การพัฒนาหนังสือเดินทางไทย ซึ่งอยู่ในเฟส 3 ของการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีทันสมัยในรูปแบบอี-พาสปอร์ต เมื่อปี 2562 เก็บข้อมูลทั้งใบหน้า ม่านตา และลายนิ้วมือ ซึ่งนับว่าปลอมกันไม่ได้แล้วแต่การที่เทคโนโลยีในยุคดิจิทัลก้าวไปแบบไม่หยุดกับที่ ดังนั้นช่วงสัญญาเฟส 3 มีระยะเวลา 7 ปี จะครบสัญญาวันที่ 4 ก.ค.2569 จึงต้องมีการพัฒนานำเทคโนโลยีดิจิทัลยุคใหม่เข้ามาใช้ รองรับการพัฒนาของต่างประเทศ นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุลกรมการกงสุล หน่วยงานบริการประชาชนของ กระทรวงการต่างประเทศ จึงเปิดรับฟังความเห็นและระดมสมองในวงกว้าง เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียภายนอก นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกระทรวงที่เปิดกว้างเช่นนี้นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล จึงเปิดสัมมนา “ทิศทางการพัฒนาหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์” ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้สนใจเข้าร่วมฟังเสวนาจำนวนมากช่วงแรกการเปิดสัมมนา นายรุจ กล่าวรายงานว่า ในปัจจุบันมีคนไทยถือหนังสือเดินทางอยู่ 14 ล้านคน โดยมีสำนักงานทำหนังสือเดินทางอยู่ทั่วประเทศ 25 แห่ง และมีตู้คีออสท์ (Kiosk) ทำด้วยตนเอง 6 แห่ง และบริการเคลื่อนที่ (พาสปอร์ตสัญจร) ปีละ 12 ครั้ง อายุหนังสือเดินทางมีทั้ง 10 ปี และ 5 ปี นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผช.รมว.ต่างประเทศ เปิดการสัมมนา “ทิศทางการพัฒนาหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์” มี นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการ ททท. นายดำรง พุฒตาล อดีต สว. ร่วมงาน ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท.ส่วนทิศทางหนังสือเดินทางของไทยในมิติใหม่เฟส 4 ที่จะครบสัญญา ปี 2569 และคาดว่าน่าจะสามารถใช้ได้ในปลายปี 68 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกรูปแบบเพื่อให้บริการประชาชนได้รวดเร็วและสะดวกที่สุดเชื่อว่าประชาชนชอบใจแน่ เพราะบริการใหม่จะเปิดให้ยื่นคำร้องแบบออนไลน์ โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักงานหนังสือเดินทางที่สำคัญคือการทำหนังสือเดินทางดิจิทัลรองรับ Digital Travel Credentails (DTCs) เพิ่มคุณลักษณะความปลอดภัยใช้ภาพสีแทนขาวดำ และมีโฮโลแกรมภาพเสมือนจริงเป็นภาพสี ในไบโอดาต้าเบส ที่สหรัฐฯ และยุโรปเริ่มใช้กันบ้างแล้วเป็นการเพิ่มมาตรการความปลอดภัย ใช้ภาพสีแทนภาพขาวดำ และมีโฮโลแกรมภาพบุคคลเสมือนจริงเป็นภาพสีในไบโอดาต้าเบส จะทำให้การตรวจคนเข้าเมืองแต่ละประเทศง่ายขึ้น นายศฐา อารยะกุล ผอ.กองหนังสือเดินทาง นายดำฤทธิ์ วิริยะกุล บก.ข่าวภูมิภาค นสพ.ไทยรัฐ ดร.ชัยยงค์ รักขิตเวชสกุล, ดร.ทรงพล ตีระกนก จาก ม.มหิดล เสวนา “หนังสือเดินทางในปัจจุบัน จุดแข็ง/ความท้าทาย”.ขณะที่ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผช.รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ ให้ความสำคัญเรื่องการต่างประเทศและบริการประชาชนคนไทย กรมการกงสุลเป็นหน่วยงานสำคัญทำงานตามนโยบาย “การทูตเพื่อประชาชน” และ “การทูตสาธารณะ”การจัดทำหนังสือเดินทางยุคก้าวกระโดดของเทคโนโลยี เป็นศักดิ์ศรีของประเทศไทยในการเดินทางและได้รับความสะดวก ขณะนี้กำลังเจรจากับสหภาพยุโรป (EU) เรื่องยกเว้นวีซ่าให้คนไทยเหมือนที่ประเทศไทยยกเว้นให้คราวไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่สหรัฐฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็ได้เจรจากับ รมช.เยอรมนี ขอยกเว้นเชงเกนวีซ่าให้กับคนไทยได้หรือไม่ อยู่ที่ความน่าเชื่อถือของหนังสือเดินทางไทยด้วย นายณรงค์ บุญเสถียรวงศ์ รองอธิบดีกรมการกงสุล นำเสวนากับ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยียุคใหม่ มี ดร.อาศิส อัญญะโพธิ์, น.ส.พลอย เจริญสม, รศ.ดร.ประทิต สันติประภพ, ดร.อิทธิพล รัศมีโรจน์ ร่วมให้ความรู้.ช่วงที่สองของการสัมมนา หัวข้อเรื่อง “งานบริการหนังสือเดินทางไทยในปัจจุบัน : จุดแข็งและความท้าทาย”มีประเด็นสำคัญคือการบริการดีรวดเร็ว ทันสมัย และไม่มีการตรวจพบว่ามีการปลอมแปลงในหนังสือเดินทางปัจจุบันช่วงที่สาม หัวข้อ “แนวโน้ม/ทิศทางการพัฒนางานบริการหนังสือเดินทางไทย” เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลระดับกูรูของไทยมาอธิบายเทคโนโลยีดิจิทัลยุคใหม่ที่จะเข้ามาใช้กับหนังสือ เดินทางยุคใหม่ได้ และสอดคล้องกับต่างประเทศ ผู้สนใจเข้าฟังการสัมมนาเพื่อรับรู้ก้าวใหม่การพัฒนาหนังสือเดินทางยุคใหม่.หัวข้อนี้มีตัวแทนจาก สตม. ลุกขึ้นถามว่า การเก็บข้อมูลในหนังสือเดินทางปัจจุบันทั้งใบหน้า ม่านตาและลายนิ้วมือแล้ว แบบใหม่ยังจะมีเทคโนโลยีอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง ซึ่งกูรูทั้งหลายอธิบายให้เข้าใจเชิงลึกเป็นที่พอใจทิ้งท้าย นายดำรง พุฒตาล อดีต สว. ฝากไว้ว่า หนังสือเดินทางไทยมาตรฐานทันสมัยแล้ว ทำอย่างไรให้ประเทศต่างๆยกเว้นวีซ่าให้กับคนไทย เหมือนที่ประเทศไทยยกเว้นให้คนชาติเขาด้วยมีคนฟังสรุปกันว่า ถึงหนังสือเดินทางไทยมาตรฐานทันสมัย แต่หากยังมีคนไทยไปเป็น “โรบินฮู้ด” หรือ “ผีน้อย” ไปแล้วไม่กลับ ไปแอบทำงาน ย่อมส่งผลกระทบที่ประเทศต่างๆจะไม่ให้ฟรีวีซ่าแก่คนไทย.ทีมข่าวภูมิภาค รายงาน