ยังตั้งหลักอยู่ รออีก 1 ปี ถึงเห็นผลงานเป็นประจักษ์โดยเฉพาะบรรดานโยบายเรือธงที่สังคมคาดหวังมาก อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง นายสติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ขยับมุมคิดหลังรัฐบาลเปิดแถลงผลงาน 60 วันโดยสรุปเปรี้ยงว่านับเป็นผลงานที่พอประคับประคองรัฐบาลเท่านั้น งานแบบนี้แถลงหรือไม่ ไม่สำคัญที่ผ่านมารัฐบาลหลายชุดพยายามแสดงให้เห็นว่า ทำนั่นทำนี่เป็นร้อยเป็นพัน แต่ประชาชนกลับสัมผัสได้ว่ามันเป็นงานประจำของข้าราชการ ไม่มีบรรดา ครม. กลไกรัฐก็ทำอยู่แล้วแบบนี้มันเสียของสิ่งที่รัฐบาลควรทำให้สังคมเห็น คือถ้าไม่มีรัฐบาล นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ผลงานรัฐบาลชิ้นนี้ย่อมไม่เกิดขึ้น ตรงนี้ต่างหากที่ควรเร่งทำให้ประชาชนรู้สึกว่า เป็นผลงานของรัฐบาลโดยเฉพาะในยุค “รัฐบาลสลายขั้ว-ข้ามขั้ว” จนเกิดขั้วใหม่ขึ้น ขั้วเดิมก็คงไม่ถึงขนาดสลายซะทีเดียว และยังปรากฏขั้วใหม่อีกสายหัวก้าวหน้าประชาธิปไตยจ๋า มองพรรคเพื่อไทยยืนอยู่ฝ่ายนี้ ต้องการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ (รธน.) ทั้งฉบับ ไม่ใช่เฉพาะแค่แก้ไข รธน.เท่านั้นรัฐบาลตกอยู่ในอาการกระยึกกระยักมันตอกย้ำความรู้สึกต่อประชาชนอีกขั้วหนึ่งว่า พรรคเพื่อไทยข้ามขั้วไปจริงๆ นับเป็นโจทย์อีกข้อหนึ่งที่สังคมได้เห็นในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาลทั้งที่แก้ทันทีได้ โดยเปิดประตูทำประชามติ ตามศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยไว้แล้ว แค่ตั้งคำถามประชามติ กำหนดวันทำประชามติ ยากอะไรแค่ตั้งคำถาม และกำหนดวันลงประชามติ ไม่ต้องศึกษารับฟังมากมายแบบนี้รัฐบาลก็ชัดเจนขอเวลาอีกสักพักถึงแก้ ไม่อยากให้เร็วเกินไป เพราะยังมีอีกหลายโจทย์ที่ต้องพิสูจน์ฝีมือของตัวเองด้วยฉะนั้น 1 ปี ต้องเริ่มนับหนึ่งทำประชามติ “นายกฯ พูดหลายครั้ง ตั้งรัฐบาลรอบนี้เทหมดหน้าตัก แต่มีประชาชนถามอยู่ทุกวัน เป็นหน้าตักของความเป็นตำนานที่สำเร็จในยุคไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทยใช่ไหมยอมเทหมดหน้าตัก ทำทุกวิถีทางกลับมาเป็นรัฐบาลในรอบเกือบ 10 ปี ท่ามกลางประชาชนคาดหวังความสำเร็จแบบที่เคยได้รับในยุคก่อนๆหน้านี้โดยเฉพาะแบรนด์เพื่อไทย คือเศรษฐกิจ ตัวชูโรงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต สมัยไทยรักไทยเหมือนมีมาสเตอร์แพลนอยู่แล้ว เป็นรัฐบาลปุ๊บแปลงเป็นแอ็กชันแพลนแต่วันนี้คิดใหญ่ ทำเป็นค่อยๆ ขยับไปทีละนิด เหมือนกลับมานั่งนับหนึ่งใหม่หลังเป็นรัฐบาล เหมือนไม่ใช่สไตล์เพื่อไทยที่ประชาชนคุ้นเคย”เกิดจากกลไกรัฐที่รัฐบาลเดิมวางขุมกำลังไว้ยาวเกือบ 10 ปี รัฐบาลก้านยาวขยับอะไรดูติดขัดไปหมด นายสติธร บอกว่า มีส่วนเป็นไปได้ ในแง่การปฏิบัติที่ฝ่ายประจำไม่รับลูกทันทีวันนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น อยู่ที่ตัวนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่ชัด ไปโทษกลไกระดับปฏิบัติที่ไม่ตอบสนองนโยบายก็ไม่ได้และเอาเข้าจริงอาจไม่ใช่ปัญหาตรงนั้น เพราะเวลาพูดถึงรัฐบาลข้ามขั้ว เหมือนกับขั้วเดิมที่อยู่มาเกือบ 10 ปี ก็ยังอยู่ในอำนาจแค่เอาพรรคเพื่อไทยมาสวมเป็นหัว นั่งตำแหน่งนายกฯ และคุมกระทรวงบางส่วนในโควตาสัดส่วนพรรคเพื่อไทย และเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทยผลักดันนโยบายเรือธงได้แต่ต้องฟังเสียงฝ่ายค้ำบัลลังก์อำนาจให้ด้วย“เมื่อสลายขั้วมารวมกันก็ต้องฟังกระแสของกองเชียร์ฝ่ายนี้ด้วย แน่นอนเขาไม่เลือกเพื่อไทย แต่จำเป็นต้องเปิดใจรับเพื่อไทยเข้ามาเขากลัวฝั่งก้าวไกลมากกว่า เมื่อเพื่อไทยมาอยู่ข้างนี้ ก็ผลักอีกข้างไปอยู่อีกขั้วชัดเจน คราวนี้จะถล่ม หรือเชียร์เพื่อไทยแบบไม่ลืมหูลืมตาก็ไม่ได้ ปัญหาแบบนี้ทำให้การผลักดันนโยบายใหญ่ๆ ไม่รวดเร็วทันใจกองเชียร์ฐานของเพื่อไทย และต้องปรับให้เข้ากับอีกฝ่ายที่ไม่เลือกเพื่อไทยยอมรับได้เพราะเพื่อไทยเป็นรัฐบาลตลอดรอดฝั่ง ก็ต้องพึ่งพาเสียงในส่วนนี้ด้วย ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่”รัฐบาลพิเศษสลายขั้วมาพร้อมกับนโยบายแก้รธน.และออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แก้ รธน.รัฐบาลขยับให้เห็น แต่นิรโทษกรรมยังไม่ขยับ นายสติธร บอกว่า นิรโทษกรรมเป็นโจทย์เก่า คราวนั้นทำให้รัฐบาลล่ม โดยถูกรัฐประหารเมื่อตั้งรัฐบาลสลายขั้ว กลับมาคุยเรื่องนี้เลยได้หรือไม่ อาจไม่ง่ายขนาดนั้น เวลาพูดถึงมันไปกระทบอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในรอบ 4-5 ปีหลังนิรโทษกรรมรวมคดี 112 หรือไม่เป็นโจทย์แรงอยากถามใส่รัฐบาล ถ้าพูดถึง 112 ย่อมกระทบต่อฐานเสียงที่ไม่เลือกพรรคเพื่อไทย และมีจุดยืนตรงข้ามพรรคก้าวไกล เขาอินมากกับ 112 แต่เขาเปิดรับพรรคเพื่อไทยที่ได้สลายขั้วมาอยู่ด้วยกันแล้วขณะเดียวกันซอฟต์พาวเวอร์เป็นโจทย์ใหม่แห่งอนาคต ที่รัฐบาลถูกตั้งคำถามทุกวัน เป็นจุดขายชู น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำรุ่นต่อไปของพรรคเพื่อไทยช่วยทำให้รัฐบาลถูกตั้งความคาดหวังไว้สูง บนสถานการณ์เทหมดหน้าตัก ตัวซอฟต์พาวเวอร์เหมือนเป็นหน้าตักใหม่ที่เข้ามาเติม หวังรีเทิร์นกลับมาทั้งหมด แต่ไม่ง่ายต้องยอมรับรัฐบาลเพื่อไทยรอบนี้ไม่ค่อยราบรื่น ปัจจัยหนึ่งเกิดจากผลการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่ไม่ประสบผลสำเร็จข้อหนึ่งที่สำคัญ เป็นโจทย์ที่ต้องคิดหนัก พรรคเพื่อไทยอาจปรับตัวไม่เข้ากับความคาดหวังใหม่ของกลุ่มคนที่เกิดไม่ทันตำนานพรรคไทยรักไทย ไม่มีความผูกพันกับความสำเร็จในยุคนั้นเห็นได้จากนโยบายนี้ลงไป นอกจากไม่ได้แต้มเพิ่ม ยังโดนถล่มทุกวัน กลายเป็นบาดแผลให้ถูกโจมตีซ้ำเข้าไปอีก แค่หลุดคำว่า “ช็อกมินต์” ถูกตั้งคำถามด้านลบทันทีต่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทยบรรดานโยบายเรือธงในรอบ 2 เดือนไม่ชัดเจน แล้วทำไมมองการประเมินผลงานรอบ 60 วัน เป็นแค่การประคับประคองของรัฐบาล นายสติธร บอกว่า บนอุปสรรคขวากหนามถึงขั้นมีการระบุว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยอยู่ไม่ได้นาน เปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร คงถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่ แต่ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นความหวังเดียวของขั้วอำนาจหนึ่ง ที่รู้สึกว่าพรรคก้าวไกลเป็นภัยคุกคาม ถึงอย่างไรต้องเก็บพรรคเพื่อไทยไว้ธรรมชาติรัฐบาลผสมควรอยู่ไม่ได้นาน ไม่มีเสียรภาพ มันจึงมีเสถียรภาพ และพรรคร่วมรัฐบาลไม่พร้อมเลือกตั้ง ฉะนั้นอภิปรายมายกมืออย่างไรก็ชนะ สถานการณ์มันเอื้ออีกคนคือคู่เทียบ ประชาชนคาดหวังสูงกับรัฐบาล เมื่อเทียบกับรัฐบาลชุดเดิมทำมาตรฐานไว้กลางๆมาก เป็นระดับรัฐบาลใหม่ แค่เติมอะไรลงไปกระตุ้นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีแรกรัฐบาลมีผลงานเชิงบวกด้านเศรษฐกิจแน่กำลังบอกว่าประชาชนต้องการเห็นรัฐบาลโชว์ฝีมือผลักดันโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล นำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลดิจิทัล เงินบาทดิจิทัล ตามนโยบายของพรรคเพื่อไทย นายสติธรบอกว่า ถูกต้องถ้ารัฐบาลไม่ขยับขับเคลื่อน ตกอยู่ในสภาพยึกๆ ยักๆ เลือกตั้งคราวหน้าอีกขั้วหนึ่งมีโอกาสได้ สส.เพิ่มขึ้นแน่ เพราะประชาชนคาดหวังเห็นการเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้างเช่น รัฐบาลดิจิทัล เศรษฐกิจดิจิทัล เหมือนการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต อย่าคิดแค่แจก ต้องวางโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลให้ประเทศไทยด้วยทำได้พรรคเพื่อไทยย่อมมีโอกาสกลับมาโดยพรรคก้าวไกลขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม