พื้นที่อันกว้างใหญ่ในระบบสุริยะของเรา ยังมีหลายสิ่งที่เป็นความลึกลับ ดาวเคราะห์แคระอีริส (Eris) ก็เป็นหนึ่งในความลึกลับนั้น เนื่องจากดาวดวงนี้ซ่อนตัวอยู่สุดขอบดาวเนปจูนอันห่างไกล แต่ดาวเคราะห์แคระดวงนี้กลับหลบเลี่ยงการสำรวจโดยตรงเรื่อยมา นับตั้งแต่ถูกค้นพบในปี พ.ศ.2548ดาวเคราะห์แคระอีริสมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 2,325 กิโลเมตร ขนาดเล็กกว่าดาวพลูโตเล็กน้อย แต่โดดเด่นตรงที่มีความหนาแน่นของหินมากกว่า ทำให้มีมวลมากกว่าดาวพลูโตถึง 25% นักดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาครูซ ในสหรัฐอเมริกา เผยเมื่อเร็วๆนี้ถึงธรรมชาติอันเป็นปริศนาของอีริส หลังจากศึกษาการเคลื่อนไหวของวงโคจรของอีริสกับดิสโนเมีย (Dysnomia) ที่เป็นดวงจันทร์บริวารของมัน ทำให้แยกแยะรายละเอียดที่สำคัญเกี่ยวกับโครงสร้างภายในและองค์ประกอบของอีริสได้ นักดาราศาสตร์ระบุว่า อีริสต่างจากดาวพลูโตที่มีน้ำแข็งปกคลุมมหาสมุทรใต้พื้นผิว เพราะอีริสอุดมไปด้วยหิน บ่งบอกถึงประวัติของการสัมผัสกับความร้อนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งคาดว่าอีริสน่าจะเผชิญกับความร้อนในช่วงเวลาหนึ่ง จนทำให้หินจมลงสู่ใจกลางดวงดาว และยังระบุอีกว่าไม่มีมหาสมุทรที่เป็นของเหลวภายในอีริสทั้งนี้ อีริสตั้งชื่อตามเทพีแห่งความแตกแยกของกรีก มันโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยระยะทางเฉลี่ย 68 เท่าของโลก กว่าจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ให้ครบหนึ่งรอบ ต้องใช้เวลาถึง 557 ปี ส่วนดวงจันทร์ดิสโนเมียก็ตั้งชื่อตามธิดาในตำนานของเทพีอีริส มีบทบาทคล้ายกับดวงจันทร์บริวารของโลก ในแง่มีอิทธิพลต่อการโคจรของดาวเคราะห์แม่นั่นเอง.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่