แรงไม่มีแผ่วจนต้องร้องซี้ด...ด สำหรับ ปิ่น–ชรินพร เงินเจริญ นักแสดงสาวจากละคร “รอยรักรอยบาป” ทางช่อง 7HD เพียงแค่เปิดตัว “คุณหนูยิ้ม” ขยันวีนฉ่ำแบบไม่พัก ต่อให้ร้ายๆ ยังไงแฟนๆก็ยังรัก หลังสร้าง “มีม” ให้โลกจดจำ ยิ้มรับฉายา “หนูยิ้มรองเท้าปลิว” ไปครอง “คนดังนั่งคุย” วีกนี้เลยชวนหนูยิ้ม เอ๊ย สาวปิ่น พร้อมอัปเดตชีวิตไม่ได้หายไปไหน ทำงานถ่ายละครและเร่งเรียนให้จบๆ ส่วนสถานะหัวใจถามมาตอบตรงมีหวานใจมายึดพื้นที่เรียบร้อยแล้วกับบทหนูยิ้มสาวนักเรียนนอกคนสวยเป็นยังไงบ้าง“เรื่องนี้หนูยิ้มเป็นนักเรียนนอกค่ะ เปิดตัวในละครด้วยลุคจัดเต็มเลยคือชุดร้อนมาก (ยิ้ม)”ปิ่นชอบไหมกับแฟชั่น “ถ้าในเรื่องของแฟชั่น การแต่งตัวเยอะๆชอบนะคะ แต่ถ้าเรื่องนิสัยของหนูยิ้ม ไม่ใช่ปิ่นเลย (หัวเราะ)”ย้อนเล่าถึงที่มาจุดเริ่มต้นการมารับบทหนูยิ้ม “เริ่มจากทางช่องเสนอมาค่ะว่ามีบทนี้ ปิ่นอ่านแล้วก็รู้สึกว่าตัวละครหนูยิ้มเจ๋งดี ในมุมของการแสดง ตอนแรกกังวลนิดหนึ่งตรงที่เป็นละครพีเรียด ปิ่นกลัวเรื่องภาษา กลัวตัวเองจะเล่นไม่ได้หรือเปล่า บทของหนูยิ้มยากมาก รวมถึงละครรอยรักรอยบาปก็เป็นละครดังในเวอร์ชันก่อน ปิ่นกลัวว่าคนจะคาดหวังเยอะ แต่ทุกอย่างก็ผ่านมาได้ด้วยดีค่ะ”ต้องทำการบ้านอะไรมาบ้าง“อย่างแรกเลยคือเครียดค่ะ ในละครมีนักแสดงรุ่นพี่ๆก็เยอะ แต่ละคนน่าจะเคยผ่านละครพีเรียดกันมาบ้าง ในขณะที่ปิ่นเพิ่งเล่นละครเป็นเรื่องที่ 3 เอง แล้วยังเป็นพีเรียดด้วย กลัวมาก เครียดมาก กลัวว่าจะทำไม่ได้แน่ๆ เข้าฉากวันแรก ถ่ายไปประมาณ 5 เทกกว่าจะได้ ซึ่งซีนนั้นเป็นซีนที่ต้องไปตบตีกับเขา ปิ่นยังไม่รู้ว่าอารมณ์ของหนูยิ้มควรจะต้องออกมาประมาณไหน คือสุดของเรา กับสุดของผู้กำกับอาจจะไม่เหมือนกันดังนั้นก็เลยต้องทำความเข้าใจกันก่อน พี่หลุยส์ (สยาม สังวริบุตร) เป็นคนละเอียดมาก ถ้ายังไม่ได้ พี่หลุยส์ก็จะไม่ปล่อยผ่าน ทั้งๆที่คำพูดในฉากนี้เป็นคำง่ายๆ ประมาณ เพราะพวกแก... ถามว่าท้อหรือนอยด์ไหม ไม่ค่ะ แต่ก็จะมีความเกรงใจมากกว่าว่าทุกคนรอเราอยู่ ต้องทำให้ได้ พี่หลุยส์ไม่ดุ ไม่ว่า ไม่ด่า ไม่โกรธ พี่หลุยส์แค่บอกว่าไม่เป็นไรลูกใจเย็นๆ หนูเอาขึ้นไปอีกนิดหนึ่ง อีก 5 เลเวล อีก 10 เลเวล เดี๋ยวผ่านแล้ว คือพี่หลุยส์เป็นผู้กำกับที่คอยเชียร์อัปตลอด” หนูยิ้มจริงๆร้ายไหมในมุมของปิ่น“จากที่หนูอ่านบท หนูยิ้มไม่ได้ร้าย ไม่ได้เป็นคนแรง เขาก็เป็นนักเรียนนอกที่กลับบ้านมาอยากทำโน่นทำนี่ อยากจัดดอกไม้ อยากใช้ชีวิตปกติ แค่มีบางปม บางสิ่งบางอย่างที่เราหวงแหน เราไม่อยากให้ใครมายุ่งกับของของเรา”สรุปแล้วหนูยิ้มถูกจวน (เกรซ–พัชร์สิตา) สิง หรือว่าเป็นจวนที่กลับชาติมาเกิด “บางคนก็มองว่าเป็นจวนที่กลับชาติมาเกิด บางคนก็ตีความเป็นผีจวนที่มาสิง ปิ่นมองว่าเป็นจิตใต้สำนึกของตัวเราเองมากกว่าค่ะ” เล่นเรื่องนี้ได้ร่วมงานกับรุ่นใหญ่เยอะมากเป็นยังไงบ้าง “พี่ๆทุกคนสุดยอดมาก ไม่ใช่แค่พี่เจี๊ยบ (เจี๊ยบ-พิจิตตรา) พี่ฟลุค (ฟลุค-เกริกพล) นะคะ พี่เกรซ พี่กุ๊กกิ๊ก (กุ๊กกิ๊ก-กชกร) พี่พลอย (พลอย-รัญดภา) พี่เขต (เขต-ธาราเขต) ทุกคนสุดยอดมาก คือใส่เต็มใส่สุดทุกคน อย่างบางซีนที่เป็นซีนอารมณ์อาจจะเจาะจงตรงที่หนูต้องร้องไห้ แต่ในฉากไม่ใช่แค่ตัวหนูที่เล่นสุด ทุกคนเล่นเต็ม เล่นอารมณ์ส่งมาให้หนู ส่งให้กันและกันหมด แม้ว่ากล้องจะรับอยู่ที่แค่หน้าของหนูก็ตาม คือจะไม่มีใครอยู่เฉยเลย”เรื่องนี้ใช้พลังหนักมาก เพราะหนูยิ้มสู้ทุกคน“ใช่ค่ะ ใช้พลังหนักมาก เดี๋ยวก็ไปตบเขา เดี๋ยวก็ไปหาเรื่อง เขา เราก็ฟังความแต่กับคุณแม่เราด้วย ไม่ฟังใครคนอื่นเลย เราเป็นหนูยิ้มหูเบา ที่รักและเทิดทูนคุณแม่เกิน”แล้วที่หนูยิ้ม รองเท้าปลิวล่ะ “(หัวเราะ) อันนั้นเป็นซีนที่ซ้อมกันค่ะ ถือว่าเป็นซีนรุ่นลูกที่ใหญ่ซีนหนึ่ง ซ้อมประมาณ 2-3 รอบได้ว่าจะต้องท่าทางแบบไหน ลงแบบไหน แล้วตอนที่เล่นไปจริงๆไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารองเท้าหนูหลุดไปตอนไหน เหมือนแบบตอนนั้นหนูยิ้มเข้ามาสิงร่าง คือตีเขาแล้วเราก็เหนื่อยนะ ตอนนั้นคือเหมือนเริ่มจะหมดแรง จนสั่งคัต ก็งงว่ารองเท้าหายไปไหน แล้วทุกคนก็บอกว่า ปิ่นรองเท้าอยู่นี่ เราก็งงว่ารองเท้าไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง จนเขาเปิดคลิปให้ดู (หัวเราะ) คือหนูไม่ได้ตั้งใจทำอารมณ์มันพาไปเองค่ะ”เล่นเรื่องนี้ก้าวข้ามความเป็นปิ่น อย่างไรบ้าง“จะว่าหนูยิ้มคล้ายปิ่นก็ไม่น่าจะใช่แบบนั้น คือหนูเป็นคนสบายๆ เฟรนด์ลี คุยได้กับทุกคน ไม่ใช่คนร้ายขี้โมโหแบบหนูยิ้ม พอมาเล่นบทนี้ มันไม่มีวันที่หนูยิ้มยิ้มได้แบบร่าเริงเลย ตั้งแต่เปิดตัวมาจะมีแค่วันแรกวันเดียวเลยที่เราดีใจที่ได้กลับบ้าน จากนั้นคือเราไปด่า ไปตีเค้าตลอด ชีวิตจริงของปิ่นไม่เคยไปด่าใคร ไปตีใครแบบนี้มาก่อน แล้วพอเราต้องทำ เราก็รู้สึกแบบ...ยังไงดี จะว่าไปบางทีก็แอบรู้สึกว่าได้ปลดปล่อยอารมณ์เหมือนกันนะคะ (หัวเราะ) คือชีวิตจริงคงไม่ได้เป็นแบบนี้” ภูมิ เกียรติภูมิ - ชรินพร เงินเจริญมาอัปเดตชีวิตกันต่อ ปิ่นมาแบบผลุบๆโผล่ๆ ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ“จริงๆก็จะมีงานเรื่อยๆ หลังจากจบธิดาวานรก็มีละครเรื่องป้อมปางบรรพ์ และก็ถ่ายเรื่องรอยรักรอยบาป จนรอยรักรอยบาปออกอากาศ หนูก็ยังมีละครเรื่องร้ายเดียงสาอีกเรื่องที่ปิดกล้องไปเรียบร้อยแล้ว เวลานอกจากนั้นหนูก็คือเรียน อาจจะดูหายไปนาน น่าจะเพราะว่าละครที่เราถ่ายทำยังไม่ได้ออกอากาศ ระหว่างนั้นทำงานอยู่ตลอด”เห็นว่าช่วงเปิดเทอมรับงานเฉพาะเสาร์–อาทิตย์ “คือหนูตั้งใจอยากเรียน เอาให้จบภายใน 4 ปีค่ะ ตอนนี้ก็เหลืออีกแค่ 2 ปีก็จะจบปริญญาตรีแล้ว คิดว่าถ้าเราจบออกมา เราก็จะทำงานได้เต็มที่แบบไม่ต้องกั๊กเลย ถ้าเราปล่อยคิวเรียนมาทำงานอาจจะทำให้เราจบช้าลง ดังนั้นก็เลยขอเรียนให้จบแบบรวดเดียวน่าจะดีที่สุด ตอนนี้ปิ่นเรียนอยู่ปี 3 คณะศิลป กรรมศาสตร์ สาขาการละคร มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ค่ะ”พาร์ตการเรียนเป็นนักศึกษาหนักหน่วงขนาดไหน “หนักมากค่ะ เป็นนักศึกษาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คนชอบแบบมองว่าแค่เรียนไม่หนักหรอก เอาจริงๆ คือต้องลองมาเรียนค่ะ จะรู้ว่ามันหนักจริงๆ”ละครออนแล้วกลัวมั้ยเจอคนข้างนอก แล้วเขาจะไม่กล้าทัก“คือคนด่า เค้าด่าหนูยิ้มมากกว่า จะบอกว่าคนนี้น้องปิ่นไม่ใช่หนูยิ้มนะคะ น้องปิ่นตัวจริงนิสัยดี (หัวเราะ) แต่ถามว่าพร้อมเดินชมตลาดมั้ย อย่าเพิ่ง ยังไม่เดินดีกว่า ขออยู่แต่บ้านก่อนดีกว่าค่ะ” แฟนๆไม่เท่าไหร่ หนุ่มๆสิจะกล้าเข้ามาทักมั้ย “คงไม่มีใครเข้ามาทัก มาคุยกับหนูแล้วแหละ ไม่หรอก”สวยขนาดนี้มีคนเข้ามาบ้างยัง “มีคุยๆ อยู่บ้าง นิดหนึ่งให้พอมีกำลังใจทำงานทุกวันเป็นสีสันในชีวิตอะไรแบบนี้ คือคอยให้กำลังใจกันค่ะ” ปิ่นมองว่างาน เรียน ความรัก สามารถเดินไปพร้อมกันได้ไหม “หนูมองว่าได้นะคะ คือพอเรามีหวานใจใช่ไหมคะ ก็จะเป็นแรงจูงใจให้เราไปเรียน เป็นแรงจูงใจให้เราในวันที่เราไปทำงานมาเหนื่อยๆ ก็ชวนกันไปกินข้าวอะไรแบบนี้ แต่ไม่ใช่ว่าการที่เรามีความรักแล้วเราจะเอาแต่เรื่องความรักอย่างเดียว งานกับเรียนไม่เอา อันนี้ไม่ใช่ อันนี้คือมีเพื่อให้เป็นกำลังใจในชีวิต นอกจากพ่อแม่ที่เป็นเซฟโซนของเราแล้ว ก็อยากมีอะไรที่ทำให้หัวใจเราฟูขึ้นมาหน่อย”เขาคอยซัพพอร์ตเราทุกเรื่องไหม“ใช่ค่ะ คอยซัพพอร์ตเราทุกเรื่องค่ะ อย่างมาทำงานเขาก็จะบอกว่าไปทำเลย คือไม่อะไร”คอยรับส่งมั้ย “ไม่ค่ะ คุณพ่อคุณแม่ยังไม่ปล่อยค่ะ เวลาไปทำงาน ไปกองก็จะเป็นคุณแม่ที่ตามไปดู ไปอยู่ด้วยกัน แต่ถ้าจะไปเที่ยวกันเองก็จะมาบอกคุณแม่ให้รับรู้อยู่แล้วค่ะ ปิ่นให้ความสำคัญกับทุกๆอย่างพอๆกัน ถ้าเอาตามความจริงหนูจะไปเที่ยวกับพ่อแม่บ่อยที่สุด แต่ในส่วนของหวานใจก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าเราไม่ได้คุยกันแล้วแบบนั้น”เรียกว่าบาลานซ์ความสัมพันธ์ให้ทุกอย่างเดินไปพร้อมกันได้ “ใช่ค่ะ เราจะไม่ทิ้งงาน ค่ะ เพราะถ้าเรามีงานเราก็จะมีเงิน ซึ่งเงินก็สามารถนำมาสนองความต้องการของตัวเองได้”คนที่เราคุยๆเขาได้ดูละครเรามั้ย ตอนหนูยิ้มวี้ดบึ้มอะ“เขาก็ดูละครนะคะ แล้วก็บอกว่าเธอเล่นดีมากเลย หน้าเธอร้ายมาก (หัวเราะ) ส่วนมากหวานใจจะไม่ค่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณแม่ของเค้าก็จะฝากมาบอกว่า น้องเล่นดีมาก น้องต้องดังแน่เลย (ยิ้ม)”เขาแอบกลัวเรารึเปล่า “ไม่กลัวค่ะๆ”คุยกันนานหรือยังคะกับหวานใจ “ก็คุยกันปีกว่าแล้ว จะ 2 ปีแล้วค่ะ” เป็นคนนอกวงการใช่ไหม “ใช่ค่ะ”ไม่เห็นปิ่นโพสต์รูปคู่เปิดตัวแฟนเลย “คือเขาให้พื้นที่หนูเต็มที่ รู้ว่าเราทำงาน และไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดเผยขนาดนั้น เป็นเรื่องของคน 2 คน”เป็นเวย์ในการคบและให้กำลังใจกันและกัน อย่างบางเรื่องที่เราคุยกับพ่อและแม่ไม่ได้ “ใช่เลยค่ะ”ณ เวลานี้ถือว่าตัวเองประสบความสำเร็จยัง“ถ้ากับบทที่หนูเล่นก็ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าถามว่าตัวเองประสบความสำเร็จขนาดไหน ก็ไม่ขนาดนั้นเพราะเรายังรอบทบาทที่จะเข้ามาเพิ่มเติมอีก อันนั้นจะทำให้เราได้พัฒนาตัวเอง เรื่องเรียนอีกที่เราอยากให้จบ คือคิวละครถ้าเอาจริงๆ จะรับตอนที่เปิดเทอมก็น่าจะทำได้แหละแต่เราอยากเรียนให้จบแบบจบปุ๊บแล้วทำงานไปเลยเต็มที่ จะมา 7 วันเลยก็ทำได้ แต่ตอนนี้คือถ้าเราหยุดเรียน เราก็ต้องทบออกไปอีก คือปิ่นเคยคุยกับคุณพ่อคุณแม่เขาบอกว่ารู้ว่าเราทำงาน จะเรียนจบ 5 ปีก็ได้ แต่เราไม่คิดแบบนั้นเราอยากจบ 4 ปีนี่แหละ เพราะถ้า 5 ปีไม่จบ มันก็จะยืดออกไปเรื่อยๆ คิวก็จะไม่ได้ๆไปเรื่อยๆอีก ตอนนี้คืออีกแค่แป๊บเดียวเท่านั้นค่ะ”.เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยานอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่