เป็นละครสุดฮีลใจ ดูแล้วดีไปหมดกับละคร “มาตาลดา” ช่อง 3 ที่กำลังมาแรงเรตติ้งพุ่งแรง กระแสพูดถึงแง่คิดดีๆต่างๆมากมาย ทำเอานางเอกสาว เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ ผู้รับบท “มาตาลดา” ประกบหนุ่ม เจมส์-จิรายุ ผู้รับบท เป็นหนึ่ง หรือ ปุริม เผยความรักที่มีต่อตัวละครนี้เริ่มจาก เรื่องนี้ เต้ย รับบท มาตาลดา แปลว่าลูกสาว อันเป็นที่รักของแม่ เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่เป็นปกติของสังคม โตมาด้วยคุณแม่ที่เป็นคุณพ่อ คือ พี่ชาย-ชายโยดม เป็น LGBTQ+ แต่เป็นพ่อจริงๆ เพราะ อากง-อาม่าไม่ยอมรับ เลยต้องทำให้พ่อแม่แฮปปี้แต่งงานมีลูกตามขนบธรรมเนียม แต่สุดท้ายทนความไม่เป็นตัวเองไม่ได้จริงๆ แต่จะดูแลลูกให้ดีที่สุด มาตาเติบโตมาด้วยความรักจากพ่อเกรซและพี่ป้าน้าอาที่เปิดผับแดรกควีน ถึงมาตาถูกเพื่อนล้อแต่พ่อก็พาไปพบจิตแพทย์ตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ลูกเห็นคุณค่าของตัวเองจากข้างในจริงๆ”ต่างจากเรื่องที่เคยเล่นยังไง?“ต่างมากเลย มันมีจุดที่ไม่ยาก ด้วยความที่มาตาไม่ใช่คนเพอร์เฟกต์ เป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ได้เรียบร้อย เค้าจะมีความเรื่อยเปื่อยของเค้าซึ่งอันนี้เล่นไม่ยาก แต่ด้วยความซับซ้อนตัวละครในแง่ที่เค้ามองโลกอย่างเข้าใจ มองคนเท่ากันหมด ทุกคนมีความน่ารัก มีความดีในแบบของตัวเองไม่ว่าจะเพศใดหรือใครก็ตาม เป็นคนที่สว่าง ซึ่งสิ่งนี้บางทีมันยากสำหรับเต้ย เพราะชีวิตจริงบางทีเราก็เป็นคนขี้นอยด์ คิดมาก เวลาเจองานเจออะไรหลายๆอย่าง มันต้องเคลียร์ตัวเองเวลามาเล่นเป็นเค้า”บทนี้ดูลิงก์กับเต้ย เพราะคนนึกถึงเต้ยก็นึกถึงพลังบวก?“ก็ดีใจค่ะ ถ้าได้เป็นพลังบวกให้ใคร มาตาก็เป็นไอดอลของเต้ยเลย เค้ารับมือกับเรื่องราวในชีวิตได้ดีมาก เวลาเจอปัญหาไม่ได้เอาอารมณ์มาครอบ แยกแยะได้ มีการจัดการ เค้ามี support system ที่ดีมากๆคือครอบครัว”ดึงความเป็นเต้ยมาไว้ในนางเอกคนนี้ยังไง และเอาความเป็นมาตามาใช้กับชีวิต เต้ยยังไง?