นับแต่มนุษย์เริ่มการค้าทางทะเล ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่าเรือมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก ทำหน้าที่เป็นประตูจุดเชื่อมต่อ-เชื่อมโยงประเทศและทวีปต่างๆมาเลเซีย ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงของเราประกาศแผนเตรียมการสร้างท่าเรือแห่งใหม่เมื่อไม่นานมานี้ ปักหมุดก่อสร้างในพื้นที่เมืองพอร์ตดิกสัน รัฐเนเกรีเซมบีลัน ใกล้กรุงกัวลาลัมเปอร์ และตั้งอยู่จุดกึ่งกลางของช่องแคบมะละกา ช่องทางเดินเรือที่พลุกพล่านที่สุดในโลก เชื่อมต่อมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก และเชื่อมโยงเศรษฐกิจหลักๆหลายแห่งของเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และอินเดียด้วยมูลค่าสูงถึงราว 425 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 15,576 ล้าน ท่าเรือใหม่แห่งนี้ จะช่วยตอบสนองความต้องการด้านโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่รัฐเนเกรีเซมบีลัน และหนุนสถานะของมาเลเซียบนเวทีการค้าโลกให้แข็งแกร่งที่สำคัญยังจับมือกับพาร์ตเนอร์จากจีนขับเคลื่อนท่าเรือแห่งใหม่นี้เป็น “สมาร์ท พอร์ต” ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยี เอไอ หรือ ปัญญาประดิษฐ์ นำมาใช้ในการเร่งประสิทธิภาพการดำเนินงาน วิเคราะห์ข้อมูลและวางแผนการเคลื่อนย้ายเรือ ช่วยลดข้อผิดพลาดของมนุษย์ เช่นเดียวกับการลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด รวมทั้งเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ เช่น เครนอัตโนมัติ ไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลกส่วน “ท่าเรือกลัง” ที่รั้งตำแหน่งท่าเรือใหญ่ที่สุดในมาเลเซียและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในรัฐสลังงอร์ ก็มีแผนสร้างท่าเทียบเรือตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มเป็น 2 เท่า รองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขณะที่โครงการก่อสร้าง “ท่าเรือทูอัส” ทางตะวันตกสิงคโปร์ ที่เริ่มการก่อสร้างในปี 2558 หากเสร็จสิ้นสมบูรณ์เต็มรูปแบบในปี 2583 จะกลายเป็น ท่าเทียบเรืออัตโนมัติขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดในโลก คาดว่าจะมีมูลค่ามหาศาลกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 541 ล้านบาท สามารถรองรับตู้สินค้าได้มากถึง 65 ล้านตู้ต่อปี หรือเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าของปริมาณในปัจจุบันเห็นเพื่อนบ้านเดินหน้ากันคึกคักขนาดนี้ สู้ไหวไหมไทยแลนด์.อมรดา พงศ์อุทัยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม