โรงงานพลุบึมสนั่นลูก-เมียเจ้าของและคนงานกระเด็นร่างฉีกขาดตายเกลื่อนรวม 23 ศพ ขณะทำงานอยู่ภายใน แรงอัดระเบิดทำให้โครงสร้างอาคารพังราบเป็นหน้ากลอง เศษซากกระจัดกระจายไปกว่า 100 เมตร เจ้าหน้าที่นำศพและเศษอวัยวะไปตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล ตรวจสอบเป็นโรงงานผลิตพลุลูกไข่ไล่นก มีใบอนุญาตถูกต้อง ขณะที่นายกฯสั่งการข้ามทวีปกำชับเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียและเร่งหาสาเหตุเหตุโรงงานผลิตพลุระเบิดลูกเมียเจ้าของและคนงานตายรวม 23 ศพ เปิดเผยเมื่อเวลา 15.30น. วันที่ 17 ม.ค. ร.ต.ท.อมรเทพ วิชิตชาญ รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุโรงงานผลิตพลุระเบิด พื้นที่หมู่ 3 ต.ศาลาขาว ไปตรวจสอบพร้อมนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผวจ.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.พีระพจน์ ระหว่างบ้าน ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์ระเบิด (อีโอดี) เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจาก อบต.ศาลาขาว และดับเพลิงเทศบาลสวนแตง รถดับเพลิง 5คัน และอาสาสมาคมร่วมใจสวนแตงที่เกิดเหตุอยู่กลางทุ่งนาเป็นร่องถนนทางเข้ารถวิ่งได้เพียงเลนเดียว มีร่องน้ำขนานอยู่ด้านข้าง โรงงานมีเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ พบกลุ่มควันดำพวยพุ่งมองเห็นในระยะไกล สภาพโรงงานจากแรงระเบิดทำให้หลังคา ตัวอาคาร เศษเหล็ก และข้าวของกระจัดกระจายเป็นวงกว้างไกลกว่า 100 เมตร นอกจากนี้ยังพบชิ้นส่วนของมนุษย์กระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยตกอยู่รอบพื้นที่เป็นที่น่าสยดสยอง เจ้าหน้าที่กั้นพื้นที่ยังไม่ให้เข้าไปใกล้โรงงาน เพราะยังมีเศษประทัดและพลุหลงเหลือเป็นบางจุดต้องฉีดน้ำเป็นละอองขึ้นไปบนท้องฟ้ากว่า 30 นาที จากนั้นกลุ่มควันเริ่มเป็นสีขาว อาสาสมาคมร่วมใจสวนแตงนำผ้าขาวไปคลุมศพที่กระเด็นออกมาหลายศพรอเจ้าหน้าที่ พฐ.มาตรวจสอบ ขณะเดียวกันญาติคนงานที่อยู่ในโรงงานต่างมาเฝ้าดูเหตุการณ์ร่ำไห้เพราะติดต่อญาติไม่ได้ คาดเสียชีวิตในที่เกิดเหตุขณะเดียวกัน ตำรวจตรวจสอบโรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานผลิตพลุลูกไข่ไล่นก จดทะเบียนในนาม นางแสงเดือน ปานจันทร์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 2 ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี จดทะเบียนถูกต้อง มีคนงานรวมนายจ้าง 23 คน คาดเสียชีวิตทั้งหมด 23 ศพ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อผู้เสียชีวิตและผู้รอดชีวิตให้แน่ชัดอีกครั้งสอบถามชาวบ้านอยู่ในละแวกใกล้กันทราบว่า โรงงานแห่งนี้มีคนงาน 23 คน ช่วงเกิดเหตุยังไม่ทราบว่ามีคนงานอยู่กี่คน ต้องรอการตรวจสอบ เบื้องต้นพบร่างมีผู้เสียชีวิต 18 ศพ แต่ยังไม่ยืนยันจำนวนที่แน่นอน เนื่องจากศพที่พบเป็นซากชิ้นส่วนของผู้ตายที่ฉีกขาดเป็นชิ้นกระจัดกระจายเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 30 พ.ย.65 โรงงานแห่งนี้เคยเกิดเหตุการณ์พลุระเบิดมาแล้ว แต่ในครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัส 3 คนด้านนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผวจ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุโรงงานพลุระเบิด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลและเจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าตรวจสอบพื้นที่ ขณะนี้ไฟดับแล้วยังอยู่ระหว่างการเข้าสำรวจพื้นที่ สำหรับจำนวนผู้ที่เสียชีวิตที่เข้าไปทำงานในวันนี้ยังไม่แน่ชัดแต่มีประมาณ 20 ราย เพราะเป็นลูกจ้างรายวันมีคนมาทำงานแต่ละวันไม่เท่ากัน แต่ชื่อที่ออกไปตอนนี้มีประมาณ 20 ราย ยังไม่พบผู้ที่รอดชีวิตที่อยู่ภายในโรงงานออกมา ตอนนี้ยังเข้าไปไม่ได้มีแต่เจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าไปได้เท่านั้น ทางจังหวัดเตรียมช่วยเหลือสำหรับกรณีผู้เสียชีวิต หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นทางกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาทางสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม สำนักนายกรัฐมนตรี มีระเบียบเกี่ยวข้องกับการเยียวยาให้กับผู้ที่เสียชีวิตในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ขึ้นมานายณัฐภัทรกล่าวอีกว่า โรงงานแห่งนี้ขออนุญาตต่อนายทะเบียนที่อำเภอเมืองสุพรรณบุรีอย่างถูกต้อง เป็นใบอนุญาตแบบปีต่อปี การขออนุญาตของผู้ประกอบการรายนี้เป็นการทำแบบเครือญาติ เคยเกิดเหตุพลุระเบิดมาเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว หลังจากนี้ต้องพิจารณาอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพราะคนที่มาขอเป็นแบบเครือญาติปีนี้ลูก ปีหน้าเป็นแม่ขอเป็นใบอนุญาตแบบปีต่อปี โรงงานนี้อยู่กลางทุ่งนาไม่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ลำเลียงศพและเก็บชิ้นส่วนผู้เสียชีวิตรวบรวมไปที่วัดโรงช้าง หมู่2 ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลที่เสียชีวิตมีใครบ้าง มีผู้บาดเจ็บและรอดชีวิตกี่คน อยู่ระหว่างตรวจสอบส่วนบรรยากาศที่วัดโรงช้าง หมู่ 2 ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ตั้งโต๊ะรับเรื่องตรวจสอบญาติผู้เสียชีวิตเพื่อยืนยันรูปพรรณและตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้แล้ว 20 ศพ ประกอบด้วย 1.น.ส.น้ำฝน เกิดนอก 2.นางพเยาว์ บุญกล่อม 3.นางบุญเกื้อ ทองสัมฤทธิ์ 4.นางรัชนี พันธ์ตัน 5.นายรุ่งโรจน์ อุ่มน้อย 6.นางสมนึก บุญกล่อม 7.นางมานพ วาดพันธ์อินทร์ 8.น.ส.พรทิพย์ พันธ์แตง 9.นายเก่ง ไม่ทราบนามสกุล 10.นางเตือนใจ ยิ้มแย้ม 11.นายสำราญ สายทอง 12.นายสมควร แจ้งวิถี 13.นางสุชาดา พันธุ์เผือก 14.นางภัสสร นาคสมพงษ์ 15.นายทวีศักดิ์ ทองสัมฤทธิ์ 16.นางรำไพ เคนมา 17.นายโสพล สอยค้าข้าว 18.นายตั้ม ปานจันทร์ 19.นางแหม่ม ขวัญอ่อน และ 20.นางแสงเดือน ปานจันทร์ (เมียเจ้าของโรงงาน) ส่วนอีก 3 ศพ ยังไม่สามารถระบุตัวตนขณะที่นายสุริยา วัชระพิมลมิตร เจ้าของโรงงานเป็นสามีนางแสงเดือน เดินทางมาที่เกิดเหตุ บอกว่าช่วงเกิดเหตุไม่อยู่โรงงาน ไปส่งพลุ ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ด้านนายธนวุฒิ บุญมา สามี น.ส.สุชาดา พันธุ์เผือก (ผู้เสียชีวิต) เปิดเผยว่า เมียทำงานที่โรงงานพลุมาประมาณ 3 ปี ตอนระเบิดครั้งที่แล้วเมียวิ่งหนีทัน วันนี้ภรรยาออกจากบ้านมาตั้งแต่ 7 โมงเช้า จ้างเป็นงานเหมาได้เงินเฉลี่ยวันละ 300-400 บาท ครอบครัวเสียใจมาก ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง อยู่ระหว่างไปเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF) ต่อสายโทรศัพท์ถึง พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 สอบถามสถานการณ์พลุระเบิดที่ จ.สุพรรณบุรี ด้วยตัวเอง สอบถามทั้งจำนวนผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ทั้งนี้นายกฯถึงกับตกใจและแสดงสีหน้าที่มีความกังวล เมื่อได้รับรายงานจาก ผบช.ภ.7 ว่าเบื้องต้นประมาณการผู้เสียชีวิตอาจมีถึง 20 ราย เนื่องจากยังไม่สามารถหาตัวผู้ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ได้ และยังไม่สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิต ก่อนสั่งกำชับว่า ขอให้ช่วยนำคนบาดเจ็บออกมาจากพื้นที่นำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว และให้เตรียมสถานที่รองรับผู้บาดเจ็บ ขอให้ดูแลอย่างเต็มที่ก่อน ส่วนที่ว่าโรงงานจะผิดกฎหมายหรือไม่ ค่อยดำเนินการตามขั้นตอนภายหลัง ถ้ามีอะไรให้รัฐบาลช่วยเหลือขอให้แจ้งมายังสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลพร้อมช่วยเหลืออย่างเต็มที่และขอให้รายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องทุกชั่วโมง นอกจากนี้ นายกฯยังสั่งการไปยัง ผวจ.สุพรรณบุรี โดยทวีตข้อความผ่าน X ว่า “ฝากท่านผู้ว่าฯสุพรรณบุรีช่วยเหลือทันที และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและญาติผู้เสียชีวิตด้วยครับ”พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งให้เร่งคลี่คลายสถานการณ์ช่วยเหลือประชาชนในบริเวณเกิดเหตุและโดยรอบ ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ตรวจสอบโรงงานดังกล่าวว่าดำเนินการถูกกฎหมายหรือไม่ และเหตุระเบิดเกิดจากความประมาทหรือไม่ ต้องดำเนินการตามกฎหมายถึงที่สุด ทั้งนี้ สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรีและตำรวจพื้นที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และเร่งตรวจสอบกรณีดังกล่าวโดยด่วนเพราะโรงงานแห่งนี้ เมื่อเดือน พ.ย.65 เคยเกิดระเบิดไฟลุกไหม้แล้วครั้งหนึ่ง มีคนงานถูกไฟคลอกเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 3 ราย ก่อนจะกลับมาเปิดทำการผลิตพลุอีกและเกิดเหตุระเบิดขึ้นในครั้งนี้ด้านนายสรชัด สุจิตต์ สส.สุพรรณบุรี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ขณะนี้ทุกภาคส่วนเข้าไปวางแผนจัดการเพราะต้องพิสูจน์อัตลักษณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ประสานที่จะช่วยติดตามดูแลจิตใจครอบครัวผู้สูญเสีย ตอนนี้อยู่ขั้นตอนการเก็บข้อมูลและวางแผน และหาพื้นที่ใช้พิสูจน์อัตลักษณ์โดยด่วนนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เรื่องการช่วยเหลือเยียวยาจะไปดูในเชิงระบบสิ่งที่ สธ.ขาดไม่ได้คือทีมประเมินสภาพจิตใจ MCATT พร้อมแล้วจะลงไปดูว่า ผู้เกี่ยวข้องญาติใกล้ชิดต่างๆ ว่าสภาพจิตใจจะเป็นอย่างไร รับผลกระทบขนาดไหน จะคัดออกมาแล้วเยียวยาไป ทีมแพทย์หรือสถานบริการที่มีในพื้นที่น่าจะรองรับได้อยู่ เมื่อถามว่าผลกระทบจากสารเคมีของพลุที่ระเบิดอาจจะฟุ้งกระจาย ต้องมีการเฝ้าระวังในพื้นที่ด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า ต้องเฝ้าระวังด้วยว่าตัวที่ระเบิดมีสารเคมีอะไรบ้าง จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่น่าจะเป็นดินประสิวบรรจุเพื่อทำพลุต่างๆอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่