สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานสถานการณ์ลิ้นจี่ปี 2567 คาดว่า การผลิตลิ้นจี่รวมทั้งประเทศปีนี้ มีเนื้อที่ให้ผล 85,260 ไร่ ลดลงจากปีที่แล้ว 2,435 ไร่ หรือร้อยละ 2.78ให้ผลผลิต 17,045 ตัน ลดลงจากปีที่แล้ว 23,791 ตัน หรือร้อยละ 58.26 ให้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 200 กก. ลดลงจากปีที่แล้วที่ให้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 466 กก. (ลดลงไร่ละ 266 กก. หรือร้อยละ 57.08)เนื่องจากแหล่งผลิตในภาคเหนือ เกษตรกรโค่นต้นลิ้นจี่เพื่อปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น เช่น ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และไม้ผลอื่น เช่น ทุเรียน แหล่งผลิต ในภาคกลาง เกษตรกรปรับเปลี่ยนพื้นที่สวนลิ้นจี่เพื่อปลูกทุเรียน มะพร้าวน้ำหอม และส้มโอสำหรับผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผลคาดว่าลดลง เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาผลตอบแทนไม่จูงใจ เกษตรกรจึงไม่ดูแลรักษา ประกอบกับช่วงเดือนธันวาคม 2566 ถึงเดือนมกราคม 2567 สภาพอากาศหนาวเย็นไม่ต่อเนื่อง ในขณะที่ลิ้นจี่ต้องการอุณหภูมิต่ำประมาณ 15 องศาเซลเซียส ไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์ จึงจะมีการแทงช่อดอก ลิ้นจี่ในปีนี้จึงออกดอกช้ากว่าปีที่แล้ว และบางส่วนแตกใบอ่อนแทนการแทงช่อดอกอย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงสถานการณ์ในแต่ละภาคจะพบว่า ภาคเหนือ เนื้อที่ให้ผลรวม ลดลงร้อยละ 57.07 ภาคกลาง เนื้อที่ให้ผล 6,020 ไร่ ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 1.68 ผลผลิตลดลงร้อยละ 87.91ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื้อที่ให้ผล 3,188 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 3.37 ได้ผลผลิต 1,874 ตัน ลดลงร้อยละ 4.92...แม้เนื้อที่ให้ผลจะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว มีจังหวัดนครพนมเป็นแหล่งผลิตสำคัญ มีต้นลิ้นจี่ที่ปลูกใหม่ในปี 2564 เริ่มให้ผลผลิตได้ในปีนี้เป็นปีแรก แต่เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นไม่ต่อเนื่อง สลับกับมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้ลิ้นจี่ออกดอกล่าช้า และไม่ติดผล ส่งผลให้ผลผลิตลดลงทำให้ภาพรวมของผลผลิตลิ้นจี่ปีนี้จึงลดลง โดยผลผลิตได้เริ่มออกสู่ตลาดมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึงเดือนกรกฎาคม 2567 โดยผลผลิตออกมากสุดในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน และในเดือนมิถุนายนนี้ จะออกประมาณ 8,387 ตัน.สะ–เล–เตคลิกอ่าน "หน้ามองฟ้า เท้าหยั่งดิน" เพิ่มเติม