มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ของ รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เห็นความชัดเจนอยู่ด้านเดียวคือ ปัญหาหนี้สินที่ชาวบ้านไปกู้ยืมเงินนอกระบบมาใช้จ่ายมีจริง และ มีจำนวนมาก โดยพบว่า คนในเมืองใหญ่ เช่น กทม. สงขลา นครราชสีมา สมุทรปราการ ส่วนใหญ่มีหนี้นอกระบบทั้งสิ้น ส่วนจำนวนลูกหนี้และเจ้าหนี้นอกระบบ ยังประมาณการไม่ได้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เพราะความไม่ชัดเจนของนโยบาย เป็นเพียงแค่การลงทะเบียนและจับคู่ให้เจ้าหนี้กับลูกหนี้ไปตกลงกัน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและสรรพากร เป็นกรรมการ ทีนี้แหละว้าวุ่นเลยเพราะ เจ้าหนี้นอกระบบกลุ่มใหญ่ ที่มีต้นตอมาจาก การฟอกเงินผิดกฎหมาย คงไม่ทะเล่อทะล่ามาแสดงตนแน่นอน กลุ่มเจ้าหนี้เหล่านี้สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน จากแก๊งทวงหนี้และเก็บดอกมหาโหด ที่ไปลงทะเบียนส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าหนี้ระดับชาวบ้านทั่วไป ดังนั้น ถ้าขาดองค์ประกอบสำคัญคือมีแต่ลูกหนี้ไปลงทะเบียนแต่ไม่มีเจ้าหนี้คู่กรณี นโยบายนี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จเพราะ ภาครัฐไม่ได้รับภาระหนี้ให้กับลูกหนี้ แค่เป็นการลงทะเบียนรวบรวมข้อมูลหนี้นอกระบบเท่านั้นเมื่อไปดูกลไกลด้านกฎหมายที่จะใช้ในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบโดยการไกล่เกลี่ยประนีประนอม ทางแพ่งจะประกอบด้วย พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 61/1 และมาตรา 61/2 พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 พ.ร.บ.การเล่นแชร์ พ.ศ.2534 พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 พระราชกฤษฎีกากำหนดทุนทรัพย์การไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่งอื่น พ.ศ.2565 และคำสั่งมหาดไทยในการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ซึ่งถ้าพบว่าเจ้าหนี้มีพฤติกรรมการกระทำผิดอย่างใดอย่างหนึ่งทั้งทางแพ่งและทางอาญา จะต้องรายงานให้กระทรวงมหาดไทยทราบทุกวันที่ 15 ของเดือนทั้งนี้ได้มอบหมายให้ตั้ง ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ ประกอบด้วยกลไกของข้าราชการท้องถิ่นภายใต้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ปฏิบัติ มีทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้ว บุคคลเหล่านี้ หรือบริวาร ก็อยู่ในสถานะการเป็นเจ้าหนี้นอกระบบอยู่ด้วย เกิดการลูบหน้าปะจมูกส่วนกรณี หนี้สินของข้าราชการ ที่อยู่ใน ระบบเงินกู้ของสหกรณ์ มีทั้งสิ้น 3 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ กระทรวงศึกษาธิการ มีอยู่ประมาณ 8 แสนราย กระทวงสาธารณสุข 2 แสนราย ข้าราชการตำรวจ อีก 2.3 แสนราย อยู่ในระบบการหักเงินเดือนอยู่แล้ว ซึ่งมีรายได้ไม่พอกับรายจ่ายและเป็นลูกหนี้นอกระบบอยู่ด้วยเช่นกัน เนื่องจากเมื่อถูกหักการชำระหนี้ไปแล้วจะเหลือเงินใช้จ่ายไม่ถึง 30% ของเงินเดือน แม้ทางรัฐบาลเตรียมเสนอหาทางออกให้สามารถขยายงวดชำระเงินต้นออกไปจนถึงอายุ 75 ปีก็ตามจะว่าไปแล้วไม่ว่าจะเป็นหนี้ในระบบหรือนอกระบบ ก็มาจากฐานปัญหาเดียวกันคือ รายรับไม่พอกับรายจ่าย ไม่ว่าจะมีการไกล่เกลี่ย หรือประนอมหนี้อย่างไร ถ้าไม่มีเงินมาชำระหนี้ก็เป็นปัญหาดินพอกหางหมูอยู่ดีไปแก้ปัญหาที่ปลายเหตุก็เท่ากับแก้ปัญหาแบบดินพอกหางหมู.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม