ตำรวจสืบนครบาล-สืบจังหวัดยะลาเอาจริงตามรวบสองพ่อ-ลูกขายปืนในราคากระบอกละ 1.6 หมื่นบาท ให้เด็กชายวัย 14 นำไปก่อเหตุกราดยิงในห้าง ก่อนขยายผลถึงคนขายกระสุนและแมกกาซีนพบติดต่อซื้อกันทางออนไลน์ขณะเด็กพักอยู่ในคอนโดฯ ย่านยานนาวา เผยตำรวจรู้สนามจุดซ้อมยิงแล้ว เตรียมสอบเจ้าหน้าที่สนามถึงประเด็นปืนและผู้พาไป รองอธิบดีกรมพินิจระบุเด็กผู้ก่อเหตุอยู่ระหว่างปรับตัว-เก็บตัวเงียบไม่ฟูมฟาย อยู่ในขั้นประเมินสภาพจิตเสนอต่อศาล ขณะที่ มท.1 เรียกประชุมวางมาตรการสั้น-ยาว “แบลงก์กัน บีบีกัน สิ่งเทียมปืน” ต้องมีทะเบียน ห้ามอนุญาตเปิดร้านปืนใหม่ “ดีอีเอส” ปิดแล้วกว่า 500 เว็บไซต์ขายปืนผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับกรมศุลฯรับลูกเข้มนำเข้าปืนกรณีคนร้ายเด็กชายวัย 14 ปี แต่งกายในชุดพร้อมรบ ก่อเหตุใช้ปืนกราดยิงประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ตั้งอยู่ในพื้นที่ธุรกิจการค้าใจกลางกรุงเทพฯจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง คล้อยหลังไม่ถึง 2 ชั่วโมง ตำรวจ สน.ปทุมวันและหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ เบื้องต้นพบผู้ก่อเหตุมีอาการคล้ายป่วยทางจิต พบประวัติเคยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล พ่วงด้วยอาการเสพติดการเล่นเกม หลังเหตุการณ์ครั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องเริ่มตระหนักถึงภัยร้ายแรงของสังคมไทยที่สามารถเสาะหาอาวุธปืนในช่องทางต่างๆเพื่อนำมาครอบครองโดยง่าย ขาดการควบคุมอย่างเป็นระบบ ก่อนสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งกวาดล้างตัดวงจรการซื้อ-ขายอาวุธปืนผิดกฎหมาย ยกระดับความเข้มการออกใบอนุญาตครอบครองปืน รวมทั้งแก้กฎหมายให้มีความเหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน รวบ 2 พ่อลูกขายปืนให้เด็ก 14ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 5 ต.ค. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฏ์ ผบก.ภ.จ.ยะลา สนธิกำลังชป.สืบสวน 1 และ ชปส.กก.สส.ภ.จ.ยะลา เข้าจับกุมนายสุวรรณหงษ์ พราหมณ์คณาจารย์ อายุ 44 ปี นายอัครวิชญ์ ใจทอง อายุ 22 ปี สองผู้ต้องหาพ่อลูกที่จำหน่ายปืนให้เด็กชายวัย 14 ปี นำไปก่อเหตุกราดยิงในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ จ.932/2566 ลงวันที่ 4 ต.ค.66 และ จ.933/66 ลงวันที่ 4 ต.ค.66 ตามลำดับ ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธและเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลางลูกกระสุนแบลงก์กัน 209 นัด ท่อเหล็กตัดท่อนเพื่อทำเป็นลำกล้องปืน 33 ท่อน สมุดบัญชีธนาคารกรุงไทย 2 เล่ม สลิปกดเงินของธนาคารจำนวนหนึ่ง แมกกาซีนปืน 9 อัน และอุปกรณ์ดัดแปลงอาวุธปืนอื่นๆรวม 27 รายการ จับกุมได้ที่บ้านพักเลขที่ 64/1 ถนนเวฬุวัน ต.สะเตง อ.เมืองยะลาพบสั่งซื้อปืนในพื้นที่ สน.ยานนาวาการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. มอบหมาย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ติดตามเร่งรัดขยายผลที่มาของอาวุธปืนที่เด็กชายวัย 14 ปีนำไปก่อเหตุครั้งนี้ ต่อมาตำรวจ สน.ยานนาวา เจ้าของพื้นที่คอนโดที่เด็กชายผู้ก่อเหตุพักอาศัยอยู่ และเป็นสถานที่สั่งซื้อปืนทางออนไลน์ ขอศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับกุม หลังตำรวจรวบรวมหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าผู้ต้องหาทั้งคู่เป็นผู้ที่ขายปืนแบลงก์กันให้กับเด็กชายผู้ก่อเหตุซื้อปืนราคา 1.6 หมื่นทางเฟซบุ๊กแนวทางการสืบสวนพบเด็กชายอายุ 14 ปี ซื้อปืนแบลงก์กันผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นปืนยี่ห้อ กล็อก 19 จำนวน 1 กระบอก ในราคา 16,000บาทจากนายสุวรรณหงษ์ ก่อนนายสุวรรณหงษ์ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ยะลา ด้วยตัวเอง ส่วนนายอัครวิชญ์ ลูกชาย เป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “กุนซือ ยาบี” เป็นช่องทางในการขายอาวุธปืนแบลงก์กัน เปิดมาแล้วประมาณ 5 เดือน ก่อนที่จะปิดลงไปเมื่อวันที่ 5 ต.ค.หลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน เบื้องต้นผู้ต้องหาพ่อลูกคู่นี้ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาจับเพิ่มคนขายแม็ก-กระสุนต่อมาเวลา 10.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่างผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส.บช.น. รรท. ผกก.3 บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. นำหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ 931/2566 ลงวันที่ 4 ต.ค.66 จับกุมตัวนายปิยะบุตร เพียรพิทักษ์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/290 ซอยนาวงประชาพัฒนา 19 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ได้ที่ริมถนนพระรามที่ 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. ของกลางปืนแบลงก์กัน 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน หลังชุดสืบสวนพบผู้ต้องหารายนี้มีความเชื่อมโยงกับคดีเด็กชายวัย 14 ปี กราดยิงในห้างสยามพารากอน โดยเป็นผู้ขายกระสุนปืนและแม็กกาซีนให้กับผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นนายปิยะบุตรให้การอ้างว่าเป็นเพียงตัวกลางระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย เพราะมีเครดิตดีอยู่ในกลุ่ม เคยสั่งของมาใช้เองแล้วได้ของจริง ได้ค่าตอบแทนเป็นการเลี้ยงอาหารหรือเงินไม่เกิน 500 บาทเป็นค่าตอบแทน จากนั้นชุดจับกุมคุมตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นที่บ้านพักย่านดอนเมืองพบของ กลาง ปืนปากกา 1 กระบอก แมกกาซีน 2 อัน กระสุนปืน 380 จำนวน 50 นัด ปลอกกระสุนปืน 380 จำนวน 10 ปลอก และสมุดบัญชีธนาคาร 1 เล่ม ขยายต่อไปถึงแหล่งผลิตปืนจากนั้นเวลา 13.10 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.น.8 พ.ต.อ.วัชรพล สุวนันทวงศ์ ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ ร่วมกันนำหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ 487/2566 ลงวันที่ 4 ต.ค.66 เข้าตรวจค้นทาวน์เฮาส์เลขที่ 17 ท้ายซอยประชาอุทิศ 65 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. หลังสืบทราบมาว่าเป็นสถานที่ผลิตและดัดแปลงปืนแบลงก์กัน จับกุมนายวีรยุทธ์ นทีธร หรือโอ ยี่เรือ อายุ 41 ปี ของกลางกระสุนปืนขนาดต่างๆหลายสิบนัด ปลอกกระสุนจำนวนมาก แมกกาซีน 40 อัน ถังทดสอบอาวุธปืน 1 ถัง ยาไอซ์ 6 กรัม พร้อมอุปกรณ์การเสพ นำตัวไปตรวจหาสารเสพติดพบฉี่เป็นสีม่วง โดยพล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า ชุดสืบสวนพบผู้ต้องหาขายอาวุธปืนผ่านช่องทางออนไลน์มานานกว่า 2 เดือน ส่วนสถานที่จับกุมเป็นแหล่งผลิตปืนและลำกล้อง รวมถึงแมกกาซีนบรรจุกระสุน ผลการตรวจค้นพบชุดกันเสียงอุปกรณ์การไลฟ์สดและกล่องทดสอบการยิงปืน กองพิสูจน์หลักฐานจะนำไปเปรียบเทียบกับหัวกระสุนที่พบในเหตุกราดยิงในห้างว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ทำมานานเคยต้องโทษ 2 คดีสอบสวนพบนายวีรยุทธ์เรียนจบชั้น ปวส.สาขาช่างยนต์สถาบันอาชีวะแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต ก่อนทำงานเป็นช่างยนต์และหันมาเล่นปืนบีบีกัน ก่อนหันมารับจ้างดัดแปลงปืนเป็นอาชีพหลักและเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการกลุ่มลับ พร้อมย้ายมาเช่าที่อยู่อาศัยในพื้นที่ทุ่งครุได้ประมาณ 6 เดือน มีรายได้เดือนละ 30,000 บาท เงินที่ได้นำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและซื้อยาเสพติด ตรวจสอบประวัติพบเมื่อปี 58 เคยต้องคดีเกี่ยวกับการผลิตอาวุธปืนในพื้นที่ สน.บางยี่เรือ ถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปี และยังเคยต้องโทษคดีครอบครองแอมเฟตามีนพื้นที่สน.วังทองหลางสอบจนรับขายปืนให้เด็ก 14 จริงที่ สน.ยานนาวา เวลา 15.20 น. ตำรวจชุดจับกุมควบคุมตัวนายสุวรรณหงษ์ พราหมณ์คณาจารย์ อายุ 44 ปี นายอัครวิชญ์ ใจทอง อายุ 22 ปี พ่อลูกชาว จ.ยะลา ที่ขายอาวุธปืนให้เด็กชายผู้ก่อเหตุ รวมถึงนายปิยะบุตร เพียรพิทักษ์ อายุ 31 ปี ผู้ขายและส่งกระสุนปืนให้ผู้ก่อเหตุครั้งแรกมาสอบปากคำเพิ่มเติม มี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น ร่วมสอบปากคำเบื้องต้นในห้องประชุม ต่อมา พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยหลังสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสามว่า จากการสอบสวนพบนายสุวรรณหงษ์ และนายอัครวิชญ์ ไม่รู้จักกับนายปิยะบุตร เพียงแต่ผู้ก่อเหตุได้ติดต่อซื้อปืนแบลงก์กันและกระสุนปืนคนละที่ เบื้องต้นนายสุวรรณหงษ์และนายอัครวิชญ์ยอมรับว่าได้ผลิตปืนแบลงก์กันจริง เปิดขายมา 1-2 ปี อยู่ระหว่างเก็บข้อมูลทั้งหมดว่ามีการจำหน่ายจ่ายแจกไปให้ใครบ้างเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้สองพ่อลูกไม่ทราบว่าคนซื้อเป็นเด็กอายุ 14 ปี เนื่องจากมีการพูดคุยกันผ่านไลน์ในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. ซึ่งผู้ขายไม่ได้ให้ความสนใจว่าลูกค้าอายุเท่าไหร่ เพียงแค่ต้องการขายสินค้าเท่านั้น ตรวจสอบข่าวเด็กกู้เงินมาซื้อปืน“ส่วนที่มีรายงานว่าเด็กชายผู้ก่อเหตุไปกู้เงินมาซื้อปืนกระบอกละ 16,000 บาท ยังให้รายละเอียดไม่ได้ ว่าไปกู้มาจากที่ใดหรือใช้เงินส่วนตัว เพราะตอนนี้ยังไม่สามารถสอบปากคำเด็กผู้ก่อเหตุได้ การออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมยังอยู่ระหว่างดำเนินการ สำหรับกรณีที่มีภาพปรากฏว่าเด็กอายุ 14 ปี ได้ไปซ้อมยิงปืนที่สนามยิงปืนแห่งหนึ่ง ประเด็นนี้พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน จะเป็นผู้สอบสวน ขณะนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนและกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต” พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวตะลึง พฐ.เจอปลอกกระสุนเกือบครึ่งร้อยมีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า หลังเกิดเหตุตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุภายในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ตั้งแต่ชั้นเอ็ม ชั้นจี ชั้น 2 และชั้น 3 พบร่องรอยการก่อเหตุและความเสียหายจากคมกระสุนจากการกราดยิงกระจายอยู่ทั่วห้าง โดยเฉพาะชั้น 2 และชั้น 3 พบร่องรอยความเสียหายกระจายทั่วบริเวณ โดยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานสามารถเก็บปลอกกระสุนกระจายเกลื่อนกว่า 40 ปลอก พบมากสุดที่ชั้น 2 และชั้น 3 ของห้าง แถมยังพบความเสียหายจากคมกระสุนอีกหลายจุด นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบไปยังผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บพบถูกยิงรวมกันทั้งสิ้น 11 นัดรู้สนามที่เด็ก 14 ซ้อมยิงแล้วพล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6 เผยถึงกรณีคลิปที่ปรากฏภาพผู้ต้องหาเด็กชายวัย 14 ปี เข้าไปซ้อมยิงปืนภายในสนามแห่งหนึ่ง มีครูฝึกสวมชุดลายพรางทหารเป็นผู้ควบคุมดูแลในช่องยิง ซึ่งในภายหลังพบเป็นสนามยิงปืนหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ถนนเจริญกรุง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.ว่า สั่งการให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำในประเด็นวันที่ผู้ต้องหาไปยิงปืนนั้นไปกับใคร ไปเมื่อไหร่ มีการใช้ปืนที่ให้เช่าประจำสนาม หรือนำอาวุธปืนของใครไปยิง ทั้งนี้ไม่อยากให้ไปโจมตีสนามยิงปืน เพราะทุกที่ต้องมีนโยบายรับนักท่องเที่ยวทั้งที่เป็นสมาชิกและไม่ได้เป็นสมาชิกเดินทางเข้าไปเช่าอาวุธปืนและซื้อกระสุนเพื่อทดลองซ้อมยิงอยู่แล้ว ครูฝึกหรือนายสนามจะคอยสังเกตการณ์ควบคุมดูแลความปลอดภัยให้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคงไม่มีใครทราบว่านักเรียนหรือลูกค้าที่เเวะเวียนมายิงปืนในสนามจะกลายเป็นผู้ต้องหาในอนาคตบ้านเมตตาเฝ้าประเมินสภาพจิตอีกด้าน น.ส.ศิริประกาย วรปรีชา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เปิดเผยถึงกรณีกระบวนการรับตัวเด็กชายวัย 14 ปี ที่ก่อเหตุกราดยิงในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนว่า จากการที่ได้รับตัวที่สถานแรกรับเด็กและเยาวชนชายบ้านเมตตา ถนนสรรพาวุธ บางนา เมื่อช่วงเย็นวันที่ 4 ต.ค. ทราบว่า บิดาของเด็กชายได้เดินทางมาส่งด้วยเพราะมีความเป็นห่วงลูกชาย ส่วนขั้นตอนการแรกรับนักจิตวิทยา นักจิตแพทย์ พ่อบ้านแรกรับหรือพ่อบ้านแห่งบ้านเมตตาจะร่วมกันพูดคุยสอบถามในเบื้องต้น รวมถึงประเมินสุขภาพจิตเบื้องต้นร่วมด้วย และเด็กชายจะได้รับการกักโรคโควิด-19 ก่อน 5 วัน ระหว่างนี้จะมีการประเมินเรื่องสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง และจะประสานปรึกษาร่วมกับแพทย์เฉพาะทางของสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ หากแพทย์มีความเห็นว่าเด็กชายมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตในขั้นที่ต้องเข้ารับการรักษาจะต้องทำรายงานพร้อมแนบความเห็นแพทย์เสนอต่อศาลเยาวชนฯ เพื่อศาลรับทราบว่าจะมีการส่งต่อเด็กชายไปนอนพักเข้ารับการรักษาตัวที่สถาบันกัลยาณ์ฯแทน เป็นหลักปกติทั่วไปที่เด็กรายใดมีอาการจิตเวชร่วมด้วยนั้นถูกส่งต่อดูแลโดยเเพทย์เฉพาะทาง แต่หากเด็กชายได้รับการประเมินสุขภาพจิตและพบว่าอยู่ในขั้นที่ไม่วิกฤติหรือน่าเป็นกังวล จิตแพทย์และนักจิตวิทยาจะร่วมกันกำหนดกระบวนการรักษา ระหว่างรอการพิจารณาคดีของศาลเยาวชนฯ เด็กชายจะใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนคนอื่นๆในบ้านเมตตาเพื่อเป็นการละลายพฤติกรรมและพัฒนาพฤตินิสัย ต้องสอบประวัติ-พฤติกรรมใหม่หมดน.ส.ศิริประกายกล่าวต่ออีกว่า ระหว่างการควบคุมตัวเด็กชายที่บ้านเมตตา เจ้าหน้าที่กรมพินิจฯต้องลงพื้นที่เพื่อสืบเสาะแสวงหาพยานหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเด็กชาย ทั้งประวัติส่วนตัว การศึกษา การใช้ชีวิต กิจกรรมที่ชอบทำ ความสัมพันธ์กับเพื่อนและครอบครัว เพื่อเจ้าหน้าที่จะนำข้อมูลที่รวบรวมได้นั้น จัดทำเป็นรายงานเสนอต่อศาลเยาวชนฯเพื่อใช้พิจารณาประกอบขั้นตอนต่างๆ ส่วนจะอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่ หรือมีคำสั่งให้คุมประพฤติ หรือใช้วิธีการอื่นแทน ทั้งหมดเป็นดุลพินิจของศาลเก็บตัวเงียบ–ไม่ซึมเศร้า–ค่อยๆปรับตัว“จากการได้รับรายงานพบหลังการรับตัวและประเมินสุขภาพ เด็กชายไม่ค่อยพูดจา อาจเพราะเพิ่งเข้ามายังสถานพินิจฯยังมีความไม่คุ้นชิน และยังไม่ได้รับแจ้งว่าเด็กชายได้แสดงความประสงค์ไม่อยากอยู่ที่นี่หรือเรียกร้องกลับบ้านและไม่ค่อยอยากรับประทานอาหารแต่อย่างใด แน่นอนว่ามีอาการวิตกกังวลบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะทุกคนรู้ว่าจะต้องถูกแยกอาจกังวลเรื่องความเป็นอยู่ของตัวเอง แต่ยังไม่มีอาการร้องไห้ฟูมฟายหรือซึมเศร้าผิดปกติ อยู่ระหว่างการค่อยๆปรับตัว นอกจากนี้ยังทราบว่าบิดาของเด็กชายค่อนข้างเสียใจในเหตุครั้งนี้” น.ส.ศิริประกายกล่าวทั้งหมดอยู่ในดุลพินิจของศาลต่อข้อถามว่าผู้ปกครองจะขอนำตัวเด็กชายไปรักษาตัวภายนอกกับแพทย์เองได้หรือไม่ น.ส.ศิริประกายตอบว่า ผู้ปกครองต้องยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนฯ เพื่อให้ศาลมีคำสั่งแจ้งกลับว่าอนุญาตหรือไม่ ในส่วนของสถานพินิจฯจะรับหน้าที่เป็นสถานที่สำหรับเด็กที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล หากศาลมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องขอของผู้ปกครอง ศาลจะมีเอกสารแจ้งมายังสถานพินิจฯเพื่อให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลและผู้ปกครองจะต้องเดินทางมายังสถานพินิจฯเพื่อเซ็นเอกสารสำหรับการรับตัวเด็ก ทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการใดๆ ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นกับเด็กชายหลังจากนี้ ศาลเยาวชนฯจะต้องรับทราบทุกเรื่อง เพราะเรื่องการตัดสินใจใดๆของผู้ปกครองที่มีผลต่อเด็กถือเป็นเรื่องสำคัญสั่งห้ามค้า–นำเข้าสิ่งเทียมปืนที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมพิจารณาควบคุมการครอบครองพกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุน สิ่งเทียมปืนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ที่ประชุมกำหนดมาตรการควบคุมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน สิ่งเทียมปืน เป็นมาตรการระยะสั้น คือ 1.ให้นายทะเบียนอาวุธปืนทั่วประเทศ (นายอำเภอในต่างจังหวัด/อธิบดีกรมการปกครองใน กทม.) งดออกใบอนุญาตให้สั่ง นำเข้าหรือค้าสิ่งเทียมอาวุธปืนทุกชนิด (สำหรับผู้รับใบอนุญาตรายเดิมที่จะสั่งนำเข้าเพิ่มเติม) และไม่อนุญาตให้รายใหม่ขออนุญาตเป็นผู้ค้า สั่งนำเข้า สิ่งเทียมอาวุธปืนเพิ่มอีก 2.ให้ผู้ครอบครองแบลงก์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืน ที่อาจดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ นำแบลงก์กัน บีบีกันหรือสิ่งเทียมอาวุธปืนที่ครอบครองอยู่ ไปแสดงและทำบันทึกต่อนายทะเบียนตามภูมิลำเนา 3.ให้กรมศุลกากรตรวจสอบการนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืน โดยเฉพาะ แบลงก์กันและบีบีกัน ที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนอย่างเข้มงวด 4.ให้การกีฬาแห่งประเทศไทยกำกับดูแลสนามยิงปืนที่ได้จดทะเบียนเป็นสมาคมกีฬา ห้ามผู้มีอายุไม่เกิน 20 ปี เข้าสนามยิงปืน ยกเว้นได้รับอนุญาตจากนักกีฬาทีมชาติ ห้ามนำกระสุนปืนออกนอกสนามเด็ดขาด 5.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ งดออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวงดใบอนุญาตเปิดร้านปืนใหม่6.กระทรวงมหาดไทยไม่มีนโยบายดำเนินการโครงการอาวุธปืนสวัสดิการให้กับประชาชนทั่วไปแต่จะให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีความจำเป็นต้องใช้ สามารถพกได้คนละหนึ่งกระบอกและห้ามโอน และหากเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นเจ้าของปืนเสียชีวิต ปืนดังกล่าวจะตกเป็นของทายาทต่อไป 7.ให้นายทะเบียนงดการออกใบอนุญาต สั่งนำเข้าอาวุธปืนของร้านค้าอาวุธปืนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งหมายถึงจะไม่อนุญาตให้เปิดร้านขายปืนรายใหม่เกิดขึ้น 8.ขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมปราบปราม และ ปิดเว็บไซต์ เพจออนไลน์ซื้อขายอาวุธปีนเถื่อน และสิ่งเทียมอาวุธปืนดัดแปลงเป็นอาวุธปืน โดยขอให้รายงานผลการปฏิบัติให้กระทรวงมหาดไทยทราบทุก 15 วัน ระยะยาวต้องแก้ไข พ.ร.บ.ปืนฯนายอนุทินกล่าวต่ออีกว่า สำหรับมาตรการระยะยาว จะมีการแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และ สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 โดย (1) ต้องมีเอกสารใบรับรองแพทย์ที่รับรองเรื่องสุขภาพจิตภาวะทางจิตใจ ที่ผู้ขออนุญาตซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน (2) ความหมายบทนิยามของคำว่า “สิ่งเทียมอาวุธปืน” ไม่ให้หมายความรวมถึง แบลงก์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนอื่น ที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ง่าย (3) กำหนดให้ผู้ที่จะซื้อสิ่งเทียมอาวุธปืนที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ ต้องยื่นคำขอ ต่อนายทะเบียนอาวุธปืน (4) ผู้ครอบครองอาวุธปืนทั่วประเทศทั้งรายเดิมที่มีอยู่แล้วและรายใหม่ ที่อาจจะมีเพิ่มขึ้น จะต้องนำอาวุธปืน มายิงทดสอบเก็บข้อมูลหัวกระสุนทุกกระบอก (5) ให้ใบอนุญาตมีและใช้อาวุธปืนที่มีอายุของใบอนุญาต ซึ่งผู้ที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้ว จะต้องนำอาวุธปืนมารายงานตัว กับนายทะเบียน ในทุก 5-10 ปี เพื่อพิจารณาต่ออายุใบอนุญาต เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามาตรการระยะสั้น 8 ข้อ จะมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ นายอนุทินตอบว่า อธิบดีกรมการปกครองจะไปร่างหนังสือสั่งการเพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด“แบลงก์กัน-บีบีกัน” ต้องมีทะเบียนเมื่อถามว่าปืนที่มีการครอบครองอยู่อย่างแพร่ หลายในขณะนี้จนทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จะมีการกวาดล้างอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ในส่วนปืน ที่มีทะเบียนอยู่เราก็ทราบว่าเป็นของใคร ส่วนบีบีกันก็ขอให้มาขึ้นทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ ต่อไปอาวุธปืนและสิ่งเทียมปืนเราก็จะทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่และเป็นของใคร หากมีการเปลี่ยนมือและเกิดปัญหาขึ้นมาเจ้าของปืนก็ต้องรับผิดชอบ รวมถึงคนที่มีบีบีกัน หากไม่มาขึ้นทะเบียนตามกรอบเวลาที่กรมการปกครองต้องถือว่าผิดกฎหมายด้วย ผู้ที่พกปืนในที่สาธารณะถือว่าผิดกฎหมายทั้งนั้น ประชาชนในประเทศนี้ไม่สามารถที่จะพกปืนไปไหนมาไหนได้ตามสะดวก จากรายงานของตำรวจผู้ที่มีใบอนุญาตหรือใบพกปืน ไม่เคยมีใครทำผิด ผู้ที่ก่อเหตุคือผู้ที่ทำผิดกฎหมายทั้งนั้น เช่น พกปืนเถื่อน สรุปตอนนี้ห้ามพกพา ห้ามเอาไปไหนมาไหนและห้ามซื้อใหม่ ใครมีก็เก็บไว้ที่บ้านไว้ดีๆก็แล้วกัน โดยเฉพาะเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหากนำไปใช้เจ้าของปืนจะมีความผิดกรมศุลฯตรวจเข้ม “แบลงก์กัน”นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สั่งการกำชับกรมศุลกากรเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจปล่อยสินค้าประเภทแบลงก์กัน บีบีกันและสิ่งเทียมอาวุธปืน รวมถึงการตรวจสินค้าสำแดงที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าอื่นด้วย โดยต้องตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย บทบาทของกรมศุลกากรทำได้เพียงเข้มงวดตรวจสอบสินค้านำเข้าตามใบอนุญาต ผมสั่งกำชับไปแล้วให้เข้มงวดตรวจสินค้านำเข้าให้มากยิ่งขึ้นตท.-กก.ประชุมสร้างความเชื่อมั่นนายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ (ตท.) น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) ร่วมเปิดเผยถึงมาตรการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวว่า หลังประชุมคณะกรรมการเพื่อเตรียมความพร้อมในมาตรการป้องกันเหตุ ที่ ประชุมได้มีมติโดยสรุป 4 มาตรการคือ 1.สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการเพิ่มกำลังพลเจ้าหน้าที่ในแหล่งชุมชน 2.ประสานกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อขอความร่วมมือปิดเว็บไซต์ และช่องยูทูบที่ขาย ดัดแปลง และสอนวิธีประกอบอาวุธปืนแบลงก์กัน 3.ประสานกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลัง เพื่อเข้มงวดในการนำเข้าอุปกรณ์ดังกล่าวต้องได้รับใบอนุญาตจากระทรวงมหาดไทยเท่านั้น เพื่อป้องกันการซื้อได้ง่ายจากเยาวชน 4.กระทรวงดิจิทัลฯได้นำแอปพลิเคชันเตือนภัยมาใช้แจ้งเตือนเหตุการณ์ลักษณะที่เกิดเหตุ โดยจะแถลงให้ทราบต่อไป สำหรับการดำเนินคดีตามกระบวน การยุติธรรมนั้น ยืนยันเป็นไปตามกฎหมายไทยแน่นอน กระทรวงยุติธรรมชี้แจงแล้วว่าผู้กระทำความผิด อยู่ในขั้นตอนไหน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายนำร่องระบบเตือนภัยในทำเนียบฯนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดทำระบบแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินผ่านข้อความว่า กระทรวงดีอีเอสได้ดำเนินการทำอีเมอร์เจนซี่ โมบายล์ อะเลิร์ท มีการทดลองใช้ในบริเวณทำเนียบรัฐบาลก่อน โดยเอไอเอสและทรูได้ทดสอบระบบโลเกชัน เบส เซอร์วิส (แอลบีเอส) เข้าสู่ระบบแล้ว หากเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งภัยพิบัติ ระบบจะแจ้งเตือนภัยผ่านข้อความได้ทันที ในพื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ส่วนการทำเซลล์ บรอดแคสต์ ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ ซึ่งหากดำเนินการทำเซลล์ บรอดแคสต์ได้ จะเป็นระบบเตือนภัยที่มีความเสถียรสามารถแจ้งเตือนประชาชนครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ประสานงานไปยัง กสทช. และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทั้ง 2 ค่ายแล้ว ส่วนเรื่องคอมมานด์ เซ็นเตอร์ จะเร่งรัดหารือกับนายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการจัดตั้งศูนย์นี้ต่อไปปิด 500 เว็บไซต์ขายปืนผิด ก.ม.เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการปิดเว็บไซต์ขายปืนในโลกออนไลน์ นายประเสริฐตอบว่า สั่งการแล้วเดิมทีต้องใช้อำนาจศาล แต่ตอนนี้ทางกระทรวงสามารถสั่งปิดได้เลย อย่างเมื่อวันที่ 4 ต.ค.เราสามารถปิดเว็บไซต์ผิดกฎหมายได้ถึง 500 เว็บไซต์ จากเดิมที่สั่งปิดได้เพียงไม่กี่เว็บไซต์ ซึ่งมาจากการแก้ไขกฎระเบียบบางอย่าง รวมทั้งในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ กระทรวงได้ประสานงานขอความร่วมมือไปแล้ว แต่ตัวเลขในส่วนเว็บไซต์ที่ขายปืนผิดกฎหมายทั้งหมดต้องรอทางฝ่ายข้อมูลแจ้งมาก่อนพัฒนามือถือทุกเครื่องรับแจ้งเหตุได้นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทสช.) กล่าวว่า ระบบเตือนภัยจะแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรกเป็นระบบแอลบีเอส เป็นการแจ้งเตือนผ่านเอสเอ็มเอส อาจใช้เวลาประมวลผลนาน แต่เป็นการแจ้งเตือนเบื้องต้นที่เร็วที่สุด ระยะที่สองเป็นระบบเซลล์บรอดแคสต์ ประธาน กสทช.จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อขออนุมัติโครงการ โครงการนี้มีลักษณะที่ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องไหน เมื่อผ่านบริเวณที่เกิดเหตุสามารถรับข้อความเตือนเข้าโทรศัพท์มือถือได้ทันที นายกฯสั่ง “พวงเพ็ชร” เยี่ยมคนเจ็บนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ให้นำกระเช้าดอกไม้ของนายกฯ ไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์กราดยิงทั้ง 3 โรงพยาบาลที่มีผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ โดยจะเดินทางไปที่ รพ.กรุงเทพคริสเตียน ซึ่งมีผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ 1 ราย จากนั้นจะเดินทางต่อไปยัง รพ.จุฬาลงกรณ์ ซึ่งมีผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ 3 ราย และที่ รพ.ตำรวจ มีผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่1รายก.ก.จวกยุค คสช.