อุกกาบาตคือหินอวกาศและวัสดุอื่นๆที่เกิดการเผาไหม้ เมื่อตกลงสู่ชั้นบรรยากาศโลก ทำให้เกิดเส้นสว่างบนท้องฟ้า เรียกว่า “ดาวตก” นักดาราศาสตร์ระบุว่า “ดาวหาง” สามารถเป็นแหล่งที่มาของฝนดาวตกได้ เนื่องจากฝุ่นและเศษซากจะถูกขับออกจากดาวหางขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์ ดังนั้น ฝนดาวตกจึงเกิดขึ้นทุกปีหรือเป็นระยะๆเมื่อโลกเราเคลื่อนผ่านเส้นทางของเศษซากพวกนี้ขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์ล่าสุด องค์การนาซา สหรัฐอเมริกา เผยถึงฝนดาวตกที่จะมาอวดโฉมให้เห็นในเดือน พ.ค. เป็นฝนดาวตก Eta Aquariids หรือ “อีตา คนแบกหม้อน้ำ” ซึ่งสถาบัน American Meteor Society เผยว่า “อีตา คนแบกหม้อน้ำ” เกิดขึ้นตั้งแต่ 16 เม.ย. จะมีไปจนถึง 27 พ.ค. โดยมีอัตราสูงสุดในช่วงวันที่ 1-10 พ.ค. พบได้ในช่วงก่อนรุ่งสางทั้งในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ แต่ซีกโลกใต้มีข้อได้เปรียบกว่าตรงที่กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำตั้งอยู่บนท้องฟ้าสูงกว่าในซีกโลกเหนือ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ดูฝนดาวตกในพื้นที่ที่มีท้องฟ้ามืดสนิทที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะดาวตกส่วนใหญ่จะสลัวๆ แต่หากอยู่บนยอดเขาสูงจะสามารถเห็นฝนดาวได้ประมาณ 30 ดวงในแต่ละชั่วโมงนอกจากนี้ฝนดาว ตก “อีตา คนแบกหม้อน้ำ” ยังเกี่ยวข้องกับดาวหางฮัลเลย์ที่มีชื่อเสียงที่สุด ซึ่งใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ 76 ปี ดาวหางนี้เห็นครั้งสุดท้ายบนท้องฟ้าโลกในปี 2529 มีการพยากรณ์ว่าจะกลับมาให้เห็นอีกครั้งในปี 2604 ซึ่งเศษซากที่ปล่อยจากดาวหางฮัลเลย์ทำให้เกิดฝนดาวตก “อีตา คนแบกหม้อน้ำ” นั่นเอง.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่