ผมกำลังว้าวุ่น หลังฟังคำตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พิพากษาให้คุณเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกฯ พอดีเหลือบไปเห็น หนังสือ ช.ช้าง กับ ฅ ฅน (ศรัณย์ ทองปาน เขียน สำนักพิมพ์ สารคดี พ.ศ.2550) ก็คว้ามาเปิดอ่านเจอหัวข้อ ยศช้าง ขุนนางพระ...เห็นว่า นี่เป็นความรู้เก่า ที่คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้ก็อยากจะให้รู้กันไว้ข้าราชการไทยสมัยศักดินา จะได้รับยศและราชทินนาม ยศได้แก่ ขุน หลวง พระ พระยา (ถ้าเรียกไม่เป็นทางการนัก ก็คือ ท่านขุน คุณหลวง คุณพระ เจ้าคุณ)ส่วนราชทินนามก็คือ ชื่อเพราะๆประจำสำหรับตำแหน่งนั้นๆเช่นนายเฉิ่ม ถ้าได้เป็นข้าราชการในกรมช้างต้น ก็อาจจะกลายเป็นขุนคชสารบำรุงโดยนัยนี้ ช้างหลวงซึ่งถือว่ารับราชการอยู่กับในหลวง ก็อาจจะได้รับยศและราชทินนาม อย่างเช่นช้างเผือก เมื่อขึ้นระวางแล้วก็มักจะได้เป็นคุณพระ และมีราชทินนามว่า คุณพระเศวต (เศวต แปลว่า ขาว ก็คือช้างเผือก)ต่อด้วยสร้อยพระนาม พรรณนาความเจริญความดีต่างๆ เป็นคำสัมผัสคล้องจองตามราชประเพณี ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา ช้างเผือกมักมีราชทินนามว่า พระเศวต แล้วลงท้ายด้วยคำว่า เลิศฟ้านอกจากยศและราชทินนามแล้ว ขุนนางไทยสมัยก่อนจะได้รับเครื่องประกอบยศศักดิ์ ซึ่งก็คือข้าวของเครื่องใช้ เช่น ผ้านุ่ง เชี่ยนหมาก ชุดน้ำชา แต่ทำหรูหราพิสดารขึ้นไปตามลำดับชั้น ยิ่งชั้นสูงก็จะได้เป็นเงินเป็นทองช้างเผือกก็จะมีเครื่องยศเหมือนกันฝรั่งที่เข้ามาเมืองไทยสมัยก่อนๆเคยบันทึกว่า เวลาไปดูช้างเผือก เห็นว่าต้องกินน้ำในพานทองถ้าหากข้าราชการทำดีอาจได้สองขั้น ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง อย่างขุนคชสารบำรุง (เฉิ่ม) ถ้ามีความดีความชอบถึงขนาด ก็อาจได้เป็นพระยากุญชรรักษา เจ้ากรมช้างเช่นเดียวกัน ถ้าช้างศึกออกสู่สงครามแล้วนำแม่ทัพไปรบชนะศัตรู ก็จะได้เลื่อนยศขึ้นไปด้วยแน่นอนว่า ถ้าพาไปขาดสะพายแล่ง ก็คงอดเหมือนอย่างในพระราชพงศาวดารบันทึกว่า ช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทีแรกชื่อพลายภูเขาทอง ต่อมาขึ้นระวางเป็นเจ้าพระยาไชยานุภาพ แต่เมื่อผ่านยุทธหัตถีครั้งประวัติศาสตร์ พ.ศ.2135ก็ได้เปลี่ยนราชทินนามใหม่เป็น เจ้าพระยาปราบหงสาวดีในภาษาไทยมีสำนวน ยศช้าง ขุนนางพระ ซึ่งมีผู้ให้ความหมายไว้ว่า เป็นเกียรติยศที่ไม่มีความหมาย เพราะไม่สามารถให้คุณให้โทษแก่ผู้ใดได้แต่ในอีกทางหนึ่ง สำนวนนี้ก็จะมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น คือหมายถึงสิ่งที่ไม่มีประโยชน์แก่ตนเช่น ถึงจะได้ยศถาบรรดาศักดิ์อย่างไร ช้างก็ยังเป็นช้างอยู่เหมือนเดิมกินหญ้ากินน้ำไปตามวิสัยเครื่องยศหรือราชทินนามอันใด ก็คงไม่ค่อยมีความหมายอะไรนัก สำหรับช้างเช่นเดียวกับพระเถระ ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระราชาคณะ ตำแหน่งเจ้าคุณ หรือราชทินนามอันไพเราะต่างๆก็ย่อมไม่ยังประโยชน์โภชผลอันใดแก่สมณะ ผู้แสวงหาทางหลุดพ้นจากสังสารวัฏเป็นอันว่า ผมก็พลอยได้ความรู้เรื่องยศช้าง ขุนนางพระไปพร้อมๆกับท่านผู้อ่านเมื่อนึกถึงคุณเศรษฐา ตำแหน่งผู้นำที่ได้มาหนึ่งปี เท่าที่ฟังๆรู้ๆกัน เขาก็ว่ากันว่า ตำแหน่งใหญ่ที่ได้ ก็ไม่ได้แตกต่างจากช้างหรือพระซักเท่าไหร่!ตำแหน่งที่ได้ก็ได้มาด้วยทุนและเรี่ยวแรงของใครคนหนึ่ง เมื่อถึงเวลาก็หลุดไป ก็พอเข้าใจก็หลุดไปเพราะใครคนนั้น ก็เป็นเหตุเป็นผลที่ผู้คนเขารู้กันทั้งบ้านเมือง.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม