แอปเปิล เปิดตัว HomePod (รุ่นที่ 2) และ HomePod mini ลำโพงอัจฉริยะอย่างเป็นทางการในประเทศไทยและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมาหลังจากได้เปิดตัวครั้งแรก HomePod (รุ่นที่ 2) เมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา จากการอัปเกรดรุ่นแรกที่มาพร้อมคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม และทรงพลัง รองรับคำสั่งเสียง Siri ที่มีความสามารถมากขึ้น ไม่เป็นเพียงแต่ลำโพงเท่านั้น แต่เป็นอุปกรณ์ควบคุมสมาร์ทโฮมภายในบ้านได้ด้วยหลังจากรอคอยกันมานาน Siri รองรับภาษาไทยแล้ว เข้าถึงความรู้ทางดนตรี ค้นหาเพลงได้ตามต้องการ แอปเปิลจึงพร้อมที่จะนำประสบการณ์ทางด้านเสียงที่น่าประทับใจมาให้สัมผัสกัน กับจดจำเสียงได้ถึง 6 เสียง สมาชิกแต่ละคนในบ้านจึงสามารถรับฟังเพลงในเพลย์ลิสต์ของตัวเองได้ รวมถึงเซ็นเซอร์เสียงที่สามารถตรวจจับควันไฟหรือก๊าซคาร์บอน มอนอกไซด์ แจ้งเตือนมายัง iPhone ได้ รวมถึงเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้น เมื่ออุณหภูมิในห้องอยู่ถึงจุดที่กำหนดจะสั่งให้เปิด-ปิดม่านหรือพัดลมโดยอัตโนมัติได้ในกรณีที่บ้านมีระบบการควบคุมบ้านอัจฉริยะ รองรับมาตรฐาน Matter สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่พัฒนาโดยกลุ่ม Connectivity Stan dards Alliance (CSA) บนความร่วมมือของบริษัทมากกว่า 550 แห่งในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฮมHomePod ออกแบบมาใช้ระบบเสียงเชิงคำนวณ ให้ระบบเสียงตามตำแหน่งที่สมจริง (Spatial Audio) ปรับเสียงแบบเรียลไทม์ ให้เสียงรอบ 360 องศา รองรับ Dolby Atmos มอบระบบเสียงอะคูสติกอันล้ำสมัย ให้เสียงกระหึ่มทั่วห้องด้วยลำโพงเพียงตัวเดียวแบบในสเตอริโอคู่ และเล่นพร้อมกันห้องเดียว ใช้ในห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องครัวและสารพัดห้องได้ ฟังเพลงจากแอป Apple Music ที่มีคลังเพลงกว่า 1 ล้านเพลง หรือเติมเต็มอรรถรสทางด้านเสียงกับการชมโฮมเธียร์เตอร์ผ่าน Apple TV 4kHomePod (รุ่นที่ 2) ใช้ชิป S7 ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีรับรู้การทำงานในระบบเพื่อสร้างระบบเสียงเชิงคำนวณล้ำสมัยยิ่งขึ้น ให้พลังเสียงกระหึ่ม คมชัด สมจริง เสียงเบสที่ทุ้มลึก วูฟเฟอร์แบบ High-excursion ขนาด 4 นิ้ว ไมโครโฟน 4 ตัว เป็นเซ็นเซอร์รองรับการใช้ Siri มีทวีตเตอร์ 5 ตัว สูง 168 มล. และกว้าง 142 มล. หนัก 2.3 กก. มีสีมิดไนท์และสีขาว ราคา 11,490 บาท ขณะที่ HomePod mini มอบพลังเสียงน่าทึ่งในดีไซน์แบบกะทัดรัด ใช้ชิป S5 รองรับการทำงานเหมือน HomePod ตัวใหญ่ เพียงแต่ไม่มีเซ็นเซอร์อุณหภูมิและความชื้น แอปเปิลได้ออกแบบ อะคูสติกเวฟไกด์ เพื่อควบคุมทิศทางการออกของเสียงให้ออกด้านล่างของลำโพง ให้เสียง 360 องศาHomePod mini มีขนาดเล็กลงกว่าครึ่ง แต่ราคาก็เอื้อมถึงได้ง่ายกว่า ความสูง 84.3 มล. กว้าง 97.9 มล. น้ำหนัก 345 กรัม มีสีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีส้ม, สีเหลือง, สีฟ้า, สีเทาสเปซเกรย์และสีขาว ราคา 3,890 บาท ลำโพง HomePod และ HomePod mini ถูกออกแบบมาให้ประสบการณ์เสียงแบบกระหึ่มด้วยลำโพงตัวเดียวแบบสเตอริโอคู่ แต่ยังรองรับกับประสบการณ์อีกระดับด้วยการใช้ร่วมกัน 2 เครื่องขึ้นไป ทั้งในห้องเดียวกันหรือคนละห้องผ่าน AirPlay ให้เล่นเพลงเดียวกันหรือเพลงต่างกัน หรือจะใช้เป็นอินเตอร์คอมเพื่อสื่อสารระหว่างห้องได้สำหรับการใช้ลำโพงคู่เสียงสเตอริโอในห้องเดียวกันค่อนข้างจะจำกัด ต้องใช้รุ่นเดียวกัน ใช้ข้ามรุ่นไม่ได้ เช่น HomePod รุ่น 2 จะต้องใช้รุ่นเดียวกันใช้ร่วม HomePod รุ่นแรกไม่ได้ และ HomePod mini จะต้องใช้คู่กันสองเครื่องทั้ง 2 รุ่นออกแบบมาด้วยผ้าถักแบบตาข่าย พื้นผิวแบบแบ็กไลต์ที่จะสว่างขึ้นแบบขอบจดขอบช่วยให้ลำโพงสวยงามเหมือนอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ด้านบนพื้นผิวสัมผัสใช้เพื่อแตะคำสั่งลำโพง และเรียกให้ Siri ทำงาน ปุ่ม-และ+ ควบคุมระดับเสียง อีกจุดเด่นก็คือการทำงานอย่างไร้รอยต่อร่วมกับอีโคซิสเต็มของแอปเปิล โดยใช้เทคโนโลยี Ultra Wideband ช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้ายสิ่งที่กำลังเล่นอยู่บน iPhone เช่น เพลงโปรด พ็อดคาสต์ หรือแม้แต่สายที่โทรค้างอยู่ มาเปิดเล่นต่อที่ HomePod ได้โดยตรงคุณสมบัติ Find My หรือ ค้นหาของฉัน สามารถสั่งให้ Siri ช่วยหาอุปกรณ์ของแอปเปิลให้ส่งเสียงออกมาเตือนว่าอยู่ไหนได้ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad หรืออุปกรณ์อื่นๆ หลังจากนำมาทดลองใช้งานทั้งสองอุปกรณ์แล้ว ต้องยอมรับ HomePod รุ่น 2 มอบประสบการณ์ฟังเพลงที่สุดยอด เมื่อฟังเพลงจากแอป Apple Music จะให้คุณภาพเสียงสุดยอด เสียงเบสแน่นมากๆ แม้จะใช้เพียงแค่ 1 ตัว และการใช้ลำโพงคู่จะยิ่งรีดเพิ่มประสิทธิภาพออกมา รวมถึงใช้เป็นโฮมเธียร์เตอร์ดูภาพยนตร์จากสตรีมมิงเพิ่มอรรถรสได้ดีมากเหมาะสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์แอปเปิล การใช้งานง่ายมากหลังจากแกะกล่องมาก็ทำการตั้งค่าผ่าน iPhone จับคู่ทำงาน และสั่งผ่าน Siri ได้ทันที ยิ่งตอนนี้สั่งเป็นภาษาไทยยิ่งสะดวกมากๆ การออกแบบสวยงามเหมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่ง แต่ขัดใจตรงสายไฟที่ต้องเชื่อมต่อลำโพง ถ้าเป็นระบบชาร์จใช้แบบไร้สายจะดีไม่น้อย จะไม่เห็นสายไฟรุงรัง ซึ่งจะต้องใช้วิธีการจัดเก็บ ปิดบังสายหรือไม่ก็ต้องออกแบบปลั๊กไฟให้ใกล้ที่วางลำโพง อีกทั้งราคาค่อนข้างจะสูงไปนิดเช่นดียวกัน HomePod mini ลำโพงตัวเล็กแต่ให้พลังเกินตัวไปมาก สายไฟติดกับลำโพงไม่สามารถถอดออกได้นอกเหนือจากนั้นจะเป็นลำโพงอัจฉริยะสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทความไซเบอร์เน็ต” เพิ่มเติม