ปืนเกลื่อนเมืองที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ระบบ การแจ้งเตือนภัยกรณีเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนว่า นอกจากระบบการเตือนภัยแล้ว เรื่องจำนวนอาวุธปืนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก พรรคก้าวไกลเคยอภิปรายเรื่องนี้ในสภาฯสมัยที่แล้วว่าในช่วงหลังรัฐประหารปี 2557 มีการเพิ่มจำนวนการอนุญาตปืนมากเป็นพิเศษ ทำให้จำนวนปืนต่อจำนวนประชากรในสังคมไทยสูงมากเป็นอันดับที่ 2 ในอาเซียน เป็นเงื่อนไขทำให้ประชาชนเข้าถึงอาวุธปืนได้ง่ายเกินไปและเป็นเงื่อนไขทำให้เกิดการไปใช้ก่อความรุนแรงได้ง่าย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทยโดยตรง ถ้าให้ดีควรไปตรวจสอบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต รมว. มหาดไทย ด้วยว่าทำไมถึงมีการให้ใบอนุญาตอาวุธปืนมากเป็นประวัติศาสตร์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสธ.-พารากอนเปิดศูนย์เยียวยาที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดศูนย์ดูแลเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงโดยจัดตั้งศูนย์เป็นเวลา 1 สัปดาห์ นพ.ชลน่านกล่าวว่า สธ.ร่วมกับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เปิดศูนย์ Care D Space ซึ่งเป็นศูนย์ดูแลเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง โดยส่งแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยาเข้าประเมินสภาพจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งผู้อยู่ในเหตุการณ์ ผู้เกี่ยวข้อง ผู้ใช้บริการของห้าง และพนักงาน มีผู้เข้ารับการประเมิน 23 คน พบมีความเครียดมาก 9 คน ส่งต่อให้แพทย์ให้คำแนะนำและประเมินอาการมอบรางวัลเจ้าหน้าที่ผู้เกลี้ยกล่อมที่ กก.ศูนย์รวมข่าว บก.สปพ. เมื่อเวลา 13.45 น. พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ. มอบใบประกาศเกียรติคุณแก่ตำรวจ 2 นาย คือ ร.ต.อ. พศวัต จงจิตร รอง สว. ชุดปฏิบัติการ กก.ศูนย์รวมข่าว บก.สปพ. ส.ต.ต.ธนชาต ใจสุภาแสน ผบ.หมู่ ชุดปฏิบัติการ กก.ศูนย์รวมข่าว บก.สปพ.และเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์รับแจ้งเหตุ 5 คน ประกอบด้วย นายประกรชัย ลี่แตง น.ส.อัปสร เสียงล้ำเลิศ น.ส.รำไพ พรหมสุข น.ส.สุรีรัตน์ ยิ้มสมบัติ และนายพรเทพ ขาวสะอาด ที่มีส่วนในการเจรจาพูดคุยกับเด็กผู้ก่อเหตุ และประสานข้อมูลในการเข้าระงับเหตุการณ์ยิงหมู่ในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน มี พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล รอง ผบก.สปพ.เข้าร่วม พล.ต.ต.ภานพ เปิดเผยว่า ในขณะเกิดเหตุมีการประสานข้อมูลเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ใช้ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า ประสานงานกับศูนย์วิทยุนารายณ์ เป็นหลัก เริ่มจากเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุได้รับสายโทรศัพท์จากเด็กผู้ก่อเหตุ มีตำรวจเป็นตัวกลางนำข้อมูลการเจรจาส่งให้กับตำรวจในพื้นที่เพื่อวางแผนเข้าระงับเหตุ ทั้งนี้ขอฝากถึงประชาชนอย่าโทรศัพท์มาป่วน หรือแจ้งเหตุเท็จกับสายตรวจ 191 เพราะในยามคับขันสายโทรศัพท์ดังกล่าว อาจมีความสำคัญต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ผบ.ทบ.สั่งสอบ จนท.สนามยิงปืนมีรายงานข่าวจากกองทัพบกแจ้งว่า หลังมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอภาพเด็กชายวัย 14 ปี ผู้ก่อเหตุกราดยิงประชาชนในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เคยไปซ้อมยิงปืนในสนามยิงปืนแห่งหนึ่งนั้น ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบสนามยิงปืนของนรด. ทำรายงานชี้แจงข้อเท็จจริง หลังมีภาพข่าวเด็กชายคนดังกล่าวเข้ามาใช้บริการที่สนามแห่งนี้ ทั้งนี้มีผู้ยืนยันเด็กชายวัย 14 ปี เข้ามาใช้บริการสนาม ยิงปืนของ นรด.จริง แต่ไม่สามารถระบุวัน เวลาได้ เนื่องจากกล้องวงจรปิดในสนามยิงปืนแห่งนี้ ไม่ได้มีการบันทึกเก็บข้อมูลเอาไว้ทั้งหมด ยากต่อการตรวจสอบ ทั้งนี้หน่วยงานต้นสังกัดได้ทำรายงานเสนอไปยังผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงแล้วอ่าวข่าว "ยิงกันที่พารากอน" เพิ่มเติม