โจรใต้อัดระเบิดยัดถังแก๊สปิกนิก ใส่ในรถเก๋งทำ “คาร์บอมบ์” ก่อนขับมาจอดกลางสี่แยกในตัวเมืองสุไหงโก-ลก คนขับเปิดประตูวิ่งไปซ้อนท้าย จยย.พรรคพวกพาหลบหนี ไม่ถึง 5 นาทีบึมสนั่น ไฟลุกท่วมรถเก๋งแหลกทั้งคัน แถมยิงปืนและขว้างไปป์บอมบ์ใส่บ้านพักเจ้าหน้าที่ ผู้การนราธิวาสยืนยันเป็นฝีมือแนวร่วมสร้างสถานการณ์ ป่วน ไม่ใช่การเบี่ยงเบนประเด็นโกดังพลุประทัดระเบิดแน่นอนเหตุอุกอาจคนร้ายขับรถเก๋งมาจอดบนถนนตัดทางรถไฟใกล้สี่แยกไฟแดงอรกานต์ หมู่ 1 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ก่อนลงจากรถเก๋งไปขึ้นรถ จยย.ที่เพื่อนขี่มารับ และจุดชนวนระเบิดเสียงดังสนั่นไฟลุกท่วม รถเก๋งแหลกทั้งคัน เศษซากชิ้นส่วนรถยนต์ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนนในรัศมี 100 เมตร ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก เหตุเกิดเวลา 20.07 น. วันที่ 5 ส.ค. เจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นการจราจรและกันพื้นที่ห้ามผ่านเด็ดขาดทั้งรถยนต์และรถไฟต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 ส.ค. พ.ต.อ.ปรัชญา ไบเตะ ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พร้อมชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดอโณทัย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และทหารชุดสุนัขสงครามดมกลิ่น สนธิกำลังไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุคนร้ายใช้รถเก๋งจอดทำคาร์บอมบ์ บริเวณถนนตัดทางรถไฟสี่แยกอรกานต์ หมู่ 1 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก หลังเกิดเหตุช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา เนื่องจากเกรงคนร้ายแอบซุกระเบิดก่อเหตุซ้ำตรวจสอบพบระเบิดแสวงเครื่องอีก 1 ลูก ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิกน้ำหนัก 20 กก. ตกอยู่ข้างรางรถไฟ เป็นระเบิดที่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เจ้าหน้าที่ได้เปิดเครื่องรบกวนสัญญาณโทรศัพท์มือถือและวิทยุสื่อสาร ก่อนเข้าไปเก็บกู้ขนย้ายออกจากพื้นที่นำไปทำลาย คาดระเบิดลูกนี้กระเด็นออกจากรถเก๋งที่ใช้ทำคาร์บอมบ์ เนื่องจากระเบิดในรถเก๋งทำงานเพียง 1 ลูก ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำลายล้างของคาร์บอมบ์มีอานุภาพน้อยลงในจุดเกิดเหตุพบซากรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ขง 1540 สงขลา ถูกแรงอัดระเบิดกลายเป็นเศษเหล็ก ส่วนบริเวณด้านหลังฐานปฏิบัติการชั่วคราวจุดตรวจบุญยลาภนฤมิตร ที่เป็นบ้านน็อกดาวน์ใช้เป็นเรือนนอนของเจ้าหน้าที่ อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 40 เมตร พบปลอกกระสุนปืน 9 มม.ตกอยู่ 8 ปลอก และในพงหญ้ารกทึบข้างบ้านน็อกดาวน์ พบร่องรอยระเบิดไปป์บอมบ์ 1 ลูกตกใส่ แต่บ้านน็อกดาวน์และทรัพย์สินไม่ได้เสียหายสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ คนร้ายแยกกันทำงาน 3 ชุด ชุดที่ 1 ขับรถเก๋งมีระเบิดแสวงเครื่องในถังแก๊สปิกนิก 2 ลูก หนักราว 50 กก. จุดชนวนด้วยการตั้งเวลา มาตามถนนมุ่งหน้าจากสาย อ.แว้ง จ.นราธิวาส พุ่งตรงมายังจุดตรวจบุญยลาภนฤมิตร เมื่อถึงสี่แยกอรกานต์คนร้ายชุดที่ 2 ที่ซุ่มอยู่ด้านหน้าบ้านน็อกดาวน์ได้ใช้ปืนพก 9 มม.ยิงข่มขู่ เมื่อรถเก๋งคาร์บอมบ์ขับรถมาจอดสี่แยกได้สำเร็จ คนขับได้ลงจากรถเก๋งวิ่งไปขึ้นรถ จยย.ที่เพื่อนขี่มารับพาหลบหนีไป จากนั้นประมาณ 5 นาทีได้เกิดระเบิดขึ้น ระเบิด 1 ใน 2 ลูกที่ไม่ทำงานกระเด็นตกลงริมทางรถไฟคนร้ายชุดที่ 3 ได้ขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ 1 ลูก เพื่อเบิกทางให้คนร้ายทั้ง 2 ชุดหลบหนีได้อย่างสะดวกหลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ดิเรก โฉมยงค์ รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส เดินทางมาดูจุดเกิดเหตุและสั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้าจุดเกิดเหตุ สามารถบันทึกพฤติกรรมคนร้ายไว้ได้ทุกขั้นตอน เชื่อว่าคนร้ายกลุ่มนี้เป็นแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ มุ่งสร้างสถานการณ์ป่วนเมือง ไม่ได้มุ่งหวังต่อชีวิตหรือทรัพย์สิน แต่ยังไม่ตัดทิ้งประเด็นสร้างสถานการณ์เบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่จากเหตุโกดังพลุระเบิดใน ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลกต่อมา พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จ.นราธิวาส กล่าวถึงเหตุคาร์บอมบ์ว่า เหตุที่เกิดขึ้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีโกดังเก็บพลุดอกไม้ไฟระเบิด ที่มีการกล่าววิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา และการระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ได้รับความเสียหายถือเป็นความโชคดี คนร้ายซุกซ่อนระเบิดไว้ในรถเก๋ง 2 ถัง แต่เกิดระเบิดขึ้นเพียง 1 ถัง ส่วนอีก 1 ถังได้กระเด็นออกมาจากตัวรถ ไม่เช่นนั้นบ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่ตั้งฐานจุดตรวจต้องได้รับความเสียหายด้วยขณะเดียวกันเมื่อเวลา 20.20 น. วันที่ 5 ส.ค. ร.ต.อ.หญิง นูรูลฮูดา พฤติพัฒนพงศ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองยะลา ไปสอบสวนมีผู้ถูกระเบิดเจ็บ 2 ราย เข้ารักษาที่ รพ.ศูนย์ยะลา ชื่อ น.ส.สาปีนะห์ สาแมง อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 270/1 หมู่ 2 ต.ลูโบะสาวอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และ น.ส.พิมพ์ลภัส ศิลาโรจน์ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 ถนนเทศบาล 3 อ.เมืองยะลา ทั้งคู่บาดเจ็บที่ต้นขาขวาและซ้าย แพทย์ให้การช่วยเหลืออยู่ในห้องฉุกเฉิน สอบสวนทราบว่า ผู้บาดเจ็บขี่รถ จยย.กลับจากตลาดผ่านมาถึงถนนวงเวียน 3 ด้านสนามช้างเผือก เขตเทศบาลนครยะลา จู่ๆเกิดระเบิดขึ้นริมกำแพงบ้านพักตำรวจ สภ.เมืองยะลา สะเก็ดระเบิดกระเด็นใส่ขาบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุคาดเป็นระเบิดปิงปองหรือประทัดยักษ์ สันนิษฐานแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบ สร้างสถานการณ์ให้เกิดความปั่นป่วน