการเมืองต้องพร้อมที่จะโดนตรวจสอบ ทำให้พรรคเพื่อไทยถอยทันที เพราะวันนี้ภูมิใจไทยไม่ธรรมดา ครอบงำสายสีฟ้าระยะหลังๆ ดูเหมือนพรรคเพื่อไทยจะไม่สนใจรัฐธรรมนูญเท่าไหร่ หันไปเล่นเกมการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ด้วยแนวความคิดที่น่าเลื่อมใส เพื่อความสมานฉันท์ปรองดองของคนในชาติ แต่มีการเสนอเข้าสภาถึง 4 ร่าง สะท้อนถึงอุดมการณ์การเมืองที่แตกต่าง มีทั้งเสรีนิยมเป็นส่วนน้อย อนุรักษ์นิยมเป็นข้างมาก และอาจมีอำนาจนิยมหลงยุคด้วยในการเลือกตั้ง 2566 พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลอยู่ในกลุ่ม “เสรีนิยม” ด้วยกัน ผลการเลือกตั้งพรรคก้าวไกลมาเป็นที่หนึ่ง ได้ สส.เข้าสภา 151 ที่นั่ง เป็นอันดับที่สองได้ 141 ที่นั่ง รวมเป็น 292 ที่นั่ง เป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่จัดตั้งรัฐบาลร่วมกันไม่ได้ เฉพาะรัฐธรรมนูญพิสดาร แต่คดีตากใบพิสูจน์ว่าเพื่อไทยเสรีนิยมจริงหรือรัฐบาลเสรีนิยมต้องยึดมั่นในหลักนิติธรรม ทุกคดีต้องเป็นไปตามกระบวนยุติธรรม แต่ไม่มีรัฐบาลไหนจับผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม 85 ศพ เพื่อส่งตัวฟ้องศาล แต่ปล่อยให้ขาดอายุความ ทั้งที่ศาลรับฟ้อง 14 จำเลยแล้ว จำเลยสำคัญคือ สส.พรรคเพื่อไทย ถูกปล่อยให้หนีไปต่างประเทศ ก่อนขาดอายุความ ซํ้ายังมีคำพูดที่แสดงถึงแนวคิดทางการเมืองสส.เพื่อไทยบางคนบอกว่าอย่าฟื้นฝอยหาตะเข็บ นายกรัฐมนตรีขอโทษแล้ว ถือว่าเป็นการกระทำที่สง่างาม มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนในโลก ที่ถือว่าคดีฆาตกรรมหมู่ 85 ศพ ขอโทษแล้วก็เลิกแล้วต่อกันไป เสาหลักสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของประชาธิปไตย คือการปกครองที่ยึดหลักนิติธรรมเป็นหลักใหญ่ เพื่อไทยอาจเป็น “ประชานิยม”.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม