ผบก.น.2 เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินคดี “บิ๊กต่อ-ภรรยา” เกี่ยวพันเว็บพนันบีเอ็นเคมาสเตอร์ รับเส้นทางการเงิน 32 เส้นเริ่มชัด แต่ต้องรอได้ข้อมูลกลับมาทั้งหมดก่อน ยันคดีคืบหน้า ไม่มี 2 มาตรฐาน ส่วนจะเรียก ผบ.ตร.กับภรรยามาสอบสวนหรือไม่ ต้องรอหลักฐานชัดเจนกว่านี้ก่อน “บิ๊กต่าย” รรท.ผบ.ตร. เปิดใจ สั่ง “รองโจ๊ก” ออกจากราชการเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย น้อมรับการตรวจสอบจากหน่วยงานอื่น ยันยังให้เกียรติ ไม่ติดใจอะไรใครทั้งนั้น “ทนายตั้ม” บุกสำนักงานจเรตำรวจ โร่ร้องเรียนขอเปลี่ยน 1 ในนายตำรวจในคณะทำงานที่เข้าไปช่วย ก.ร.ตร.สอบสวน เพราะเคยฟ้องดำเนินคดีตัวเองหลายคดี สมัยร้องเรียน ผบ.ตร.คนเก่ากรณีไบโอแมทริกซ์ แต่ยังมั่นใจคณะทำงานชุดนี้ แต่สงสัยทีมสอบสวน บช.น.ยื้อคดีกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ถูกแจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน หลังสอบสวนพบเกี่ยวพันเว็บไซต์พนันออนไลน์บีเอ็นเค มาสเตอร์ จน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งให้ “รองโจ๊ก” พร้อมลูกน้อง รวม 5 คน ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ต่อมา รองโจ๊กออกมาเคลื่อนไหวตั้งคำถามตอบโต้รุนแรง ควบคู่ไปกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม หอบหลักฐานเส้นทางการเงินดำเนินคดี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และภรรยา ตามที่เสนอ ข่าวไปแล้วความคืบหน้าจาก สน.เตาปูน เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 26 เม.ย. พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์บีเอ็นเคมาสเตอร์ (BNK Master) และในส่วนที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการ มูลนิธิทีมงานทนายประชาชนร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ ครอบครัว ใช้เวลาประชุมกว่า 1 ชม. พล.ต.ต.อรรถพล เผยว่า วันนี้ประชุมคณะพนักงานสอบสวนครั้งที่ 4 ติดตามความคืบหน้าจากที่ประชุมสั่งการครั้งก่อนมี ประเด็นสำคัญเพิ่มเติมทั้งจากที่เชิญทนายตั้มมาให้ข้อมูลและพนักงานสอบสวนตรวจสอบรวบรวมเพื่อ ยืนยันว่าข้อมูลตรงกันหรือไม่“เรื่องของประเด็นเส้นทางการเงิน พนักงานสอบสวนนำข้อมูลมาวิเคราะห์โดยละเอียด เนื่องจากบัญชีที่จะใช้เป็นหลักฐานต้องมีข้อมูลการผ่านเข้าออก ของเงิน ลำดับเวลาการโอนเงินจากบัญชีหนึ่งไปอีกบัญชีหนึ่ง ขณะนี้ชุดทำคดีได้ข้อมูลมาแล้วบางส่วนแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ กรณีบัญชีทางการเงิน10 กว่าบัญชี ที่ก่อนหน้านี้ระบุว่า ไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากข้อมูลบางส่วนยังต้องขยายผล ไม่ได้ใช้ แค่เฉพาะข้อมูลของทนายตั้ม” ผบก.น.2 กล่าวส่วนข้อสังเกตคดี สน.เตาปูน ดำเนินการกับ ผบ.ตร. ล่าช้ากว่าคดีรองโจ๊ก พล.ต.ต.อรรถพลกล่าวว่า ข้อมูลในส่วน รอง ผบ.ตร. ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมแผนมาหลายเดือน แต่ของ ผบ.ตร.เพิ่งยื่น วันที่ 5 เม.ย. การเรียกใช้พยานหลักฐานของทนายตั้ม พนักงานสอบสวนสอบถามที่มาของข้อมูลว่า ได้มา จากที่ใด ทนายตั้มไม่ได้ให้ที่มาข้อมูล พนักงานสอบสวนจึงต้องขอข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดไม่ตั้งคณะพนักงานสอบสวนเป็นชุดเดียวกับเว็บพนันออนไลน์บีเอ็นเคมาสเตอร์ พล.ต.ต.อรรถพลกล่าวว่า บช.น.มีหนังสือสั่งให้อำนาจพนักงานสอบสวนทำเฉพาะคดีที่เกิดก่อน ไม่ใช่คดีที่เกิดขึ้นขณะนี้ ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนทุกคณะไม่หยุดนิ่ง ทำต่อเนื่อง ฉะนั้นการมีอำนาจสอบสวนหรือไม่ เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดี เชื่อว่าหลังจากนี้ผู้บังคับบัญชาน่าจะแต่งตั้ง ชุดสืบสวนเพิ่มเติม ส่วนคดี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ถือว่าได้ พยานหลักฐานพอสมควรแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผย ข้อมูลได้ ส่วนจะเชิญตัว ผบ.ตร.หรือครอบครัว มาให้ ข้อมูลหรือไม่ ต้องรอพยานหลักฐานชัดเจนก่อน ถือว่าไม่ช้า อยู่ที่ข้อมูลทางการเงินขณะนี้ยังได้ไม่ครบ การทำงานของพนักงานสอบสวนไม่มี 2 มาตรฐาน ดำเนินการต่อเนื่องตลอด มีความคืบหน้าไปมากพอสมควรที่ห้องประชุมอมรวิวัฒน์ บช.ภ.1 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. เผยว่า การดำเนินการ ทุกขั้นตอนในอำนาจหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร. ยึดถือปฏิบัติตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 และ กฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) อย่างเคร่งครัด พิจารณาข้อเท็จจริงและความร้ายแรงแห่งคดี การนำมาตราใดมาปฏิบัติเป็นเรื่องฝ่ายอำนวยการฝ่ายกฎหมายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องประมวลเรื่องเสนอพิจารณาตามบทบัญญัติของกฎหมายทุกอย่าง เมื่อตนฐานะรักษาการ ผบ.ตร.ตัดสินใจดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆแล้วผลที่จะเกิดขึ้น ตนมีหน้าที่ต้องชี้แจง หรือแก้ต่างในกระบวนการยุติธรรม ส่วนนี้คิดว่าเป็น ปกติเช่นเดียวกับที่มองว่า เป็นเรื่องปกติที่ผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ถูกดำเนินการทางวินัยร้ายแรงทุกกรณีไม่จำเป็น ต้องเป็น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เท่านั้น มีสิทธิ์ที่ร้องเรียนต่อ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) และเป็นสิทธิที่จะฟ้องร้องต่อศาลปกครอง“เท่าที่ทราบจะมีการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ที่ทำคดี ต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถือว่าเป็นสิทธิโดยชอบของผู้ถูกกล่าวหาทุกคนสามารถทำได้ ผมมีหน้าที่แก้ต่างหรือชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ขอย้ำว่าผมเตรียมพร้อมรองรับอยู่แล้วไม่ได้ หนักใจด้วยซ้ำ” รรท.ผบ.ตร.กล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาลผู้สื่อข่าวถามการลงนามให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ควรเป็นลำดับขั้นตอนสุดท้าย เหตุใดถึงตัดสินใจทำแบบนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนยันว่า ไม่มีปัจจัยอื่นมาแทรกแซง การพิจารณาเป็นไปตามหลักฐานพยาน ความร้ายแรงของคดี เหตุที่ให้พักหรือออกราชการไว้ก่อนเป็นไปตามบัญญัติไว้ในกฎหมาย ทุกประการ ไม่มีการใช้ความรู้สึกส่วนตัวหรืออคติใดๆ ส่วนกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุว่า การลงนามคำสั่งของรักษาการ ผบ.ตร.มีการบิดเบือนให้นายกรัฐมนตรีลงนามโยกย้ายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กลับมาประจำที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนถูกสั่งให้ออกจากราชการ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า ท่านเป็นถึงนายก รัฐมนตรี ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของชาติ ผมคือตำรวจคนหนึ่งจะเอาอะไรไปหลอกลวงท่าน ยืนยันตนไม่เคยเป็นคู่ขัดแย้งกับใคร แต่ใครจะมองยังไงก็ว่ากันไปส่วนกรณีปลดป้ายชื่อออกจากหน้าห้องทำงานที่สำนักงานตำรวจฯ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า ตนมี อะไรต้องทำมากกว่าไปปลดป้ายชื่อคนอื่น ถ้าจะปลดทำไมไม่ปลดท่าน ผบ.ตร. หรือ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ด้วย ย้ำว่ามีเรื่องอื่นมากกว่าต้องทำ ใครจะปลดเป็นเรื่องต้องพิสูจน์กันไป ตนไม่เอาสมองกับเวลามาทำเรื่องอย่างนี้ คำพูดที่เคยให้ไว้ที่หน้าห้องประชุมศรียานนท์ว่า ให้เกียรติทั้ง 2 ท่าน สัจจะวาจาเป็นเช่นไร คำว่าให้เกียรติยังมี“ส่วนกรณีถูกกล่าวหาว่า กระเหี้ยนกระหือรือจะเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น การเป็นผู้นำองค์กรไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าอยากเป็นหรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ก.ตร. การใช้อำนาจและการพิจารณาตามกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้อง ความคิดเห็นประการใดถือเป็นมุมมองของผู้ถูกกล่าวหา แม้จะถูกกล่าวหาในเรื่องร้ายแรงก็เป็นสิทธิ์ที่คิดได้อยู่แล้ว ผมไม่จำกัดความคิดของใคร ส่วนกรณีนี้เป็นการพิจารณาข้อกฎหมายที่มีความผิดพลาดหรือไม่นั้น เป็นสิทธิ์ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์คิดได้เช่นกัน ต้องเข้าสู่กระบวนการของหน่วยงานต้องพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครอง หรือศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบที่ระบุว่าจะไปยื่นฟ้องเช่นกัน” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ต้องถูกฟ้อง กลับหรือไม่ ถ้าให้ข้อมูลเท็จ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า ตนยังคิดได้เลยว่าคนระดับท่านจะพลั้งเผลอหรือ เป็นมุมมองของแต่ละคน ยืนยันว่าไม่กังวลจะกระทบกับหน้าที่การงาน อะไรจะต้องเกิดจากดุลพินิจขององค์กรต่างๆต้องยอมรับ แต่กรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฝากถึงตนเรื่องจะมีศักดิ์ศรีหรือลาออกนั้น ยืนยันคิดเรื่องตั้งใจทำงานอย่างเดียว อยากบอกความคิดของตนว่า เรื่องศักดิ์ศรี เรื่องติดคุกติดตะราง เรามาเป็นตำรวจต้องเตรียมรับสถานการณ์อยู่แล้ว ทุกวันทุกเวลาคิดแต่เรื่องบำรุงดูแลขวัญตำรวจ ไม่คิดถึงเรื่องติดคุกเลย“ส่วนเรื่องการตรวจสอบขบวนการ 4 ต.ต้องอยู่ที่ข้อเท็จจริงว่า เกี่ยวพันหรือยุ่งเหยิงอย่างไรและมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร มีขั้นตอนต่างๆกำหนดไว้อยู่แล้ว บอกตรงๆว่าไม่เคยคิด ผมอยากใช้ชีวิตเหมือนตำรวจทั่วไป เราเป็นตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และเคารพความคิดของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันทำงานได้กับ ทุกคนไม่มีอคติ และไม่คิดทางลบกับใครทั้งนั้น พร้อมทำงานกับทุกคน เป็นกระบวนการพิสูจน์ทราบว่า มีการกระทำผิดวินัยร้ายแรงเกิดขึ้นหรือไม่ อย่างไร ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย จะไม่ติดใจกรณีถูกกล่าวหาใดๆทั้งนั้น ไม่ได้คิดอะไร ทุกอย่างดำเนินการตามความคิดและขั้นตอน” รรท.ผบ.ตร.กล่าวที่สำนักงานจเรตำรวจ (กองบินตำรวจ) สายวันเดียวกัน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ยื่นหนังสือคัดค้านการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ช่วยเหลือและสนับสนุนการไต่สวนของคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจบางนาย หลังมีรายชื่อตำรวจนายหนึ่งอยู่ในคณะกรรมการซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับตัวเอง เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม นายษิทรา กล่าวว่า วันนี้มายื่นเรื่องคัดค้านคณะกรรมการที่จเรตำรวจแต่งตั้งเพื่อช่วยเหลือ ก.ร.ตร.ไต่สวนเรื่องนี้ ตำรวจคนดังกล่าวยศพันตำรวจเอก สมัยตนร้องเรียนเรื่องไบโอแมทริกซ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทะเลาะกับ ผบ.ตร.สมัยนั้น ปรากฏว่าตำรวจนายนี้ดำเนินคดีตนทุกคดี ดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมจนทะเลาะกันและมีปากเสียงกันบนชั้นศาล หากบุคคลคนนี้มาเป็นผู้ช่วยไต่สวนน่าจะทำให้เรื่องนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม อาจกลั่นแกล้งได้นายษิทรากล่าวต่อว่า วันนี้สายลับเข้าไปให้ปากคำคณะกรรมการชุดที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้น อยู่ระหว่างการให้ปากคำ ทราบว่ามีตำรวจคอมมานโดระดับวีไอพี 2 คนเข้าให้ปากคำด้วย ส่วนเมื่อวานคณะ ก.ร.ตร.มี พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน เพียงคนเดียวที่ว่างไต่สวน แต่สายลับบอกว่า สอบถามรายละเอียดเรื่องสเตตเมนต์ การโอนเงินแต่ละครั้งว่ามีวันที่เท่าไหร่ มีหลักฐานอะไรบ้าง สายลับนำหลักฐานทุกอย่างมามอบให้ ก.ร.ตร.เพิ่มเติมด้วย ก.ร.ตร.อยากเร่งทำความจริงให้ปรากฏจึงเรียกเข้ามาสอบ ยังมั่นใจ ก.ร.ตร.ชุดนี้ แม้ว่า พล.ต.ท.อำนวยดูจะเป็นปรปักษ์กับบิ๊กโจ๊ก แต่ดูจากการทำงานของท่าน มีการดำเนินคดีทั้ง 2 ฝั่งจึงมีความมั่นใจ เพราะขอหลักฐานจากทั้ง 2 ฝั่งอย่างเท่าเทียมกัน คิดว่าผลที่ออกมาจะไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูนายษิทรากล่าวต่อว่า ส่วนการให้ปากคำตำรวจ สน.เตาปูนเมื่อวาน ตำรวจเรียกไปยืนยันว่าเงินที่โอนจากบัญชีของ น.ส.พิมพ์วิไล เป็นการจ่ายเงินเดือนให้ภรรยา ผบ.ตร.หรือโอนให้วัด พยายามให้ไปยืนยันว่าเป็นเงินจำนวนเดียวกัน ตนจึงบอกไปว่าเงินที่โอนเข้าไปรวมกันเข้าบัญชีใหญ่ หากจะถามอะไรแบบนี้จะไปทราบได้อย่างไรว่าเป็นเงินเดียวกันหรือไม่ เพราะเมื่อโอนเข้าบัญชีต้องถูกนำไปใช้ประโยชน์เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินตรงกันวันเดียวหรือจำนวนเดียวกัน หรือไม่ก็เกิดประโยชน์กับการจ่ายเป็นรายเดือนให้กับภรรยา“ใช้คำถามที่ไม่น่าต้องเรียกผมไปสอบถาม และมีเลขบัญชีที่ยื่นไป 9 ตัวแต่ขาดไป 1 ตัว จึงเรียกไปสอบถามข้อเท็จจริงว่า เลขอะไรกันแน่ เสมือนเป็นการยื้อเวลา เรื่องแบบนี้ตำรวจสามารถตรวจเช็กเองได้ตั้งแต่วันแรก ผมบอกให้ไปตรวจสอบบัญชีของนายณัฐพงศ์ นายคชาชาญ และภรรยา ผบ.ตร. ตำรวจสามารถตรวจเช็กได้ หากจะให้ผมไปตอบทุกอย่างโดยไม่สืบสวนสอบสวนอะไร ก็ไม่ใช่เรื่อง จึงนำหลักฐานล่าสุดที่แถลงไปมอบให้เพื่อให้เห็นความชัดเจนเส้นทางการเงิน สงสัยว่าจะเป็นการดึงเวลาหรือไม่ เห็นการทำงานแล้วเกิดความสงสัย” ทนายตั้มกล่าวอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่