ระหว่างรอรัฐบาลใหม่เข้าบริหารประเทศอย่างเป็นทางการต้องบันทึกเอาไว้เพื่อช่วยจำว่าสภาผู้แทนฯได้มีการเลือกตั้งรองประธานคนใหม่แล้ว1. “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” จากเพื่อไทย เป็นรองประธานคนที่ 12. “ภราดร ปริศนานันทกุล” จากภูมิใจไทย เป็นรองประธานคนที่ 2โดยไม่มีคู่แข่งเพราะพรรคฝ่ายค้านไม่ได้ส่งคนแข่งด้วยคงคิดว่าไม่มีทางสู้ได้เพราะเสียงของพรรครัฐบาลมากกว่าก็เป็นอย่างนี้...แต่ที่ควรจะบันทึกไว้อีกหน้าหนึ่งคือความเป็นไปของพรรคพลังประชารัฐที่มี “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เป็นหัวหน้าพรรคซึ่งดูทรงแล้วไม่ค่อยจะดีนักแม้ “บิ๊กป้อม” ยังประกาศตัวว่าพร้อมสู้ต่อไปโดยพยายามที่จะรีแบรนด์พรรคใหม่หลังจากที่เสียเชิงการเมืองถูกลูบคมต้องไปเป็นฝ่ายค้านก็ไม่ใช่ใครที่ไหน “ลูกน้อง” คนสนิทหักหลังโครมใหญ่เสียฟอร์ม “บูรพาพยัคฆ์” อย่างน่าเจ็บใจ จึงต้องเดินหมากเพื่อยุทธการเอาคืนมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารชุดใหม่และเพิ่มอำนาจรองหัวหน้าพรรคซึ่งมีสิทธิตัดสินใจที่พื้นที่รับผิดชอบ โดยลดบทบาทเลขาธิการพรรคให้เหลือแค่ฝ่ายสนับสนุนเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนคือให้ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เป็นเลขาธิการพรรค เพื่อเปิดศึก “นิติสงคราม” เต็มตัวอีกด้านหนึ่งก็เปิดฉากเล่นงานกลุ่ม สส.ฝ่าย “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ข้อหาแหกกฎพรรคไม่ให้มีสิทธิใดๆทั้งสิ้นแต่ไม่ขับออกจากพรรค!พูดง่ายๆว่าให้อยู่กันไปอย่างนี้ถ้าทนไม่ไหวก็ลาออกไปเองซึ่งจะหมดสภาพการเป็น สส. ถือว่าเป็นมาตรการ “จับขังให้ตรอมใจ” ไปเองจากนั้นก็ตั้งทีมคนหนุ่มเพื่อลุยล้างศัตรูคู่แค้นและให้บรรดานักร้องในสังกัดทำการยื่นร้ององค์กรอิสระให้ลงโทษเน้นไปที่นายกรัฐมนตรี พ่อนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยทว่าทีมงานคนหนุ่มที่ตั้งขึ้นมานั้นแต่ละคนแม้จะเขี้ยวพอตัวแต่ปูมหลังไม่ค่อยจะโสภาเท่าใดนักก็เลยไม่ได้ใจเท่าใดแต่ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลังจากการเปลี่ยนแปลง ปรากฏว่าบรรดาสมาชิกพรรคโดยเฉพาะตระกูลดังอย่าง “รัตนเศรษฐ์” แห่งเมืองโคราชก็ประกาศลาออกทันควันคล้ายๆพวก “นกรู้” ที่อ่านการเมืองออกว่าขืนอยู่ต่อไปไม่มีอนาคตแน่ เพราะหัวหน้าพรรคที่เคยเป็น “ผู้ใหญ่ใจดี” เปลี่ยนบทบาทมาเป็น “นักรบ” ที่สุมอกด้วยความแค้นทั้งๆที่สถานการณ์การเมืองได้เปลี่ยนไปแล้วไม่มีบารมีเหลือให้คนกราบไหว้เคารพนับถือเหมือนก่อนสู้ไปก็แพ้ไปแม้ยังมี “กระสุน” เหลืออยู่ก็ตามดังนั้นไปเสียก่อนตอนนี้ดีกว่าไปตอนที่ย่อยยับมากกว่านี้เพราะนักการเมืองนั้นจมูกไวและอ่านเกมทะลุว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าแน่นอนว่าทุกอย่างที่เปิดขึ้นย่อมเข้าทาง “เพื่อไทย” ที่เตรียมตกเบ็ดบรรดา “ปลาหนีน้ำ” เพื่อผลการเลือกตั้งครั้งต่อไปเพราะนักการเมืองที่จะแยกตัวออกมานั้นส่วนใหญ่เป็นพวก “บ้านใหญ่” ที่มีแสงสว่างในตัวเอง ถ้าไม่ลงสมัครเองก็จะส่งบรรดาลูกหลานเครือญาติคนรุ่นใหม่แทนพี่น้อง “3 ป.” ช่วยพา “ลุงป้อม” กลับบ้านก่อนที่จะสาหัสมากกว่านี้!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม