สามก๊ก ตอนกลเมืองว่าง ผมเล่าไปแล้วหลายครั้ง...เนื้อหาเปลี่ยนแปลงไปตามหนังสือตรงหน้าฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ขงเบ้งตีขิม พิชัยสงครามสามก๊ก ฉบับคุณสังข์ พัธโนทัย ขงเบ้งเป่าขลุ่ย อีกสองฉบับต่อๆมาชักจะเข้ารูป ขงเบ้งดีดกู่ฉิน ขงเบ้งดีดกู่เจิง ผู้รู้ท่านก็ทักมาอีก กู่เจิงเล่นในห้องกว้าง กู่ฉินเล่นในห้องแคบก็คงเป็นเรื่องความซับซ้อนของอักษรจีนโบราณล่ะครับ...เล่มล่า ภูมิปัญญาสามก๊ก บุญศักดิ์ แสงระวี แปล สำนักพิมพ์แสงดาว เพิ่งฝากมาถึงมือ ผมเจอหัวข้อ ขงเบ้งใช้เสียงดนตรี หยุดทัพสุมาอี้ 15 หมื่น...ก็รีบอ่าน อยากรู้ครับ ฉบับนี้ เครื่องดนตรีอภินิหารที่ขงเบ้งใช้คืออะไร?ทบทวน กลเมืองว่าง สำนวนนี้กันอีกสักครั้งสถานการณ์ตอนนี้ ขงเบ้งเริ่มเป็นฝ่ายถอย เมื่อเกเต๋งหลุดมือ ทัพจ๊กก๊กก็ต้องใช้กลยุทธ์หนี และหนีขงเบ้งสั่งกวนหินเตียวเปา นำทหารสามพันไปยังทางเล็กที่ภูเขาปักสัน กำชับเมื่อพบทหารวุยก๊ก ก็ขอให้ทำแค่ตีกลองตีฆ้องโห่ร้อง ไม่ต้องรบ พอทหารวุยก๊กถอยหมดแล้ว จึงค่อยถอนกำลังไปยังอ่านเองบังก๋วนส่งเตียวเอ๊ก นำทหารไปซ่อมทางขอนไม้หน้าผาเกียมก๊ก ขณะเดียวกันก็ให้เกียงอุย และม้าต้ายรั้งอยู่ท้าย ซุ่มอยู่ในหุบเขาวางแผนหนียอกย้อนซับซ้อนแล้ว ขงเบ้งเหลือทหารห้าพัน ขนเสบียงและหญ้าม้าไปตั้งหลักที่เมืองเสเสียแต่เกิดเหตุที่ไม่คาดหมาย ทหารควบม้ามาส่งข่าวด่วน...สุมาอี้นำทัพ 15 หมื่นมุ่งหน้ามายังเมืองเสเสีย สถานการณ์นั้น แม่ทัพนายกองไม่มีอยู่ใกล้ตัว ทหารขงเบ้งเหลืออยู่ 2500 คน อีก 2500 คนกำลังขนเสบียงขงเบ้งขึ้นกำแพงดู เห็นทหารสุมาอี้บุกเร็วรี่แยกเป็นสองทาง ฝุ่นตลบท้องฟ้าขงเบ้งออกคำสั่ง ให้ทหารเก็บตัวเงียบในที่พัก สั่งเปิดประตูเมืองสี่ด้าน แต่ละประตูให้ทหาร 20 คน แต่งตัวเป็นชาวบ้านกวาดถนนหนทางไปตามประสาจัดฉากเมืองเสเสียเสร็จ ขงเบ้งก็สวมเสื้อคลุม โพกผ้าบนศีรษะ สั่งเด็กสองคนนำพิณ (อา! เป็นอันว่า คุณบุญศักดิ์ แสงระวี แปลเครื่องดนตรีนี้ว่า พิณ)จุดธูปก่อน ขงเบ้งก็เริ่มดีดพิณ ท่าทีสำเริงสำราญบานใจฉากเมืองเสเสียตรงหน้า กองทัพสุมาอี้มาประชิดติดเชิงกำแพง ก็ชะงัก สุมาอี้เองก็สงสัย ฟังเสียงพิณที่ก้องกังวาน บอกจิตใจคนดีดที่แจ่มใสมั่นคงสถานการณ์นี้ ถ้าเป็นแม่ทัพอื่น ที่มุทะลุดุดัน ก็คงสั่งบุกถล่มล่มเมืองเสียทันที แต่นี่เป็นสุมาอี้ขี้สงสัย คู่ศึกที่รู้ดีขงเบ้งรอบคอบแค่ไหนพริบตานั้น สุมาอี้ก็ตัดสินใจสั่งทัพหน้าให้กลับเป็นทัพหลัง สั่งทัพหลังเป็นทัพหน้า ถอยหนีแบบตะลีตะลานวิเคราะห์กลเมืองว่าง ความสงสัยที่มิอาจไม่สงสัย สภาพการณ์พิสดาร เงื่อนไขยิ่งสุดพิสดารหนีไปไกลแสนไกล หลอกว้านจง ผู้แต่งเติมสามก๊กตอนนี้ ยังพรรณนาว่า สุมาอี้ ยกมือคลำที่คอ แล้วดีใจที่รู้ว่าหัวยังไม่หายผมขอจบกลเมืองว่างฉบับนี้ ด้วยคำนำสำนักพิมพ์แสงดาว เขาเขียนไว้ดีจริงๆรบเพื่อยึดครองใจ มิใช่รบเพื่อยึดครองเมือง ศัตรูกลับกลายเป็นมิตรทั้งเมือง...นี่เป็นประเด็นที่น่าสนใจยิ่งเพราะชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือชนะใจศัตรู ยิ่งศัตรูให้ความนับถือ นั่นคือสุดยอดแห่งชัยชนะเยื่อหยิ่งทระนงตน “กูเท่านั้นที่เป็นหนึ่ง” ยิ่งได้รับชัยชนะ ยิ่งมองข้ามศัตรู...พัง!นี่น่าจะเป็นคำเตือน ที่เข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองใกล้ๆ ส่วนใครจะเอาไปใช้ ก็แล้วแต่สติปัญญาและวาสนา ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะตัว.กิเลน ประลองเชิง