“เอาเค้ามาใช้กับชีวิตจริงยังไงก่อนดีกว่า เค้า inspired เต้ยหลายอย่างมาก ช่วงอายุตอนนี้ของเต้ยก็มีความกังวลเยอะ คำพูดของเค้ามันสอนเราและสอนคนดู เช่น พ่อเกรซสอนมาตาว่าความกลัวมันจะน่ากลัวที่สุด ตอนที่มันอยู่ในหัวของเรา แต่พอเรากล้าสู้หน้ากับมันแล้ว มันก็จะกลายเป็นเรื่องเล็กทันที ซึ่งมันใช่มาก เราก็ได้เอาพลังความใจดีของมาตา คำสอนของพ่อเกรซ มาดูแลตัวเอง ส่วนเอาตัวเองเข้าไปเป็นมาตายังไง เต้ยคิดว่ามาตา มีประสบการณ์ในชีวิตเยอะเหมือนกัน เลยเอาความเข้าอกเข้าใจบางอย่างที่เต้ยเจอมาในชีวิตมาใช้ ส่วนความดราม่าในเรื่องนี้ในพาร์ตของมาตา เป็นดราม่าแบบที่อิ่มอกอิ่มใจที่สุด เช่น การไปเจออาม่าอากง ถ้ามีคนถามว่าคาดหวังมั้ย ก็จะตอบเลยว่าคาดหวังนะ เพราะอยากให้คนได้ดูละครเรื่องนี้จริงๆ เต้ยเห็นความตั้งใจของพี่จ๋า-ยศสินี ผู้จัดมันเป็นแนวใหม่จริงๆ แต่มันมีค่ามากๆกับการที่คนดูจะได้ฮีลใจไปด้วยตัวละครแต่ละตัวน่าจะทัชใจใครได้บ้าง การมองโลก การมีความสุขง่ายๆมันมีค่ามากเลย เต้ยขอให้รางวัลก่อนเลยได้มั้ย มันเป็นละครสร้างสรรค์สังคม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เต้ยมีความสุขที่ได้มาทำงานด้วยและรู้สึกภูมิใจที่ได้อยู่ในงานชิ้นนี้”ตั้งแต่วันแถลงข่าวละคร “มาตาลดา” พอพูดถึงเรื่องนี้ เต้ยเสียงสั่น?“ไม่รู้เหมือนกัน แปลกมาก มันอินจริงๆมันรู้สึกว่าชอบพลังความใจดีของมาตา ของเรื่องนี้มากเลย”ร่วมงานกับเจมส์จิอีกครั้งเป็นไงบ้าง?“แฮปปี้มากค่ะ เต้ยเคยเล่นหนังกับเจมส์เมื่อ 8 ปีที่แล้วจะรู้จักและสนิทกับน้อง แต่ตอนนี้เราเริ่มสนิทกันมากขึ้นในหลายมิติ พอต้องมาเล่นละครด้วยกันมันแปลก เต้ยเลยขอผู้จัดเวิร์กช็อปกับเจมส์ เค้าเก่งมากๆ เจมส์น่ารักอยู่แล้ว เป็นความสว่าง มีความเป็นมาตาในตัวความสัมพันธ์มันจะค่อยๆเกิดขึ้น แต่ด้วยความที่สองคนนี้ต่างกัน แต่มีสิ่งที่เหมือนกันคือข้างในมีความใจดี”มีฉากหวานๆกุ๊กกิ๊กให้ฟินมั้ย?“มีค่ะ ถ้าดูแรกๆก็จะเป็นหวานแบบแปลกๆ เป็นจังหวะเจอกันทำความรู้จักกัน อยู่ดีๆผู้หญิงคนนี้ก็ซึมเข้าไปในชีวิตของผู้ชายที่แบบปิดประตูให้กับทุกอย่าง มันจะเริ่มเป็นความสัมพันธ์ที่ดีไปเรื่อยๆ เต้ยคิดว่าคู่นี้ใช้คำว่าคู่ชีวิตได้ เป็นเพื่อนช่วยคิด เพื่อนคู่คิดในชีวิต เป็นคู่ชีวิตที่ดี มันจะไม่ได้แบบ โอ้โห หวือหวาเบอร์นั้น แต่มันค่อยๆไปแบบมีคุณค่า เป็นคู่ที่ลงตัวค่ะ”แพลนงานต่อๆไปยังไงบ้าง?“มีดูๆบทอยู่บ้าง แต่ว่าหลังจากนี้เต้ยรู้สึกอยากเล่นอะไรที่มันท้าทายตัวเองมากขึ้น เพราะบางทีเราอาจจะได้บทที่มันคล้ายเดิมบ้าง อย่างมาตาลดาเต้ยก็แฮปปี้สุดๆไปเลย หลังจากนี้ก็รู้สึกว่าอยากลองพลิกบ้าง ที่มันมีความท้าทายไปเรื่อยๆ และก็คิดถึงพวกหนังเหมือนกัน ไม่ได้กลับไปเล่นหนังนานแล้ว”บทแบบไหนที่อยากเล่น?“บทที่มีความเข้มข้น จริงๆคอมเมดี้ก็ท้าทายอยู่นะคะ บู๊แอ็กชันไม่ได้อยากเล่นนะคะ ส่วนพีเรียดยังไม่เคยเล่นแบบเบอร์พีเรียดขนาดใส่สไบ ก็อาจจะเป็นไปในทางที่ตัวละครมันไม่ใช่ขาว ตัวละครไม่ได้ร่าเริงมากๆ อาจจะมีความเทาบ้าง”เราอยากโตขึ้นในแง่ของการแสดง?“ก็ด้วยค่ะ อยู่วงการคนชอบคิดว่าเต้ยเด็ก ก็ดีแต่ถ้ามีบทให้โตไปตามอายุด้วยเหมือนกันก็ดีค่ะ”เรารู้สึกอย่างไรบ้างที่คนคิดว่าเราเด็กอยู่ตลอด?“ก็ชิลๆแหละ แต่เต้ยก็เชื่อว่าด้วยตัวเต้ยจริงๆเป็นคนจริงจังนะคะ คนเรามันก็มีหลายมุม แต่ก็สบายๆค่ะ แล้วแต่คนเขามองเต้ยยังไง บางคนก็รู้จักจากหนูสาบ้าง บางคนรู้จักจากหนีตามกาลิเลโอ บางคนดูเคาท์ดาวน์ เขาก็จะเห็นเราในมุมอื่นๆ คือมันแล้วแต่ว่าคนจะรู้จักเราแบบไหน”ลุคความเป็นเด็กมีผลต่อการรับงานไหม?“มันก็มองว่ามีข้อจำจัดบ้างก็มีค่ะ แต่ว่าถ้าจะมองว่าเป็นข้อดีเต้ยก็ว่ามีมาก (หัวเราะ) ก็มีมากเหมือนกันนะ การที่เราหน้าเด็ก ก็ยังรับงานได้เรื่อยๆเลยนะคะ”แต่รุ่นน้องนักแสดงเรียกเราว่าจารย์เต้ย?“มีแต่เจมส์นั้นแหละ ที่เรียกเต้ยจารย์เต้ย แต่เดี๋ยวนี้เต้ยต้องเรียกเจมส์ว่าจารย์เจมส์ เขาเก่งขึ้นแบบมากๆไปเลย ตั้งแต่รู้จักกันตอนแรกที่เล่นหนังกับเจมส์คือเพิ่งเล่นคุณชายพุฒิภัทร ช่วงนั้นเค้าก็จะใหม่ๆอยู่ แล้วพอเราไม่ได้เล่นด้วยกันนานแล้วกลับมาทำงานด้วยกัน รู้สึกเซอร์ไพรส์มากมันเป็นความภูมิใจในตัวเค้าด้วย คือเต้ยก็รักเจมส์เหมือนเพื่อนเหมือนน้องคนหนึ่ง พอเขาเติบโตมารู้ไปหมดรู้ทุกเรื่อง (หัวเราะ) แล้วเค้าใส่ใจในการทำงาน แล้วก็เรื่องของแอ็กติ้ง ทำไดนามิกอารมณ์ในตัวละครได้ดีมากๆ สำหรับเรื่องมาตาค่ะ คิดว่ามาตาลดาเป็นละครที่เชิดชูความหล่อเจมส์ (หัวเราะ) แล้วก็ความสามารถเค้าค่ะ”ดูปลื้มเจมส์มาก?“ปลื้มค่ะ แต่อย่าไปบอกเค้านะ (ยิ้ม) ไม่ได้กลัวเค้าเหลิงหรอกค่ะ แต่เค้าจะชมตัวเองไปเรื่อยๆ ครับๆผมหล่อ (ยิ้ม)”.เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