กว่าจะเลือกตั้งใหม่อย่างน้อยก็ต้อง 3 ปีขึ้นไป ดังนั้นยังมีเวลาที่จะเตรียมความพร้อมอีกนานพอสมควรมิอาจคาดเดาได้ว่าผลจะลงเอยอย่างไร?การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมายังเล่นเอาเซียนกระเป๋าฉีกไปตามๆ เพราะ “ก้าวไกล” แซงโค้งสุดท้าย เฉือนชนะ “เพื่อไทย” ไปได้อย่างเฉียดฉิวแค่โพลออกมาว่า “ก้าวไกล” ชนะถล่มทลายในสนามกรุงเทพฯก็ฮือฮากันแล้วว่าการเลือกตั้งที่มองไปที่ “เพื่อไทย” จะมาที่ 1 ต้องเปลี่ยนไปแน่ก็เป็นจริงเช่นนั้น!คงไม่ต้องแปลกใจ เหตุไฉนแกนนำ “ก้าวไกล” จึงประกาศว่าจะไม่ขอร่วมรัฐบาลกับ “เพื่อไทย” อย่างเด็ดขาดคงเป็นเพราะมีความเชื่อมั่นสูงว่าเขาจะผ่านอุปสรรคไปได้ที่คิดหนักและตกหนักกลับกลายเป็น “เพื่อไทย” มากกว่า เพราะความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนั้นมีแนวโน้มและความชัดเจนแล้วแม้กระทั่ง “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้มากบารมียังต้องคิดและต้องหาหนทางเพื่อเอาชนะให้ได้ ใครที่บอกว่า “เลอะเทอะ” เรื่องที่จะโละทิ้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) จำเอาไว้ให้ดีก็แล้วกันโดยเฉพาะบรรดาแกนนำ “เพื่อไทย” ที่จะออกมาโจมตีคนเอาข่าวนี้มาเปิดเผยเพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้เพื่อให้ชนะเลือกตั้งมีการตั้งข้อสังเกตว่า “ทักษิณ” พยายามมุ่งเน้นการเข้าหา “บ้านใหญ่” ก็อยู่ในแนวทางเพื่อเอาชนะให้ได้การประกาศเชิญชวน “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” แห่งโคราชให้มาเป็นหัวหน้าทีม “เพื่อไทย” ก็เป็นร่องรอยหนึ่งหรือการเดินทางไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ. ที่ปทุมธานีก็อีกร่องรอยหนึ่ง อันบ่งบอกว่าให้ความสำคัญกับ “บ้านใหญ่” เต็มที่ที่ปทุมธานีนั้นมีความหมายอย่างยิ่งหากผู้สมัครของ “เพื่อไทย” ชนะก็ถือว่ายังโอเคอยู่ ตรงกันข้ามหากแพ้ก็แสดงว่า “บารมี” เสื่อมแล้ว 17 ปีที่จากไปแล้วความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทำให้คนในสังคมไทยตื่นรู้กันมากขึ้นคือเขาต้องการได้ของใหม่ๆและสิ่งใหม่ๆจากการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ “ของฟรี” ที่ช่วยเหลือเขาเพียงครั้งคราวแต่ไม่ได้ทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น เพราะนั่นเป็นเพียงวิธีทางการตลาดหาเสียงหาคะแนนเท่านั้นแต่ยังมีเวลาอีกพอสมควรจึงไม่ต้องแปลกใจที่จะมีอะไรเกิดขึ้นตามมาไม่ต่างไปจาก “ดิจิทัลวอลเล็ต” แจกหัวละ 10,000 บาท เพื่อหวังผลในการเลือกตั้งเอาชนะคู่ต่อสู้ทว่าในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นการตรวจสอบก็เข้มข้นตามไปด้วย ทำให้นโยบายประชานิยมในลักษณะผ่านไปยากขึ้นประเด็นก็คือต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลถึง 5 แสนล้านบาท และต้องทำให้ถูกกฎหมายอีกด้วยจึงไม่แปลกตั้งแต่บริหารประเทศมาจนถึงวันนี้โครงการนี้จึงยังคลอดไม่ได้แต่ก็พยายามดันทุกวิถีทางฝ่ายค้านจึงได้ทีบอกว่า “เจ๊งไม่ว่าแต่ขายหน้าไม่ได้”!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม