ในศาสนาฮินดู มีลัทธิศักดิครับ ลัทธินี้ถือว่า ชายาของเทพองค์หนึ่งๆ คือผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของเทพองค์นั้นเช่น พระปารวตี กุมอำนาจของพระศิวะ พระสรัสวตี กุมอำนาจของพระพรหม และพระลักษมี กุมอำนาจของพระวิษณุ (ถอดรหัสสัญลักษณ์ปริศนาฯ ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ สำนักพิมพ์สารคดีพิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ.2562)เมื่อมีลัทธิศักดิที่มีเค้าว่าหญิงเป็นใหญ่กว่าชาย ในศิลปะ ศาสนาฮินดู จึงมีพระศิวะอีกปาง...ที่ดูประนีประนอม ยอมให้หญิงกับชายรวมอยู่ในร่างเดียวกันเพียงแต่ผู้ชายอยู่ซีกขวา ผู้หญิงอยู่ซีกซ้าย พระศิวะปางนี้ เรียก อรรธนารีศวรพระศิวะปางนี้มีความเป็นมาอย่างไร และสื่อความหมายถึงอะไรตำนานกล่าวว่า เมื่อแรกสร้างจักรวาล พระพรหมสร้างมนุษย์เพศชายเพียงเพศเดียว แต่เมื่อพระพรหมรู้ว่าแค่เพศชายเพศเดียว มนุษย์ขยายเผ่าพันธุ์ในโลกไม่ได้ จึงบวงสรวงขอให้พระศิวะเสด็จลงมาแนะแนวทางแก้ปัญหาพระศิวะท่านรู้งาน ไม่อยากเหนื่อยแรงบอกกล่าว จึงเสด็จมาในปาง อรรธนารีศวร มีทั้งเพศชายและเพศหญิงในร่างเดียวกัน เสียเลย...ตำนานเล่าอีกว่า ทันทีที่พระพรหมได้ยลโฉม อรรธนารีศวร หญิงชายอยู่ในร่างเดียวกัน ท่านก็เข้าใจแจ่มแจ้งในกำลังเสริมของเพศคู่ อันจะนำมาซึ่งความสมบูรณ์ และการถือกำเนิดของชีวิตใหม่คำว่า อรรธนารีศวร มาจากสามคำ ได้แก่ อรรธ แปลว่าครึ่ง นารี แปลว่า ผู้หญิง อิศวร แปลว่าพระผู้เป็นเจ้า หมายถึงเทพเจ้าที่เป็นสตรีครึ่งหนึ่งมีการตีความหลายความหมาย ความหมายแรกนี่คือสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่า พระผู้เป็นเจ้านั้นเป็นทั้งชายและหญิง ไม่ได้เป็นชายอย่างเดียวหรือหญิงอย่างเดียวความหมายต่อมา พลังแห่งเพศชายและพลังแห่งเพศหญิงเติมเต็มซึ่งกันและกัน ไม่อาจแยกจากกันได้ ดร.บัญชา เปรียบเปรย การตีความแบบนี้ ฟังแล้วไปกันได้กับปรัชญา หยิน-หยาง ของจีนพระอรรธนารีศวรส่วนใหญ่ที่พบ มักอยู่ในท่ายืนสามแบบ แบบแรก อภังค์ (ยืนตรง) แบบสอง ตริภังค์ (ยืนเอียงสะโพกเล็กน้อย) แบบสาม อติภังค์ (ยืนเอียงสะโพกมากเป็นพิเศษ)สัตว์ที่มักพบอยู่กับพระอรรธนารีศวร คือโคนนทิ ซึ่งเป็นพาหนะของพระศิวะ และมีเสือหรือสิงโต ซึ่งเป็นพาหนะของพระปารวตียังมีเกร็ดความรู้เพิ่มเติม แม้พระอรรธนารีศวรจะดูเผินๆเหมือนชายครึ่งหญิงครึ่งเท่ากัน แต่การที่ร่างกายฝ่ายชายอยู่ด้านขวา และร่างด้านซ้ายเป็นฝ่ายหญิงนั้น ก็ยังมีคนอุตส่าห์ตีความซ่อนลึกไว้ว่า “ชายใหญ่กว่าหญิง”เพราะในวัฒนธรรมอินเดียถือว่า ด้านขวาเหนือกว่าด้านซ้ายความเชื่อนี้ บรรดาพวกศักตะ หรือพวกที่นับถือลัทธิ “ศักดิ” ทนไม่ได้ จึงสร้างประติมากรรมหรือภาพวาดกลับด้าน สร้างให้ขวาเป็นหญิง ซ้ายเป็นชาย เพื่อย้ำความเชื่อดั้งเดิมแต่สมัยดึกดำบรรพ์หญิงต่างหากเล่าที่ใหญ่กว่าชายอย่างแน่นอนบางบ้านเมืองใกล้ๆ เกิดมีปัญหาผู้นำสองคน...เขาก็มีทางออกง่ายๆให้ผู้ชายวุ่นวายอยู่กับการงานบ้านเมือง อยู่แต่ในทำเนียบ...ส่วนทางพรรคซึ่งที่จริงก็เป็นแหล่งก่อเกิดอำนาจการเมืองทั้งปวงนั้น เขายกให้ผู้หญิงแต่ความจริงนั้น ก็รู้ๆกันอยู่แก่ใจ...คนพรรคนั้น เป็นพรรคลัทธิศักดิ แตกต่างจากแบบอินเดียที่เมียใช้อำนาจทุกอย่างของผัว ตรงที่ลูกหญิงกุมอำนาจทั้งปวงของเทพผู้เป็นพ่อ.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม