ผู้การสระบุรีแจงกรณี ผกก.มือปราบถูกเมียน้อยร้องเรียนลูกน้องในสังกัดไม่ยอมส่งเสียเลี้ยง ดูลูก หลังแอบคบหากัน 6 ปีเมื่อครั้งเป็นรอง ผกก.จนมีลูกสาววัย 2 ขวบ ก่อนถูกเมียหลวงจับได้กลับทิ้งขว้าง เผยหลังทราบเรื่องเรียกคู่กรณี 3 ฝ่าย ทั้ง ผกก. ภรรยาหลวงและเมียน้อยมาเจรจาถึงที่ทำงาน แต่ตกลงกันไม่ได้ ฝ่ายเมียน้อยร้องเอาผิดทางวินัย อยู่ระหว่างตั้งกรรมการสอบเรียกมาให้ปากคำวันที่ 26 ก.ค.นี้ ยันพร้อมให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายกรณี น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี อ้างเป็นภรรยาน้อยนายตำรวจระดับ ผกก. สังกัด บก.ภ.จ.สระบุรี บุกร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังแอบคบหากันตั้งแต่เป็นรอง ผกก. จนมีลูกสาว 1 คน พร้อมส่งเสียเลี้ยงดูเดือนละ 3-5 หมื่นบาท และหลังเลื่อนยศเป็น ผกก. เพิ่มให้เดือนละ 1 แสนบาท ช่วงหลังไปติดพันสาวเอนเตอร์เทนและเบี้ยวไม่ยอมส่งเงินให้แถมถูกเมียหลวง ฟ้องร้องเป็นชู้ เรียกค่าเสียหายกว่า 1 ล้านบาทจนต้องนำเรื่องเข้าร้องเรียนผู้บังคับบัญชาแต่เรื่องเงียบ อีกทั้งถูกข่มขู่ห้ามไปร้องสื่อ กลัวจะไม่ปลอดภัย ตัดสินใจร้องขอความเป็นธรรมผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่ บก.ภ.จ.สระบุรี เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ก.ค. พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จ.สระบุรี พร้อมด้วยนายวิจิตร วงศ์สุวรรณ ทนายความ ผกก.คนดังกล่าวที่ถูก น.ส.เอ ภรรยาน้อยร้องเรียน ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงรายละเอียดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดย พล.ต.ต.วิชิตเปิดเผยว่า เรื่องนี้ได้รับการร้องเรียนเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาไม่ได้นิ่งนอนใจเชิญคู่กรณีทั้งสามคนคือ ผกก. ภรรยาหลวงและภรรยาน้อยมาพูดคุยกันที่ บก.ภ.จ.สระบุรี แต่ฝ่ายภรรยาหลวงรออยู่ด้านนอก ไม่ได้เข้ามาพูดคุยกันผบก.ภ.จ.สระบุรีกล่าวต่อว่า สรุปข้อเท็จจริงเบื้องต้นคือ ผกก.แต่งงานจดทะเบียนสมรสมาก่อนแล้ว ส่วนอีกคนไม่ได้จดทะเบียน แต่อยู่กินกันมาราว 6 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน อายุ 2 ขวบ ต่อมามีปัญหากัน เพราะเรื่องรู้ถึงภรรยาหลวงจนมีเรื่องทะเลาะกัน ทำให้ ผกก.ขาดการส่งเสียเลี้ยงดู ก่อนตัดสินใจเลือกภรรยาหลวง และร้องให้ตรวจอีเอ็นเอลูกสาว ปรากฏว่าผลออกมาเป็นลูกของ ผกก.จริง ก่อนรับเป็นพ่อส่งเสียเลี้ยงดู และยินดีจดทะเบียนรับรองบุตร ต่อมา น.ส.เอไปร้องต่อสื่อเรียกร้อง ค่าเสียหายเป็นเงิน 2 ล้านบาท และค่ารายเดือนอีกเดือนละ 2 แสนบาทแต่ตกลงกันไม่ได้พล.ต.ต.วิชิตกล่าวอีกว่า ตามข้อเท็จจริงแล้วตัว ผกก.ก็ไม่ได้มีฐานะอะไร เท่าที่พูดคุยกัน ผกก.มีความพยายามที่จะกู้เงินสหกรณ์ตำรวจและสถาบันการเงินอื่นๆ เพื่อหวังจะทำให้เรื่องจบ แต่เมื่อไม่สามารถตกลงกันได้ ผกก.ก็จะนำเรื่องขึ้นสู่ศาล เป็นเรื่องของทางแพ่ง เพื่อให้ศาลเป็นผู้พิจารณาเรื่องตัวเลขที่ ผกก.สามารถรับได้ ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาก็พยายามเจรจาให้ แต่ไม่เป็นผล ฝ่ายผู้ร้องยืนยันจะร้องเรียนทางวินัยให้ได้ จึงแต่งตั้งคณะกรรมการตามคำสั่งที่ 150/2566 เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2566 คณะกรรมการได้รายงานมาบ้างแล้ว อยู่ระหว่างนัดผู้ร้องมาสอบอีกครั้งในวันที่ 26 ก.ค.นี้ แต่ฝ่ายผู้ร้องไม่รอไปร้องต่อสื่อ“เรื่องวินัยต้องรอรับฟังผลการสอบสวนก่อน ถ้าจะผิดอาจผิดที่ประพฤติตัวไม่สมควร แต่หากข่มขู่ทำร้ายก็อาจมีโทษร้ายแรงถึงปลดออกไล่ออก เรื่องนี้พร้อมให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตามเท่าที่รู้จัก ผกก.นายนี้เป็นคนมีวินัย ไม่มีอะไรด่างพร้อย มีฝีมือการทำงานดีมาก สามารถจับกุมยาเสพติดได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งยาบ้านับสิบล้านเม็ด ยาไอซ์และสารตั้งต้นอีกมากมาย เรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว” ผบก.ภ.จ.สระบุรีกล่าวด้านนายวิจิตร ทนายความของนายตำรวจคนดังกล่าว กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นได้สอบถาม ผกก.ลูกความแล้วทราบว่า ผกก.ได้ส่งเสียให้ลูกสาวอย่างต่อเนื่อง เท่าที่ทราบประมาณเดือนละ 3,000 บาท ทราบว่า ผกก.ได้กู้เงินจากสหกรณ์ตำรวจมา 3 ล้านบาทเพื่อมาใช้จ่ายในครั้งนี้ ส่วนเรื่องคดีที่มีการฟ้องร้องกันยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาไกล่เกลี่ยของศาลซึ่งสามารถยอมความกันได้